ศูนย์บริการตรวจคนเข้าเมืองแห่งสาธารณรัฐเกาหลี เปิดให้ต่างชาติอยู่เกินวีซ่า รายงานตัวไม่เสียค่าปรับ ถึง 30 มิ.ย. 63 ก่อนจับปรับสูงสุด 20 ล้านวอน พร้อมตั้ง “ทีมสืบสวนข้อมูลไซเบอร์” 4 ตม.หลัก เก็บข้อมูลจ้างงานผิดกฎหมายผ่านโซเชียลฯ ทำผลงานจับกุม 3 นายหน้าคนไทย ชักชวนผีน้อยทำงานผิดกฎหมายกว่า 150 คน
วันนี้ (12 ธ.ค.) รายงานข่าวจากสาธารณรัฐเกาหลีแจ้งว่า ศูนย์บริการตรวจคนเข้าเมืองแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ได้ออกมาตรการแก้ปัญหาการเข้าเมืองเพื่อขายแรงงานโดยผิดกฎหมาย โดยให้แรงงานไทยที่อยู่เกินวีซ่าที่กำหนด รายงานตัวกลับโดยสมัครใจ ไม่เสียค่าปรับและไม่ห้ามเดินทางเข้าประเทศ ตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค. 2562 ถึง 30 มิ.ย. 2563 พร้อมกันนี้ นายจ้างภาคอุตสาหกรรมการผลิตขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) หากสมัครใจแจ้งการจ้างงานผิดกฎหมายจะไม่ต้องจ่ายค่าปรับ และอนุญาตให้จ้างแรงงานต่างชาติที่ถูกกฎหมายได้ชั่วคราว ระหว่างวันที่ 11 ธ.ค. 2562 ถึง 31 มี.ค. 2563
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. - 30 ก.ย. 2563 หากแรงงานไทยที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รายงานตัวกลับ จะต้องเสียค่าปรับ 30% ของค่าปรับ 20 ล้านวอน และตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2563 เป็นต้นไป จะเสียค่าปรับ 50% ของค่าปรับ 20 ล้านวอน หากถูกจับกุมตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2563 จะต้องเสียค่าปรับตามระยะเวลาที่อยู่เกินวีซ่า ส่วนผู้ที่ถูกจับกุมและอยู่เกินวีซ่า 3 ปีขึ้นไป จะเสียค่าปรับ 20 ล้านวอน หรือประมาณ 5.08 แสนบาท ทั้งนี้ ผู้ที่จ่ายค่าปรับก่อนกลับประเทศ จะไม่ห้ามเดินทางเข้าประเทศเกาหลีใต้ โดยตรวจคนเข้าเมืองจะตรวจสอบก่อนให้เข้าประเทศเช่นเดิม
ผู้ที่เดินทางกลับและไม่จ่ายค่าปรับ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. - 30 ก.ย. 2563 จะห้ามเข้าประเทศเกาหลีใต้ 1-10 ปี และตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2563 เป็นต้นไป จะห้ามเข้าประเทศเกาหลีใต้ 3-10 ปี
อ่านโพสต์ต้นฉบับ คลิกที่นี่
ก่อนหน้านี้เฟซบุ๊ก Korea Immigration Service ของศูนย์บริการตรวจคนเข้าเมืองแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ได้รายงานผลการดำเนินคดีกับขบวนการเข้าเมืองเพื่อมาทำงานอย่างผิดกฎหมาย ของนายหน้าคนไทย โดยเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. รายงานว่า ชุดตรวจค้นได้เข้าตรวจสอบสถานประกอบการนวด 2 แห่งในกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ พบคนไทย 8 คน เข้าเมืองเพื่อมาทำงานอย่างผิดกฎหมาย โดยมีนายจ้างเป็นชาวเกาหลี และหญิงไทยซึ่งเป็นนายหน้า เป็นคนแนะนำและพามาทำงานเป็นนวดในสถานประกอบการแห่งนี้
จากการสอบสวนทราบว่า นายหน้าหญิงไทยคนดังกล่าวเข้าเมืองเมื่อเดือนเมษายน 2560 โดยอ้างว่ามาท่องเที่ยว แต่กลับมาทำงานอย่างผิดกฎหมาย มีการรับสมัครหญิงไทยเข้าทำงานอย่างผิดกฎหมายผ่านโซเชียลมีเดีย (Social Network Services หรือ SNS) แนะนำให้เข้าทำงานในสถานประกอบการนวดโดยไม่ได้รับอนุญาต ที่ย่านกังกัม ในกรุงโซล โดยได้รับส่วนแบ่งจากนายจ้าง 5 แสนวอนต่อคน หรือประมาณ 1.27 หมื่นบาท ทางการเกาหลีใต้จึงได้ดำเนินคดีอาญา จำคุกนายหน้าหญิงไทยคนดังกล่าว ในข้อหาเป็นนายหน้าให้มาทำงานโดยผิดกฎหมาย และข้อหาเป็นชาวต่างชาติจ้างงานอย่างผิดกฎหมาย ส่วนคนไทย 8 คนที่เข้ามาทำงานโดยผิดกฎหมาย จะดำเนินการตามเอ็มโอยูต่อไป
ต่อมาวันที่ 10 ธ.ค. รายงานว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอินชอน กักตัวนายหน้าคนไทย 2 ราย ที่แนะนำการจ้างงานโดยผิดกฎหมายแก่คนไทย 150 คน ผ่านโซเชียลมีเดีย โดยทีมสืบสวนข้อมูลไซเบอร์ ที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่ได้พบเห็นและติดตามนายหน้าคนไทย 2 ราย ผ่านโซเชียลมีเดีย และเก็บข้อมูลสะสมไว้ นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา สืบสวนพบว่านายหน้าคนดังกล่าวประกาศโฆษณารับสมัครงานทางเฟซบุ๊ก ไลน์ และอื่นๆ โดยมีคนไทย 150 คนหลงเชื่อเข้าเมืองเพื่อหวังว่าจะได้งานทำ
โดยนายหน้าทั้ง 2 คน แนะนำให้เข้าทำงานอย่างผิดกฎหมายตามโรงงานทั่วประเทศ โดยได้ค่าตอบแทนจากนายจ้างเป็นเงิน 37 ล้านวอน หรือประมาณ 9.41 แสนบาท ทางการเกาหลีใต้จึงดำเนินการกักตัวและจำคุก 2 นายหน้าคนไทยดังกล่าว ทั้งนี้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอินชอน กรุงโซล ปูซาน และกิมแฮ ได้ก่อตั้งทีมสืบสวนข้อมูลไซเบอร์ เพื่อเก็บข้อมูลและตรวจสอบการก่ออาชญากรรมจากชาวต่างชาติที่เข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย และการจ้างงานผิดกฎหมายผ่านช่องทางออนไลน์ และโซเชียลมีเดีย ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา