xs
xsm
sm
md
lg

“สยามพิวรรธน์” เปิดต้นแบบองค์กรของการสร้างคุณค่าร่วมกันสู่ความยั่งยืน พร้อมเดินหน้าโครงการเพื่อสังคม Citizen of Love by Siam Piwat

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด แถลงข่าวเปิดวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจกว่า 6 ทศวรรษ ที่มุ่งมั่นให้เป็นธุรกิจที่เอื้ออำนวยประโยชน์ให้คนจำนวนมาก และเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยที่ขับเคลื่อนด้วยการใช้กลยุทธ์ต้นแบบ “การสร้างคุณค่า สมประโยชน์ร่วมกันสู่ความยั่งยืน” เดินหน้าโครงการ Citizen of Love by Siam Piwat

เมื่อวันที่ 19 พ.ย. บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เจ้าของและผู้บริหารโครงการที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และหนึ่งในพันธมิตรเจ้าของ “ไอคอนสยาม” เปิดวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจกว่าหกทศวรรษ ที่มุ่งมั่นให้เป็นธุรกิจที่เอื้ออำนวยประโยชน์ให้แก่คนจำนวนมาก และเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยที่ขับเคลื่อนด้วยการใช้กลยุทธ์ต้นแบบ “การสร้างคุณค่า สมประโยชน์ร่วมกันสู่ความยั่งยืน” โดยให้ความสำคัญใน 3 มิติ คือ ผู้คน ชุมชนสังคม และสิ่งแวดล้อม และในปลายปีนี้สยามพิวรรธน์พร้อมเดินหน้าโครงการ Citizen of Love by Siam Piwat ด้วยปณิธานที่จะสืบสานและแบ่งปันความรัก มอบโอกาสในการสร้างความภาคภูมิใจและความเท่าเทียมให้กับคนทั้งมวลอย่างทั่วถึง โดยจัดให้มีการแถลงข่าวไปเมื่อเร็วๆนี้ ณ ไอคอนลักซ์ ฮอลล์ ชั้น 1 ไอคอนสยาม

นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ กล่าวว่า กว่า 60 ปีที่บริษัทฯ ยึดมั่นทำงานร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน เพื่อที่จะสร้างรูปแบบธุรกิจต่างๆ ของการค้าปลีกในการสนับสนุนคนไทยที่มีความสามารถทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการรายย่อยจากต่างจังหวัด ดีไซเนอร์ นักออกแบบไทยที่มีความสามารถ เยาวชน ผู้พิการ ผู้ทุพพลภาพ เด็กพิเศษ และผู้ด้อยโอกาส เพื่อให้เขาเหล่านั้นได้มีโอกาสใช้ธุรกิจและสถานที่ของสยามพิวรรธน์เป็นเวทีของการนำเสนอสินค้าและบริการในหลากหลายประเภทด้วยความภาคภูมิใจ โดยสยามพิวรรธน์ได้สร้างความยั่งยืนใน 3 มิติ คือ

มิติผู้คน ให้ความสำคัญกับการให้โอกาส ความเท่าเทียมและการสนับสนุนให้ประสบความสำเร็จ กับบุคคล 3 กลุ่ม คือ บุคคล, คนที่มีความสามารถในหลากหลายประเภท และกลุ่มผู้พิการ ผู้ทุพพลภาพ เด็กพิเศษ และผู้ด้อยโอกาส โดยใช้ศักยภาพพื้นที่ในทุกโครงการสร้างให้เกิดประโยชน์กับพวกเขาเหล่านั้น อาทิ การจัดประกวด young designer สยามเซ็นเตอร์ จนให้เขาเหล่านั้นเติบโตเป็นเจ้าของร้าน และได้แจ้งเกิดในฐานะนักออกแบบแฟชั่นชั้นแนวหน้าของเมืองไทย, สุขสยาม เวทีที่สร้างโอกาสในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการรายย่อยระดับท้องถิ่นจาก 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย, O.D.S. (Objects of Desire Store) สยามดิสคัฟเวอรี่ ศูนย์รวมสินค้าไลฟ์สไตล์และของตกแต่งบ้านสุดเอ็กซ์คลูซีพ โดยคัดเลือกสินค้าจากโครงการ DEMark, Talent Thai และอื่นๆ เพื่อสนับสนุนผลิตภัณฑ์และงานออกแบบที่โดดเด่นของดีไซเนอร์ไทยที่ชนะรางวัลมาแล้วรวมกว่า 130 แบรนด์, ไอคอนคราฟต์ ไอคอนสยาม ที่รวบรวมงานนวัตศิลป์และงานคราฟต์แบบร่วมสมัยหลากหลายประเภทไว้ในที่เดียว เปิดโอกาสให้ช่างฝีมือไทย ดีไซเนอร์ และผู้ประกอบการ SME เข้ามาค้าขายในไอคอนคราฟต์ถึง 500 ราย

มิติชุมชนสังคม เมื่อสยามพิวรรธน์ได้เข้าไปพัฒนาธุรกิจในพื้นที่ใดจะต้องนำความเจริญ และความสะดวกสบายเข้าไปช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชุมชน สังคม ดังนั้น สยามพิวรรธน์จึงมุ่งมั่นพัฒนาและสร้างคุณค่าให้กับพื้นที่โดยรอบโครงการที่เข้าไปดำเนินธุรกิจ ทำประโยชน์ให้แก่ชุมชนธุรกิจที่อยู่รายล้อม ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของชุมชน ตลอดจนสร้างพื้นที่ด้วยแนวคิดอารยสถาปัตย์ เพื่อคนทั้งมวล โดยสยามพิวรรธน์ถือเป็นผู้นำเรื่องการทำอารยสถาปัตย์ (Universal Design) ในอาคารอย่างครบวงจรเป็นรายแรกในวงการอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีก เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้พิการและผู้ทุพพลภาพรวมถึงผู้สูงอายุ และคนทั้งมวลให้เข้าถึงอย่างเท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นการทำทางเข้าออกอาคารที่เชื่อมโยงกับทางเดินและทางลาดรอบอาคารและเชื่อมต่อกับอาคารจอดรถ การติดตั้งนวัตกรรมอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกอาคารในพื้นที่วันสยาม (OneSiam) เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้สูงอายุหรือผู้ใช้รถเข็นทุกประเภท ปรับปรุงทางเชื่อมแยกปทุมวัน ให้เป็น skywalk ด้วยแนวคิดการออกแบบอารยสถาปัตย์ ฯลฯ

ในส่วนโครงการไอคอนสยาม มีนโยบายที่ให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาโดยรอบ สนับสนุนการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นเพื่อให้เราสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน ช่วยส่งเสริมต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตน สืบสานวัฒนธรรมประเพณีไทยอันดีงามที่อยู่คู่กับวิถีชีวิตของผู้คนริมน้ำเจ้าพระยามาช้านาน ตลอดจนพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน เพื่อไม่ทำให้การพัฒนาโครงการส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของผู้คนในชุมชนโดยรอบ เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีทอง, พัฒนาแผนแม่บททางสัญจรทั้งทางรถ-ราง-เรือ ให้เชื่อมต่อถึงกันทั้งหมด, จัดพื้นที่พิเศษที่เรียกว่า ธนบุรีดีไลท์ เพื่อให้ชุมชนที่อยู่โดยรอบนำของดีของเด่นของชุมชนย่านฝั่งธนบุรีมาจำหน่าย, ร่วมกับมูลนิธิชัยพัฒนา และองค์กรพันธมิตร ในโครงการ “รักษ์ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ร่วมกันพัฒนาและจัดการน้ำอย่างยั่งยืน, ริเริ่มศูนย์ชุมชนฯ ในพื้นที่กะดีจีน-คลองสาน ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ อนุรักษ์สืบสานประเพณีและวัฒนธรรม

มิติสิ่งแวดล้อม สยามพิวรรธน์เล็งเห็นถึงความสำคัญในการร่วมมือกันช่วยลดภาวะโลกร้อนอย่างต่อเนื่องโดยสยามดิสคัฟเวอรี่เป็นต้นแบบให้แนวคิดสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อม สร้างแรงบันดาลใจให้แก่กลุ่มคนผ่านกิจกรรม 100 ดีไซน์, การนำวัสดุ recycle มาทำเป็นต้นคริสต์มาส, ใช้ถุงกระดาษใส่สินค้า, สนับสนุนผลิตภัณฑ์รักษ์โลกหลากหลายหมวดหมู่ ณ Ecotopia, การจัดตั้ง Green Fund โดยร่วมกับ Green Organization จัดสรรเงินงบประมาณสนับสนุนในการดำเนินงานที่ก่อให้เกิดการดูแลรักษาและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ,ทำหนังสือ “เขียวสยาม” เพื่อเผยแพร่ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อมไปยังกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ยังนำหลัก 3Rs ได้แก่ Reduce Reuse Recycle มาใช้จัดการสิ่งแวดล้อมของอาคารต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องเป็นเวลามากกว่า 10 ปี

ในวันนี้ สยามพิวรรธน์มุ่งมั่นที่จะเป็นองค์กรที่สร้างคุณค่า ต่อผู้คน ชุมชนสังคม ประเทศชาติ ด้วยการเอื้ออำนวยประโยชน์ให้เกิดขึ้นแก่ผู้อื่นในวงกว้าง ส่งเสริมคุณภาพชีวิต ตลอดจนยกระดับสิ่งแวดล้อม อย่างยั่งยืน และพร้อมเดินหน้าโครงการ Citizen of Love by Siam Piwat เพื่อสืบสานและแบ่งปันความรัก มอบโอกาสในการสร้างความภาคภูมิใจและความเท่าเทียมให้กับคนทั้งมวลอย่างทั่วถึง ผ่านการจัดกิจกรรมเพื่อให้ลูกค้า และพันธมิตรร่วมกันมอบของขวัญปีใหม่ให้กับเด็กผู้ด้อยโอกาส ด้วยการจัดทำกระเป๋าเป้ พร้อมอุปกรณ์การเรียน ใส่ความสุขและความรู้ส่งมอบให้กับเด็กนักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนจำนวน 26,500 คนจาก 218 โรงเรียนทั่วประเทศ เพื่อเป็นกำลังใจและก่อให้เกิดแรงบันดาลใจในการศึกษาอย่างมีความสุขเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2563 โดยประชาชนทั่วไปสามารถร่วมบริจาคกับโครงการได้ ณ จุดรับบริจาค ชั้น M สยามเซ็นเตอร์ (ทางเชื่อมลานพาร์ค พารากอน) ชั้น 3 สยามพารากอน (หน้าร้าน The Cloud: Sansiri x The Coffee Club) ชั้น 1 สยามดิสคัฟเวอรี่ (สะพานทางเชื่อม) ชั้น M ไอคอนสยาม (หน้าร้าน L’Occitane) ตั้งแต่วันนี้จนถึง 5 มกราคม 2563 อีกด้วย






























กำลังโหลดความคิดเห็น