อุทยานฯ แจ้งความ “ลีน่า จัง” ทำคลิปล้อติดถ้ำ ฐานลอบถ่ายภาพยนตร์

อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แจ้งความดำเนินคดี “ลีน่า จัง” ฐานลักลอบถ่ายทำภาพยนตร์ในเขตอุทยานฯ ส่งเสียงรบกวน และขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน หลังเข้าไปใน “ถ้ำพระยานคร” แหล่งท่องเที่ยวดัง ทำคลิปล้อเลียนเด็กติดถ้ำลงโซเชียล

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 17 ก.ค. นายรุ่งโรจน์ อัศวกุลธารินท์ เจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโส ทำหน้าที่หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้มอบหมายให้นายเอกฤทธิ์ ดวงมาลา นักวิชาการป่าไม้ปฏิบัติการ เข้าแจ้งความต่อตำรวจ สถานีตำรวจภูธรสามร้อยยอด ให้ดำเนินคดีนางลีนา จังจรรจา อดีตผู้สมัคร ส.ว. และผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในความผิดตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 หลังทำคลิปล้อเลียนภารกิจช่วยชีวิตเด็กและโค้ชทีมหมูป่าอะคาเดมี จำนวน 13 ชีวิต ภายในถ้ำพระยานคร ในพื้นที่รับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด หมู่ 8 บ้านบางปู ต.สามร้อยยอด อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์

โดยนางลีนาทำคลิปเผยแพร่ผ่านแฟนเพจของตนเอง และมีการแชร์คลิปดังกล่าวอย่างแพร่หลายในโลกโซเชียล จำลองเหตุการณ์ว่าตนเองและกลุ่มเยาวชนกำลังติดถ้ำพร้อมตะโกนขอความช่วยเหลือ “ติดถ้ำ อยากดัง อยากไปดูบอลโลก สื่อจ๋า ช่วยทำข่าวหน่อยจ้า อยากกินอาหารเจลเอามาฝากหน่อย” หลังจากนั้นก็หัวเราะเสียงดัง ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นสัมภาษณ์เยาวชนที่เข้าไปจำลองสถานการณ์ติดถ้ำ พร้อมเชิญชวนให้คนมาเที่ยว ซึ่งอุทยานฯ เห็นว่าเป็นการกระทำความผิด ฐานเข้าไปดำเนินกิจการใดๆ เพื่อหาผลประโยชน์ ขัดต่อระเบียบว่าด้วยการเข้าไปถ่ายทำภาพยนตร์ในอุทยานแห่งชาติ, ส่งเสียงอื้อฉาวหรือกระทำการอื่นอันเป็นการรบกวน หรือเป็นที่เดือดร้อนรำคาญแก่คนหรือสัตว์ และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ และได้แจ้งความดังกล่าว

ด้านส่วนประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ชี้แจงว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 ก.ค. เวลาประมาณ 15.00 น. นางลีนา จังจรรจา ได้เดินทางเข้าไปในลักษณะนักท่องเที่ยวทั่วไป ระหว่างเจ้าหน้าที่ที่ดูแลในจุดดังกล่าวเข้าไปช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ได้รับบาดเจ็บนั้น นางลีน่า จังได้ถ่ายคลิปด้วยมือถือ แต่จากการตรวจสอบเนื้อหาจากคลิปแล้ว มีเจตนาถ่ายทำเพื่อเผยแพร่ ไม่ใช่ถ่ายในลักษณะของนักท่องเที่ยวที่ใช้ดูส่วนตัวหรือใช้ดูในครอบครัว จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจสอบพบว่าไม่มีการขออนุญาตในการถ่ายทำ ประกอบกับมีการส่งเสียงดังอื้อฉาว พิจารณาแล้วกรณีดังกล่าวเป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 จึงเข้าแจ้งความดังกล่าว