ผู้จัดการออนไลน์ - เปิดตัวอดีตเจ้าหน้าที่วนอุทยานถ้ำหลวง “น้ารัก” รปภ.โรงเรียนของเด็กๆ ทีมหมูป่า ผู้อยู่เบื้องหลังที่มา “แผนที่ถ้ำ” ที่นำทางหน่วยซีลช่วยเหลือ 13 ชีวิตได้สำเร็จ เผยจุด “หินนมสาว” ถือว่ายังอันตราย
หลังปฎิบัติการค้นหา “ทีมหมูป่า” ประสบความสำเร็จด้วยการพบทั้ง 13 ชีวิตปลอดภัย เมื่อเวลา 21.45 น.ของคืนวันจันทร์ที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ผู้ที่อยู่เบื้องความสำเร็จอีกคนหนึ่ง คือ “น้ารัก” ของเด็กๆ หรือนายกมล คุณงามความดี อดีตเจ้าหน้าที่วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ปัจจุบันเป็น รปภ.โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ เพื่อนคู่หู เวิร์น อันสเวิร์ธ ผู้ที่ชอบสำรวจถ้ำเป็นชีวิตจิตใจ ด้วยความชำนาญอย่างหาตัวจับยาก เป็น 2 กุญแจสำคัญกำหนดแผนที่ภายในถ้ำหลวงอย่างแม่นยำจนนำไปสู่ความสำเร็จ
นายกมล คุณงามความดี หรือน้ารัก อดีตเจ้าหน้าที่วนอุทยานฯ ที่มีความชำนาญในการสำรวจถ้ำ เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อกลางดึกหลังทราบว่าเด็กทุกคนปลอดภัยทางผู้บังคับบัญชาระดับสูงของหน่วยซีลได้ส่งข้อความขอบคุณที่ตนกับเวิร์น อันสเวิร์ธ เพื่อนนักสำรวจชาวอังกฤษ คอยช่วยให้คำแนะนำและร่างแผนที่ฉบับสมบูรณ์แบบจนหน่วยซีล กับนักดำน้ำของทีม Cave diver specialist จากสหราชอาณาจักร สามารถช่วยเหลือ 13 ชีวิตได้สำเร็จ เมื่อคืนที่ผ่านมาดีใจจนน้ำตาไหลและได้ตั้งอธิษฐานจิตว่าขอให้บุญกุศลที่ทำไปนั้นช่วยให้ภารกิจการนำน้องๆ กลับออกจากถ้ำเป็นด้วยความปลอดภัย
นายกมลกล่าวด้วยว่า จากการเข้าออกถ้ำหลวงและสำรวจไปยังทุกโถงไม่เว้นหาดพัทยา หรือหินนมสาว ที่พบเด็กนั้น ตนหลับตานึกภาพได้ทั้งหมด คือยังถือว่าอันตราย การสูบน้ำเร่งระบายจนถึงระดับปลอดภัยให้เด็กสามารถเดินออกมาได้นั้นเป็นเรื่องยาก และหากจะรอให้น้ำแห้งจะต้องใช้เวลานานหลายเดือน คิดว่าอย่างไรเสียผู้รับผิดชอบก็ต้องพยายามนำเด็กออกมาให้ได้ และเชื่อว่าทุกท่านต้องเน้นเงื่อนไขปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ไม่มีความเสี่ยงใดๆ
“ตอนนี้เราทราบพิกัดแน่ชัดแล้ว แทบจะไร้ความกดดันใดๆ อีกต่อไป อย่างที่บอกว่าในถ้ำผมกับเวิร์น มีรายละเอียดทั้งหมด รอยคราบน้ำที่เคยท่วมโถงไหนสูงกี่เซ็นเรามีข้อมูล แต่ที่น่าสนใจและถ้ายังไม่มีทางเลือกใหม่ๆ ผมอยากเสนอแนวทางนี้ คือ ผมเคยเห็นผลแม็กคาเดเมียอยู่ในสภาพแห้งและเน่าภายในถ้ำ เข้าใจว่าไหลมากับน้ำ ถามว่าทำไมจึงเห็นเพราะมันอยู่ในที่มืด แถมผลมันมิได้ใหญ่โตอะไร แต่การสำรวจถ้ำมันมีจังหวะเดิน จังหวะคลาน จังหวะมุดโดยมีไฟฉายคาดที่ศีรษะ ดังนั้น สิ่งแปลกปลอมต่างๆ ที่อยู่หน้าเราไม่มีทางรอดสายตาไปได้ แหล่งน้ำอันเป็นเป้าหมายนี้ ผมว่าน่าจะอยู่บริเวณศูนย์บำบัดยาเสพติด ไม่ไกลจากถ้ำหลวง บริเวณนั้นเป็นไร่แม็กคาเดเมีย ซึ่งอาจจะมีช่องหรือโพรงใต้น้ำก็เป็นได้”
รายงานข่าวแจ้งว่า คณะทำงานยังคงปฏิบัติภารกิจอย่างต่อเนื่อง และเรื่องที่ให้ความสำคัญมากที่สุด คือ ฟื้นฟูร่างกาย 13 ทีมหมูป่าฯ ที่จนถึงขณะนี้เริ่มเข้าที่เข้าทางกันแล้ว ส่วนการช่วยเหลือนำออกด้านปากถ้ำที่จะต้องดำน้ำมาบางช่วง มีปัญหาว่าน้องๆ หลายคนว่ายน้ำและดำน้ำไม่เป็น แต่การส่งตัวจะดีกว่าขาเข้ามาเนื่องจากเป็นการว่ายตามน้ำ ในประเด็นนี้ เพจ “นาวี ซีล” โพสต์ข้อความว่า “ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงปรับสภาพร่างกายของเด็กๆ ฝึกการหายใจด้วยขวดอากาศการดำใต้น้ำ โดยเมื่อพร้อมใน 48 ชั่วโมง พี่เลี้ยงจะพาเด็กออกมาโดยใช้สายอากาศหายใจ 1 ขวดจะมี 2 สาย นักดำน้ำ 1 สาย และอีก 1 สายให้เด็กใช้ในการหายใจนำออกมาในระยะทางที่ต้องดำน้ำไกลสุด 200 เมตร และมีพี่เลี้ยงนักดำน้ำประกบข้างออกมาด้วย”
อย่างไรก็ตาม ถึงที่สุดแล้วจะต้องมีการตัดสินใจร่วมกัน ส่วนชุดสำรวจนอกถ้ำยังคงเกาะติดไม่ยกเลิกภารกิจ ล่าสุดได้เพิ่มทีมสำรวจไปยังด้านเนินนมสาวที่อยู่ปลายถ้ำหลวงอันเป็นพิกัดที่เจอเด็กๆ