“ผู้ว่าฯ เชียงราย” โต้ดรามา “นายกน้ำบาดาล” ไม่มีบัตร แฉเคยติดถ้ำสร้างภาระไปครึ่งวัน

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย โต้ดรามาสมาคมน้ำบาดาลไทยโวยถูกเจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้าไปด้านใน ระบุไม่อนุญาตอยู่แล้วเพราะไม่มีบัตร พบเคยแอบตามหลืบทำงานโดยไม่ขออนุญาต เป็นภาระให้เสียเวลาตามหาครึ่งวัน เตือนถ้าจะเข้ามาช่วยขอให้ลงทะเบียนก่อน

วันนี้ (2 ก.ค.) ที่วนอุทยานแห่งชาติ ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ในการแถลงข่าวของนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวถึงดรามาในสื่อโซเชียลมีเดียมีการกล่าวว่าจะเข้าไปสำรวจแล้วมีคนไม่ให้เข้าไปว่า ยืนยันว่าสิ่งที่เจ้าหน้าที่ทำเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ในฐานะที่ตนเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ เหตุการณ์ไม่ได้เกิดครั้งแรก ต้องขอบคุณทุกความกรุณาที่เอาเครื่องมือมาช่วยปฏิบัติงานร่วมกับราชการ แต่การปฏิบัติงานต้องเป็นไปในแนวทางเดียวกัน สนับสนุนในทางหนึ่งซึ่งกันและกัน ไม่ใช่ว่าไปกันคนละทาง คงต้องชะลอไว้ก่อนเหมือนกับหลายทีม

อย่างเช่นทีมเครื่องสูบน้ำพญานาค มาจากเพชรบุรี และนครปฐม เมื่อ 3 คืนก่อน ตนเป็นคนไม่ให้เข้ามาปฏิบัติงาน เพราะไม่ตรงกับแผนปฏิบัติของเรา แต่เขาก็อยู่จนกระทั่งเมื่อ 2 วันก่อน เราเห็นความจำเป็นจึงขอสูบน้ำไปข้างนอก ก็เอาอุปกรณ์ 3 ตัวเข้าไปสูบให้ข้างใน ตนก็ขอบคุณที่เขายังรอและอยู่ในการปฏิบัติหน้าที่กับเราได้ แต่น้ำบาดาลบางทีมไปปฏิบัติภารกิจในถ้ำ ทั้งที่ในถ้ำไม่มีน้ำบาดาล ส่วนหน้าถ้ำปฏิบัติหน้าที่ได้ผลดี แต่น้อยกว่าที่คิด จึงให้ถอนการเจาะบ่อบาดาล แล้วเอาเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่มาวาง

แต่ปรากฏว่าเมื่อวานนี้ (1 ก.ค.) มีทีมอาสาสมัครน้ำบาดาลรายหนึ่งพยายามจะเข้าไปให้ได้ แล้วเจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้าไปเพราะไม่มีบัตร ตนไม่ให้เข้าไปอย่างเด็ดขาด เพราะถ้าเจ้าหน้าที่ให้เข้าไปก็จะโดนลงโทษ ทีมนี้เป็นทีมที่เมื่อคืนวันพุธ (27 มิ.ย.) น้ำท่วมในถ้ำครั้งใหญ่จนถึงปากถ้ำ ทีมนี้หายเข้าไปในหลืบถ้ำ 4 คน พอเช็กยอดตอนน้ำท่วมประมาณ 03.30 น. คนหายไป 4 คน พวกเราต้องใช้เวลาตอนสายวันพฤหัสบดี (28 มิ.ย.) ถึงได้เจอ 4 คนนี้ ทั้งๆ ที่ตอนอพยพเราประสานหมดแล้ว

“การเคารพกติกาเป็นเรื่องสำคัญมาก ชีวิตคนทุกคนสำคัญหมดสำหรับพวกเรา การที่เราประสานแล้วไปแอบตามหลืบทำงานในพื้นที่โดยไม่มีการแจ้งหรืออนุญาต เพราะเราไม่อนุญาตเด็ดขาดให้ทีมบาดาลเข้าไปในถ้ำ เพราะไม่มีภารกิจ แต่ก็ยังเข้าไปในถ้ำ แล้วไปอยู่ในหลืบ ซึ่งเราเช็กยอดจำนวนคน แต่เราไม่รู้ภารกิจหรอกว่าส่งเข้าไปกี่คน สมมติเข้าไป 200 ออกมา 196 พวกผมลำบากมากเกือบครึ่งในการค้นหาครบ 4 ท่าน ปรากฏว่าถูกค้นพบโดยนักดำน้ำชาวอังกฤษ ทำให้เราเช็กยอดแล้วครบจำนวน แทนที่เราจะปฏิบัติงานได้ราบรื่นอีกครึ่งวัน เราต้องปฏิบัติการค้นหาอีก 4 คน แต่ผมไม่ได้พูดตรงนี้ เพราะเป็นน้ำใจของทุกคนที่เราให้กับทุกคนที่เต็มใจเข้ามา แต่เมื่อเกิดวิกฤต เป็นดรามาขึ้นมาอีกเรื่องหนึ่ง ทำไมไม่ให้เขาเข้าไป จึงต้องแถลงกันอย่างนี้”

นายณรงค์ศักดิ์กล่าวอีกว่า ตนยืนยันในฐานะ ผบ.พื้นที่ว่าเหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์จริง เมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้าเนื่องจากไม่มีบัตร ไม่ได้มีปฏิบัติภารกิจ และไม่สามารถประสานให้ ผบ.สั่งการให้เข้าได้ ถือว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปในบริเวณนั้นโดยเด็ดขาด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติอย่างถูกต้อง ดรามาอย่างไรไม่เป็นไร ตนขอฝากว่าทีมต่างๆ ที่จะเข้ามาขอความกรุณาลงทะเบียนตรงเต็นท์ ปภ. เช็กชื่อให้เรียบร้อย ไปรายงานตัว แล้วเราจะเช็กเองว่าจะเข้ากับทีมปฏิบัติไหน จะส่งไปหัวหน้าทีมไหน แล้วปฏิบัติงานภายใต้หัวหน้าทีมนั้น ไม่เช่นนั้นในพื้นที่นี้จะคอนโทรลไม่ได้ อย่าคิดว่าพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ซ้อม เป็นสถานการณ์จริง สงครามจริง ที่ระบบของเราทุกภาคส่วนรบกับเวลาและน้ำเพื่อช่วยชีวิต 13 ชีวิต ขอให้คิดว่าเขาคือลูกของเรา อะไรที่เป็นเล่นๆ อะไรที่เป็นการโชว์ฝีมือโดยที่ไม่สามารถเข้ากับทีมคนอื่นได้ ขอร้อง

“เมื่อคืนมีทีมอาสากู้ภัยไม่ได้รายงานตัว แล้วขึ้นไปบนดอยเองโดยพลการโดยที่ไม่ได้รายงานตัว แล้วไม่ได้ส่งภารกิจขึ้นไป ไปลื่นแล้วล้มในเขาตอนกลางคืน วิทยุสื่อสารกลับมาให้ส่งกำลังบำรุงขึ้นไปรับออกมาในพื้นที่กลางป่า กลางคืนอากาศยานไม่สามารถยกตัวไปรับได้ เราใช้เวลาในการเดินเท้าของทีม ปภ.ขึ้นไปประมาณ 3 ชั่วโมงไปรับเขาลงมา แล้วส่งโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ดูแลอย่างเรียบร้อย เราดูแลอย่างเรียบร้อยทั้งๆ ที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ที่ถือว่าปฏิบัติภายใต้ร่มธงของเรา เพราะร่มธงเราจะต้องอยู่ตรงนี้เท่านั้น รายงานตัวแล้วเข้ากับทีมเท่านั้นถึงจะทำงานได้ ขอฝากว่าใครเข้ามาช่วยงานขอให้รายงานตัวด้วย เราจะได้ดูแล ถ้าใครไม่รายงานตัว ไม่รับผิดชอบโดยเด็ดขาด เพราะไม่อยากให้ตรงนี้เป็นภาระกับเจ้าหน้าที่ทุกคนที่กำลังเครียดอยู่ อย่าให้อะไรเล็กๆ น้อยๆ มากระทบต่อการปฏิบัติงานของพวกเรา” นายณรงค์ศักดิ์กล่าว

อย่างไรก็ตาม กรณีดรามาดังกล่าวเกิดขึ้นมาจากคลิปในเฟซบุ๊กเพจแห่งหนึ่ง หัวข้อ “บาดาลช้ำ” เป็นภาพของนายสุรพิณ ชัยชมภู อายุ 53 ปี นายกสมาคมน้ำบาดาลไทย และคณะ ตำหนิเจ้าหน้าที่ที่ไม่ให้เข้าไปด้านในเพื่อขอดูระดับน้ำที่เจาะลงไป เจ้าหน้าที่บอกให้ใจเย็นๆ ถามว่าขึ้นไปเจอใคร ก็ตอบว่าเจอทหาร เจ้าหน้าที่บอกว่าให้รอตรงนี้ จะขึ้นไปคุยกับทหารเอง แต่ชายคนดังกล่าวยังต่อว่าเจ้าหน้าที่ และเปรียบเทียบว่า เครื่องสูบน้ำพญานาค 3 ตัว ทำงานทั้งวันทั้งคืนทำไมยังเข้าไปได้ แต่พวกตนจะขอเข้าไปดูปริมาณน้ำที่ลดกลับไม่ให้เข้าเพราะไม่มีบัตร

สำหรับเหตุการณ์ที่นายสุรพิณติดอยู่ภายในถ้ำ พบว่าเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. นักดำน้ำชาวอังกฤษได้ช่วยเหลือนายสุรพิณ ชัยชมภู อายุ 53 ปี นายกสมาคมน้ำบาดาลไทยกับพวกรวม 4 คน ออกมาจากถ้ำหลวงเมื่อเวลา 15.15 น. หลังนายสุรพิณกับพวกเข้าไปติดตั้งเครื่องสูบน้ำภายในห้องโถงที่ 3 เมื่อ 3 วันก่อน แต่เกิดน้ำท่วมปิดทางออก ทำให้ติดอยู่ภายในถ้ำตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 27 มิ.ย. โดยนายสุรพิณเปิดเผยกับหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ว่า เมื่อเที่ยงคืนวันที่ 27 มิ.ย. ขณะตนกับพวกรวม 4 คนเข้าไปติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย แต่ต้องตกใจตื่นเมื่อได้ยินเสียงน้ำไหลหลาก

เมื่อมองลงไปในห้องโถงที่ 3 ห่างจากสามแยกในถ้ำราว 800 เมตร ปรากฏว่าน้ำป่าไหลเข้ามาในถ้ำจำนวนมาก แต่จุดที่ตนกับพวกติดอยู่มีความสูงพอสมควร ลักษณะด้านหน้าเป็นทางดิ่งลงไปประมาณ 4 เมตร ตนกับพวกไม่สามารถข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามที่มีความสูงราว 10 เมตร ตอนนั้นรู้สึกตกใจ แต่ยังดีที่มีอาหารและน้ำติดตัวอยู่ เชื่อว่าต้องมีคนมาช่วยเหลือแน่นอน กระทั่งช่วงที่เฝ้ารอมีนักดำน้ำชาวอังกฤษเข้ามาช่วยเหลือออกไปได้ปลอดภัย