สนทนากับคุณหมอสุดหล่อขวัญใจมหาชน ที่โด่งดังมากๆ ในอีกหนึ่งบทบาทคือการเป็นเชฟ “นายแพทย์ ดิษกุล ประสิทธิ์เรืองสุข” หรือ “หมอตั้ม” มาแนะนำเคล็ดลับเพื่อการมีสุขภาพที่ดี เริ่มต้นที่อะไร และต้องดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง พร้อมทั้งบอกเล่าตัวตน ความรักความชอบ ในการเป็นเชฟและแพทย์ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว...
เพราะ…“รัก” คำสั้นๆ แต่ทำให้ลงลึก
ปฐมบทคุณหมอพี่เชฟระดับมาสเตอร์
ทั้งการเป็นหมอ และการเป็นเชฟทำอาหาร ผสมลงตัวกันได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ อย่างไร
ด้วยความที่บ้านเป็นบ้านแบบทาวน์เฮาส์ ไม่มีพื้นที่วิ่งเล่นเยอะ คุณพ่อคุณแม่ก็คำนึงถึงเรื่องของเกมออนไลน์ในตอนนั้น พอเราว่าง ที่เดียวที่พอจะมีพื้นที่ให้เราซนเล่นได้ก็คือในครัว เราก็เลยเข้าไปวุ่นวายกับแม่บ้าน ไปช่วยแม่บ้านหั่นโน่นนี่นั่นเล็กๆ น้อยๆ บวกกับด้วยความที่ทางบ้านมีเชื้อสายบรรพบุรุษเป็นคนจีน ฉะนั้นมื้อเย็นเป็นมื้อสำคัญมาก ทุกคนจะอยู่กันในครัว เราก็เลยเข้าไป ทีนี้พอไปๆ มาๆ ก็เกิดเป็นชอบและซึมซับ
มื้อแรกสุดที่ลองทำคือเมนูอะไร
น้ำพริกกะปิ เล่นของยากเลย (ยิ้ม) แต่คุณพ่อคุณแม่ท่านก็ชมว่าอร่อย ในตอนนั้นก็ทำให้เรามีกำลังใจ ก็เป็นจุดเริ่มต้นตั้งแต่ตอนนั้น และหลังจากนั้นเรื่องการทำอาหารก็ทำให้เรามุ่งมา อยากที่จะเป็นหมออีก (ยิ้ม) คือส่วนหนึ่งเราชอบเรียนและสนใจทางด้านนี้อยู่แล้วด้วย ทีนี้พอคุณพ่อมาป่วยเป็นโรคเบาหวาน เราก็ศึกษาและพอจะทราบถึงเกณฑ์ในการดูแลเบื้องต้นว่ามันต้องดูแลควบคู่กัน จึงเลือกที่จะมาเป็นหมอในสายอาชีพ และเป็นเชฟทำอาหารจากความสนใจและรักควบคู่กัน
อาหารกับสุขภาพ เป็นเรื่องที่ต้องดูแลควบคู่กัน
ใช่ครับ การรักษาที่แท้จริงคือ การป้องกัน อาหารก็ส่วนหนึ่งที่สำคัญที่จะป้องกันและรักษาร่างกาย ในแง่ของการเป็นคุณหมอก็เป็นในเรื่องของการให้ความรู้ ป้องกัน วิธีการดูแลควบคู่ไปกับการรักษา ในส่วนของตรงนี้หลายคนอาจจะมีคำถามว่าเราดูแลสุขภาพร่างกายอย่างไรถึงสุขภาพดี เริ่มแรกเรื่องการกินก่อนเลย คือเพียงแต่เลือกวัตถุดิบ ด้วยความที่เราสนใจด้านอาหารเราก็เลยดูว่าวัตถุดิบอะไรบ้างที่มีประโยชน์ ได้รับสารอาหารครบถ้วนในแต่ละมื้อ
ส่วนเรื่องการออกกำลังกายก็ปกติมีเทรนเนอร์ดูแล อาทิตย์หนึ่งประมาณ 5 วัน วันละ 1 ชั่วโมง ถือว่าไม่ได้มากมาย ไม่ได้กินเวลาอะไรมากและก็ถือโอกาสอาบน้ำที่ฟิตเนสไปทำงานเลย อาบฟรีด้วย (หัวเราะ) โดยในหนึ่งสัปดาห์แบ่งเป็นวันแรกเล่นเป็นอกและหลัง วันที่ 2 เล่นในส่วนของแขน วันที่ 3 เป็นช่วงขา อีก 2 วันที่เหลือก็จะคาร์ดิโอกับวิ่ง และพักผ่อนให้ร่างกายได้พักและทำงาน ก็จริงจังอย่างนี้มา 2 ปี
แต่อันนี้เป็นในส่วนของสรีระร่างกายของเรา ที่แต่ละคนมีความต้องการไม่เหมือนกัน หากจะให้แนะนำสำหรับคนที่อยากเพิ่มกล้ามเนื้อ อย่างผมเองทุกวันก็จะเน้นอาหารจำพวกโปรตีนค่อนข้างเยอะ อาหารส่วนใหญ่ในจานก็จะทุ่มให้กับพวกเนื้อสัตว์ไขมันต่ำ เช่น อกไก ไข่ไก เนื้อวัว เราก็จะเน้นโปรตีนให้มันครบก่อน แล้วค่อยดูว่าแป้งเท่าไหร่และคุมไขมัน แต่คนที่เน้นในเรื่องลดน้ำหนักก็ต้องคำนึงถึงจำนวนแคลอรีต่อวันว่าเท่าไหร่ หรือคนป่วยเองก็จะมีวิธีการดูแลในเรื่องของอาหารโภชนาการที่ต่างกัน
กินเป็นลืมป่วย ร่างกายดีอยู่ที่เรา
ฉากต่อคนรักสุขภาพที่ผ่านได้ “หล่อ-สวย” แน่นอน
ในเรื่องการดูแลสุขภาพ มีอะไรแนะนำเป็นพิเศษบ้าง
โรคยอดฮิตของคนไทยเราก็จะรู้อยู่แล้วว่าเป็นเบาหวาน ความดัน ไขมัน และโรคไต แต่อยากให้คำนึงถึงอันดับแรกก่อนเลย คือ กินอาหารอย่างไรไม่ให้เป็นโรคพวกนี้ก่อน คืออาหารทั่วไป แต่ต้องหลีกเลี่ยงจำพวกอาหารทอด อาหารฟาสต์ฟูด หรืออาหารแปรรูป เพราะพวกนี้ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แถมให้โทษอีกด้วย ที่สำคัญคือส่วนหนึ่งคือเรื่องการปรุงรสอย่างน้ำตาล น้ำปลา ถ้าเป็นตัวเลขเลยก็อธิบายบอกปริมาณได้ค่อนข้างยาก ทริกง่ายๆ พยายามอย่าติดรสจัด หวานจัด เค็มจัด และมันจัด
ถ้าเกิดเป็นโรคแล้วก็ต้องดูแลเป็นพิเศษมากขึ้น เพราะว่าการป่วยเป็นโรคพวกนี้ไม่ใช่เป็นเพียงแค่โรคเดียว หากแต่มักจะมีโรคแทรกซ้อนร่วมด้วย ก็ต้องดูแลให้ละเอียดมากขึ้น อย่างผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ต้องดูแลไม่ให้น้ำตาลในเลือดสูง เพราะฉะนั้น เราก็ต้องนึกถึงคาร์โบไฮเดรตต่อวันเป็นเท่าไหร่ น้ำตาลเป็นเท่าไหร่ เป็นเชิงซ้อนหรือเชิงเดี่ยว
คาร์โบไฮเดรต กินคาร์โบไฮเดรตอย่างไรให้ดี ยกตัวอย่างเรากินน้ำตาลทรายเปล่าๆ เลยในปริมาณที่ 100 น้ำตาลในเลือดใน 1 ชั่วโมง เราก็จะมีน้ำตาลอยู่ในเลือดนั้นอยู่ 100 เต็ม แต่ถ้าอาหารคาร์โบไฮเดรตที่มีค่า PI สูง อย่างพวกที่มาจากธัญพืชใยอาหารเยอะๆ กินที่ 100 ใน 1 ชั่วโมง อาจจะขึ้นแค่ 20-30 เท่านั้นเอง เพราะว่ามันให้น้ำตาลในปริมาณที่ช้า อาหารพวกนี้ก็เหมาะสำหรับคนที่เป็นเบาหวาน เครื่องดื่มจำพวกน้ำอัดลม น้ำหวาน ชา กาแฟ ที่เติมน้ำตาลเยอะๆ พวกนี้ควรที่จะงด ส่วนข้าวสวยกินได้ในปริมาณที่มื้อละ 1 ทัพพี เป็นต้น
โรคความดัน โรคไขมัน โรคไต มีวิธีการอย่างไรที่จะดูแล
โรคความดัน มันมีหลายปัจจัยทั้งสภาพจิตใจ เรื่องอาหาร และการออกกำลังกาย ส่วนใหญ่เรื่องเครียด ก็ควรจะไปจัดการในส่วนของความเครียดให้หมด ต่อมาเรื่องการออกกลังกาย สำคัญที่สุดของโรคนี้ การออกกำลังกายมันมีการเปลี่ยนแปลงของสรีระร่างกายค่อนข้างเยอะ ทำให้เส้นเลือดมันขยายตัว ความดันลดลง ตามความขยันในการออกกำลังกาย ฉะนั้น คนที่เป็นความดันจะแนะนำเรื่องการออกกำลังกายค่อนข้างเยอะ ในเรื่องการกินอาหารถ้าเป็นความดันอย่างเดียว แนะนำอย่ากินเค็ม หรืออะไรก็ตามที่มันมีโซเดียมเยอะ เท่านั้น
เรื่องมัน ไม่ว่าจะโรคไขมัน โรคไต ในปัจจุบันมันก็มีสารทดแทน อย่างสมมติเราติดอาหารเค็มมาก ทำอย่างไรก็ไม่สามารถห้ามใจได้ รู้สึกว่ามันไม่อร่อย มันก็มีตัวช่วย เช่น เครื่องปรุงซีอิ๊ว ตอนนี้เขาก็มีรูปแบบที่ลดปริมาณโซเดียมลง มีสารให้ความเค็มอย่างอื่นมาทดแทนให้ ก็แนะนำพวกนี้ดีกว่า ย้อนไปถึงในน้ำตาลด้วยก็มีสารให้ความหวานสำหรับคนที่ติดหวาน อย่างหญ้าหวาน ที่เป็นเทรนด์กำลังมาในบ้านเรา ใช้ปรุงแทนน้ำตาลได้
บาลานซ์ชีวิตนั่นเอง เพราะสุขภาพร่างกายดีก็ส่งผลต่อสุขภาพจิตด้วย คือกินกลางๆ ให้มันอยู่ระหว่างทั้งสองฝั่ง อาหารที่ดีอร่อยก็เป็นยากำลังชั้นดี ช่วยให้จิตใจเราดีขึ้นด้วยส่วนหนึ่ง การแบ่งจัดให้อยู่กลางๆ ก็เพื่อให้เราใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติสุข อย่างที่บอกไปว่าอาหารที่ทำลายสุขภาพก็พวกฝั่งของทอด อาหารแปรรูป อาหารที่เสริมสร้างสุขภาพก็จะเป็นในฝั่งของอาหารคลีน แต่จะให้เรากินคลีนทุกวันก็ไม่ไหว บางทีกินอกไก่ทุกมื้อ แต่ถ้าเราบาลานซ์ ตัดหรือเพิ่มเติม เลือกแต่ด้านดีๆ มารวมกันมันก็เข้ากันได้ในทุกส่วน
คือคนไม่ค่อยสนใจเรื่องการดูแลสุขภาพสักเท่าไหร่ เพราะเราคิดว่าเราป่วยเราก็หาหมอให้หมอช่วย เขาก็คิดว่าการใช้วัตถุดิบอะไรพวกนั้นเป็นเรื่องแพง ไม่อยากจะลงทุนอะไรพวกนี้ แค่เงินเดือนเราก็จะไม่พอกินอยู่แล้ว นี่คือเจอบ่อยๆ แต่อยากจะบอกเรื่องตรงนี้สำคัญ มีงานวิจัยรองรับจากประเทศอเมริกาว่าเงินทั้งหมดสำรับคนที่รักสุขภาพและใช้วัตถุดิบพวกนี้ ใช้เงินซื้อพวกนี้น้อยกว่าการรักษาพยาบาล
คนที่ดูแลสุขภาพนั้นเสียเงินน้อยกว่า เพราะว่าเขาสุขภาพดีตลอดไม่ต้องไปหาหมอเลย แค่ใช้เงินเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมในการเริ่มต้นซื้อวัตถุดิบที่ดี เขาลงทุนพวกนี้ พอถึงเวลาไม่ต้องเสียค่ารักษาพยาบาล และไม่ต้องเสียเวลาไปโรงพยาบาล กลายเป็นเขาใช้เงินน้อยกว่า จากที่บางรายถึงขั้นล้มละลายจากการรักษาตัวก็มี
มนต์ไม่ต้อง พิธีไม่มี
กระบวนการสุขภาพดีอยู่ที่เรา
“นี่คือสิ่งที่ทั้งผู้ที่ป่วยหรือยังไม่ป่วยควรคำนึงถึง สิ่งสำคัญเมื่อสุขภาพร่างกายดี จิตใจก็ดี ความเครียดก็ไม่มี ความเครียดเป็นบ่อเกิดของโรคแทบจะทั้งหมดทั้งมวล ป่วยรายได้ไม่เข้า ทำงานไม่ได้ แต่ถ้าเราจ่ายเงินรักษาสุขภาพอาจจะเยอะก่อนในลำดับแรกๆ แต่สุขภาพเราดีตลอด มันดีกว่า ไม่ต้องพึ่งร่างทรงด้วย (ยิ้ม)
“วิวัฒนาการตอนนี้เราก็ก้าวไกล หากเราใส่ใจไม่ใช่เรื่องยากที่จะสุขภาพดี ไม่เจ็บป่วย ทุกวันนี้โลกพัฒนามีองค์ความรู้หลายๆ อย่างมาประกอบกัน ยิ่งความรู้ใหม่ๆ เข้ามามันก็ยิ่งทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้น แต่ถ้าเราศึกษาพวกนี้นอกจากให้สุขภาพเราดีแล้วชีวิตส่วนอื่นๆ มันก็ดีพัฒนาขึ้น ใช้ได้ในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะในสุขภาพและในชีวิตประจำวัน
“ไม่เหมือนแต่ก่อนที่เรามองว่าการสุขภาพดี ต้องดูแล กินอาหารเป็นเรื่องลำบาก แต่ในยุคนี้ยิ่งง่ายมาก แค่ปรับกรรมวิธีเลือกวัตถุดิบกินอาหารเมนูแบบตามสั่งทั่วไปเลยก็สุขภาพดีได้ ข้าวราดกะเพราหมูไข่ดาว ข้าวราดกะเพราไก่ไข่ดาว
“แต่ถ้าเราเลือกซื้อสั่งจากร้านค้าอาจจะได้แคลอรีที่สูง เนื่องจากมีการใส่น้ำมันเยอะเพราะเป็นกระทะก้นลึก แต่ถ้าเราใช้กระทะก้นแบน เป็นกระทะเทฟลอน ไข่ดาว-ไข่เขียวที่ไข่แดงมีสรรพคุณดูดซับน้ำมันเป็นเหมือนฟองน้ำมีแคลอรีเยอะๆ กลับกันแคลอรีที่เราจะได้รับก็จะเหลือแค่ 100-200 แคลอรีต้นๆ เท่านั้นเอง และเพิ่มเติมส่วนผสมของผักและเลือกใช้วัตถุดิบทดแทนความหวาน เค็ม จากทั้งธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ก็ได้รสชาติที่คล้ายเดิม แต่สุขภาพดีขึ้นกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“เราลงทุนกับอะไรเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ เพื่อให้สุขภาพดี เพื่อป้องกันให้อนาคตเรา เสียเงินเยอะกว่าดีกว่า คุ้มกว่ากันเยอะครับ ยกตัวอย่างผมเองตอนนี้หลังจบรายการมาสเตอร์เชฟก็รู้สึกว่าแนวชีวิตเปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะ แต่ก่อนจะเป็นแนวตรวจรักษาเต็มร้อยเวลา แต่ตอนนี้ก็มีโอกาสได้ทำในส่วนของอาหารมากขึ้น รู้สึกว่าเราบาลานซ์ชีวิตความชอบทั้งสองอย่างได้ดี ใช้ได้ทั้งสุขภาพ และหน้าที่การงานชีวิต”
เรื่อง: รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพ : IG:p.dissakul
เพราะ…“รัก” คำสั้นๆ แต่ทำให้ลงลึก
ปฐมบทคุณหมอพี่เชฟระดับมาสเตอร์
ทั้งการเป็นหมอ และการเป็นเชฟทำอาหาร ผสมลงตัวกันได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ อย่างไร
ด้วยความที่บ้านเป็นบ้านแบบทาวน์เฮาส์ ไม่มีพื้นที่วิ่งเล่นเยอะ คุณพ่อคุณแม่ก็คำนึงถึงเรื่องของเกมออนไลน์ในตอนนั้น พอเราว่าง ที่เดียวที่พอจะมีพื้นที่ให้เราซนเล่นได้ก็คือในครัว เราก็เลยเข้าไปวุ่นวายกับแม่บ้าน ไปช่วยแม่บ้านหั่นโน่นนี่นั่นเล็กๆ น้อยๆ บวกกับด้วยความที่ทางบ้านมีเชื้อสายบรรพบุรุษเป็นคนจีน ฉะนั้นมื้อเย็นเป็นมื้อสำคัญมาก ทุกคนจะอยู่กันในครัว เราก็เลยเข้าไป ทีนี้พอไปๆ มาๆ ก็เกิดเป็นชอบและซึมซับ
มื้อแรกสุดที่ลองทำคือเมนูอะไร
น้ำพริกกะปิ เล่นของยากเลย (ยิ้ม) แต่คุณพ่อคุณแม่ท่านก็ชมว่าอร่อย ในตอนนั้นก็ทำให้เรามีกำลังใจ ก็เป็นจุดเริ่มต้นตั้งแต่ตอนนั้น และหลังจากนั้นเรื่องการทำอาหารก็ทำให้เรามุ่งมา อยากที่จะเป็นหมออีก (ยิ้ม) คือส่วนหนึ่งเราชอบเรียนและสนใจทางด้านนี้อยู่แล้วด้วย ทีนี้พอคุณพ่อมาป่วยเป็นโรคเบาหวาน เราก็ศึกษาและพอจะทราบถึงเกณฑ์ในการดูแลเบื้องต้นว่ามันต้องดูแลควบคู่กัน จึงเลือกที่จะมาเป็นหมอในสายอาชีพ และเป็นเชฟทำอาหารจากความสนใจและรักควบคู่กัน
อาหารกับสุขภาพ เป็นเรื่องที่ต้องดูแลควบคู่กัน
ใช่ครับ การรักษาที่แท้จริงคือ การป้องกัน อาหารก็ส่วนหนึ่งที่สำคัญที่จะป้องกันและรักษาร่างกาย ในแง่ของการเป็นคุณหมอก็เป็นในเรื่องของการให้ความรู้ ป้องกัน วิธีการดูแลควบคู่ไปกับการรักษา ในส่วนของตรงนี้หลายคนอาจจะมีคำถามว่าเราดูแลสุขภาพร่างกายอย่างไรถึงสุขภาพดี เริ่มแรกเรื่องการกินก่อนเลย คือเพียงแต่เลือกวัตถุดิบ ด้วยความที่เราสนใจด้านอาหารเราก็เลยดูว่าวัตถุดิบอะไรบ้างที่มีประโยชน์ ได้รับสารอาหารครบถ้วนในแต่ละมื้อ
ส่วนเรื่องการออกกำลังกายก็ปกติมีเทรนเนอร์ดูแล อาทิตย์หนึ่งประมาณ 5 วัน วันละ 1 ชั่วโมง ถือว่าไม่ได้มากมาย ไม่ได้กินเวลาอะไรมากและก็ถือโอกาสอาบน้ำที่ฟิตเนสไปทำงานเลย อาบฟรีด้วย (หัวเราะ) โดยในหนึ่งสัปดาห์แบ่งเป็นวันแรกเล่นเป็นอกและหลัง วันที่ 2 เล่นในส่วนของแขน วันที่ 3 เป็นช่วงขา อีก 2 วันที่เหลือก็จะคาร์ดิโอกับวิ่ง และพักผ่อนให้ร่างกายได้พักและทำงาน ก็จริงจังอย่างนี้มา 2 ปี
แต่อันนี้เป็นในส่วนของสรีระร่างกายของเรา ที่แต่ละคนมีความต้องการไม่เหมือนกัน หากจะให้แนะนำสำหรับคนที่อยากเพิ่มกล้ามเนื้อ อย่างผมเองทุกวันก็จะเน้นอาหารจำพวกโปรตีนค่อนข้างเยอะ อาหารส่วนใหญ่ในจานก็จะทุ่มให้กับพวกเนื้อสัตว์ไขมันต่ำ เช่น อกไก ไข่ไก เนื้อวัว เราก็จะเน้นโปรตีนให้มันครบก่อน แล้วค่อยดูว่าแป้งเท่าไหร่และคุมไขมัน แต่คนที่เน้นในเรื่องลดน้ำหนักก็ต้องคำนึงถึงจำนวนแคลอรีต่อวันว่าเท่าไหร่ หรือคนป่วยเองก็จะมีวิธีการดูแลในเรื่องของอาหารโภชนาการที่ต่างกัน
กินเป็นลืมป่วย ร่างกายดีอยู่ที่เรา
ฉากต่อคนรักสุขภาพที่ผ่านได้ “หล่อ-สวย” แน่นอน
ในเรื่องการดูแลสุขภาพ มีอะไรแนะนำเป็นพิเศษบ้าง
โรคยอดฮิตของคนไทยเราก็จะรู้อยู่แล้วว่าเป็นเบาหวาน ความดัน ไขมัน และโรคไต แต่อยากให้คำนึงถึงอันดับแรกก่อนเลย คือ กินอาหารอย่างไรไม่ให้เป็นโรคพวกนี้ก่อน คืออาหารทั่วไป แต่ต้องหลีกเลี่ยงจำพวกอาหารทอด อาหารฟาสต์ฟูด หรืออาหารแปรรูป เพราะพวกนี้ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แถมให้โทษอีกด้วย ที่สำคัญคือส่วนหนึ่งคือเรื่องการปรุงรสอย่างน้ำตาล น้ำปลา ถ้าเป็นตัวเลขเลยก็อธิบายบอกปริมาณได้ค่อนข้างยาก ทริกง่ายๆ พยายามอย่าติดรสจัด หวานจัด เค็มจัด และมันจัด
ถ้าเกิดเป็นโรคแล้วก็ต้องดูแลเป็นพิเศษมากขึ้น เพราะว่าการป่วยเป็นโรคพวกนี้ไม่ใช่เป็นเพียงแค่โรคเดียว หากแต่มักจะมีโรคแทรกซ้อนร่วมด้วย ก็ต้องดูแลให้ละเอียดมากขึ้น อย่างผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ต้องดูแลไม่ให้น้ำตาลในเลือดสูง เพราะฉะนั้น เราก็ต้องนึกถึงคาร์โบไฮเดรตต่อวันเป็นเท่าไหร่ น้ำตาลเป็นเท่าไหร่ เป็นเชิงซ้อนหรือเชิงเดี่ยว
คาร์โบไฮเดรต กินคาร์โบไฮเดรตอย่างไรให้ดี ยกตัวอย่างเรากินน้ำตาลทรายเปล่าๆ เลยในปริมาณที่ 100 น้ำตาลในเลือดใน 1 ชั่วโมง เราก็จะมีน้ำตาลอยู่ในเลือดนั้นอยู่ 100 เต็ม แต่ถ้าอาหารคาร์โบไฮเดรตที่มีค่า PI สูง อย่างพวกที่มาจากธัญพืชใยอาหารเยอะๆ กินที่ 100 ใน 1 ชั่วโมง อาจจะขึ้นแค่ 20-30 เท่านั้นเอง เพราะว่ามันให้น้ำตาลในปริมาณที่ช้า อาหารพวกนี้ก็เหมาะสำหรับคนที่เป็นเบาหวาน เครื่องดื่มจำพวกน้ำอัดลม น้ำหวาน ชา กาแฟ ที่เติมน้ำตาลเยอะๆ พวกนี้ควรที่จะงด ส่วนข้าวสวยกินได้ในปริมาณที่มื้อละ 1 ทัพพี เป็นต้น
โรคความดัน โรคไขมัน โรคไต มีวิธีการอย่างไรที่จะดูแล
โรคความดัน มันมีหลายปัจจัยทั้งสภาพจิตใจ เรื่องอาหาร และการออกกำลังกาย ส่วนใหญ่เรื่องเครียด ก็ควรจะไปจัดการในส่วนของความเครียดให้หมด ต่อมาเรื่องการออกกลังกาย สำคัญที่สุดของโรคนี้ การออกกำลังกายมันมีการเปลี่ยนแปลงของสรีระร่างกายค่อนข้างเยอะ ทำให้เส้นเลือดมันขยายตัว ความดันลดลง ตามความขยันในการออกกำลังกาย ฉะนั้น คนที่เป็นความดันจะแนะนำเรื่องการออกกำลังกายค่อนข้างเยอะ ในเรื่องการกินอาหารถ้าเป็นความดันอย่างเดียว แนะนำอย่ากินเค็ม หรืออะไรก็ตามที่มันมีโซเดียมเยอะ เท่านั้น
เรื่องมัน ไม่ว่าจะโรคไขมัน โรคไต ในปัจจุบันมันก็มีสารทดแทน อย่างสมมติเราติดอาหารเค็มมาก ทำอย่างไรก็ไม่สามารถห้ามใจได้ รู้สึกว่ามันไม่อร่อย มันก็มีตัวช่วย เช่น เครื่องปรุงซีอิ๊ว ตอนนี้เขาก็มีรูปแบบที่ลดปริมาณโซเดียมลง มีสารให้ความเค็มอย่างอื่นมาทดแทนให้ ก็แนะนำพวกนี้ดีกว่า ย้อนไปถึงในน้ำตาลด้วยก็มีสารให้ความหวานสำหรับคนที่ติดหวาน อย่างหญ้าหวาน ที่เป็นเทรนด์กำลังมาในบ้านเรา ใช้ปรุงแทนน้ำตาลได้
บาลานซ์ชีวิตนั่นเอง เพราะสุขภาพร่างกายดีก็ส่งผลต่อสุขภาพจิตด้วย คือกินกลางๆ ให้มันอยู่ระหว่างทั้งสองฝั่ง อาหารที่ดีอร่อยก็เป็นยากำลังชั้นดี ช่วยให้จิตใจเราดีขึ้นด้วยส่วนหนึ่ง การแบ่งจัดให้อยู่กลางๆ ก็เพื่อให้เราใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติสุข อย่างที่บอกไปว่าอาหารที่ทำลายสุขภาพก็พวกฝั่งของทอด อาหารแปรรูป อาหารที่เสริมสร้างสุขภาพก็จะเป็นในฝั่งของอาหารคลีน แต่จะให้เรากินคลีนทุกวันก็ไม่ไหว บางทีกินอกไก่ทุกมื้อ แต่ถ้าเราบาลานซ์ ตัดหรือเพิ่มเติม เลือกแต่ด้านดีๆ มารวมกันมันก็เข้ากันได้ในทุกส่วน
คือคนไม่ค่อยสนใจเรื่องการดูแลสุขภาพสักเท่าไหร่ เพราะเราคิดว่าเราป่วยเราก็หาหมอให้หมอช่วย เขาก็คิดว่าการใช้วัตถุดิบอะไรพวกนั้นเป็นเรื่องแพง ไม่อยากจะลงทุนอะไรพวกนี้ แค่เงินเดือนเราก็จะไม่พอกินอยู่แล้ว นี่คือเจอบ่อยๆ แต่อยากจะบอกเรื่องตรงนี้สำคัญ มีงานวิจัยรองรับจากประเทศอเมริกาว่าเงินทั้งหมดสำรับคนที่รักสุขภาพและใช้วัตถุดิบพวกนี้ ใช้เงินซื้อพวกนี้น้อยกว่าการรักษาพยาบาล
คนที่ดูแลสุขภาพนั้นเสียเงินน้อยกว่า เพราะว่าเขาสุขภาพดีตลอดไม่ต้องไปหาหมอเลย แค่ใช้เงินเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมในการเริ่มต้นซื้อวัตถุดิบที่ดี เขาลงทุนพวกนี้ พอถึงเวลาไม่ต้องเสียค่ารักษาพยาบาล และไม่ต้องเสียเวลาไปโรงพยาบาล กลายเป็นเขาใช้เงินน้อยกว่า จากที่บางรายถึงขั้นล้มละลายจากการรักษาตัวก็มี
มนต์ไม่ต้อง พิธีไม่มี
กระบวนการสุขภาพดีอยู่ที่เรา
“นี่คือสิ่งที่ทั้งผู้ที่ป่วยหรือยังไม่ป่วยควรคำนึงถึง สิ่งสำคัญเมื่อสุขภาพร่างกายดี จิตใจก็ดี ความเครียดก็ไม่มี ความเครียดเป็นบ่อเกิดของโรคแทบจะทั้งหมดทั้งมวล ป่วยรายได้ไม่เข้า ทำงานไม่ได้ แต่ถ้าเราจ่ายเงินรักษาสุขภาพอาจจะเยอะก่อนในลำดับแรกๆ แต่สุขภาพเราดีตลอด มันดีกว่า ไม่ต้องพึ่งร่างทรงด้วย (ยิ้ม)
“วิวัฒนาการตอนนี้เราก็ก้าวไกล หากเราใส่ใจไม่ใช่เรื่องยากที่จะสุขภาพดี ไม่เจ็บป่วย ทุกวันนี้โลกพัฒนามีองค์ความรู้หลายๆ อย่างมาประกอบกัน ยิ่งความรู้ใหม่ๆ เข้ามามันก็ยิ่งทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้น แต่ถ้าเราศึกษาพวกนี้นอกจากให้สุขภาพเราดีแล้วชีวิตส่วนอื่นๆ มันก็ดีพัฒนาขึ้น ใช้ได้ในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะในสุขภาพและในชีวิตประจำวัน
“ไม่เหมือนแต่ก่อนที่เรามองว่าการสุขภาพดี ต้องดูแล กินอาหารเป็นเรื่องลำบาก แต่ในยุคนี้ยิ่งง่ายมาก แค่ปรับกรรมวิธีเลือกวัตถุดิบกินอาหารเมนูแบบตามสั่งทั่วไปเลยก็สุขภาพดีได้ ข้าวราดกะเพราหมูไข่ดาว ข้าวราดกะเพราไก่ไข่ดาว
“แต่ถ้าเราเลือกซื้อสั่งจากร้านค้าอาจจะได้แคลอรีที่สูง เนื่องจากมีการใส่น้ำมันเยอะเพราะเป็นกระทะก้นลึก แต่ถ้าเราใช้กระทะก้นแบน เป็นกระทะเทฟลอน ไข่ดาว-ไข่เขียวที่ไข่แดงมีสรรพคุณดูดซับน้ำมันเป็นเหมือนฟองน้ำมีแคลอรีเยอะๆ กลับกันแคลอรีที่เราจะได้รับก็จะเหลือแค่ 100-200 แคลอรีต้นๆ เท่านั้นเอง และเพิ่มเติมส่วนผสมของผักและเลือกใช้วัตถุดิบทดแทนความหวาน เค็ม จากทั้งธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ก็ได้รสชาติที่คล้ายเดิม แต่สุขภาพดีขึ้นกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“เราลงทุนกับอะไรเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ เพื่อให้สุขภาพดี เพื่อป้องกันให้อนาคตเรา เสียเงินเยอะกว่าดีกว่า คุ้มกว่ากันเยอะครับ ยกตัวอย่างผมเองตอนนี้หลังจบรายการมาสเตอร์เชฟก็รู้สึกว่าแนวชีวิตเปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะ แต่ก่อนจะเป็นแนวตรวจรักษาเต็มร้อยเวลา แต่ตอนนี้ก็มีโอกาสได้ทำในส่วนของอาหารมากขึ้น รู้สึกว่าเราบาลานซ์ชีวิตความชอบทั้งสองอย่างได้ดี ใช้ได้ทั้งสุขภาพ และหน้าที่การงานชีวิต”
เรื่อง: รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพ : IG:p.dissakul