คลิปวิดีโอจากหน่วยกู้ภัยในจังหวัดชลบุรี เผยให้เห็นนักข่าวรายหนึ่งหัวร้อนแทงเข่าใส่กู้ภัย ขณะแทรกตัวเข้าช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์อุบัติเหตุ ทำนักข่าวฉุนไม่ได้ภาพข่าว ชาวเน็ตรุมด่ายับ
เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “หนองปรือ ศูนย์หนึ่ง” อาสากู้ภัยเพียวเยี้ยงไท้ ศรีราชา ได้โพสต์คลิปวิดีโอความยาว 10 วินาที ขณะกำลังใช้เครื่องมือช่วยชีวิตผู้ที่ติดอยู่ในรถบรรทุกหลังประสบอุบัติเหตุ ได้มีชายร่างใหญ่รายหนึ่ง ซึ่งผู้โพสต์ได้บอกว่าเป็นนักข่าวจากช่องทีวีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง กำลังใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปเหตุการณ์ ขณะเจ้าหน้าที่กำลังช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ทันใดนั้นเมื่อหน่วยกู้ภัยแทรกตัวเข้าไปด้านหน้าของนักข่าวรายนั้น กลับทำให้นักข่าวไม่พอใจใช้เข่าอัดไปที่บริเวณก้นของกู้ภัยด้วยอารมณ์โมโห ทั้งนี้ ผู้โพสต์ได้ระบุข้อความว่า
“ผมผิดอะไรนักข่าวต่อยกู้ภัยเพื่อจะทำข่าวมากกว่าการที่จะช่วยชีวิตคน ช่วยกันดูว่าผมทำอะไรผิดครับ กับนักข่าวท่านนี้ ขณะที่ผมจะเข้าไปช่วยผู้ได้รับบาดเจ็บ และติดภายในรถ และนักข่าวท่านนี้ เป็นนักข่าวที่ส่งข่าวให้กับ ทางช่อง TV ช่องดังช่องนึ่ง เหตุการณ์ ขณะทีมงานกู้ภัยกำลังใช้เครื่องมือตัดถ่างเพื่อจะนำผู้ได้รับบาดเจ็บออกจากภายในรถ และได้มุดเข้าไปเพื่อจะยกท่อหรือสายเครื่องตัดถ่างขึ้น ให้พ้นจากกระจกรถที่มันแตก เพื่อกันสายเครื่องตัดถ่างโดนกระจกที่ถิ่มสาย โดยนักข่าวท่านนี้ ผมไม่รู้เขาคิดอะไรกับผม หรือจะต้องการข่าวมากขนาดนี้ โดยเข้ามาทำร้ายผม ในขณะที่กำลังจะช่วยเหลือคนเจ็บให้ออกมาจากในรถ แต่นักข่าวท่านนี้ เกิดอาการไม่พอใจ ทั้งๆ ที่มันเขตพื้นที่รับผิดชอบของหน่วยกู้ภัย ที่ผมสังกัดอยู่ แต่คลิปที่ท่านเห็นอยู่ซึ่งโดนตัดไปบ้างส่วน และตัดไปในขณะที่นักข่าวท่านนี้ได้ใช้กำลังต่อยผมนั้น ท่านใดที่เห็นคลิปนี้ โปรดใช้ดุลพินิจจารณา ดูว่าผมผิดอะไรครับ และการกระทำของนักข่าวท่านนี้ เหมาะสมที่จะเป็นนักข่าวหรือไม่ ครับ ผมไม่เคยมีปัญหาหรือเรื่องอะไรกับนักข่าวท่านนี้นะครับ”
เหตุการณ์ในคลิปวิดีโอดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ ทำให้มียอดแชร์แล้วถึง 700 กว่าครั้ง และยอดชมคลิปอีกกว่า 8 หมื่นครั้งด้วยกัน ด้านชาวเน็ตได้เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นรุมประณามการกระทำของผู้สื่อข่าวชายคนดังกล่าวเป็นอย่างมาก โดยบอกว่าอยากได้ข่าวจนทำให้ลืมมีจรรยาบรรณไปหมด อีกทั้งจุดที่ยืนอยู่ก็ไม่สมควรยืน เนื่องจากเป็นจุดที่ควรจะให้หน่วยกู้ภัยทำงานได้สะดวกขึ้น พร้อมทั้งวอนให้สำนักข่าวต้นสังกัดควรจะมีมาตรการจัดการกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
