เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2561 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก น.ส.คัธลิยา รุ่งพนารัตน์ หรือปลัดแคท ปลัดเทศบาลตำบลเสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี พร้อมนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ เดินทางมาเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ส.อ.กฤษฎ์หิรัญ พิชญาภัคปุณณาสา เจ้าพนักงานจัดเก็บรายได้ระดับปฏิบัติงานปลัดเทศบาล ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ผู้ใต้บังคับบัญชาของโจทก์ ซึ่งเป็นจำเลยในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ละเมิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326, 328 ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 20 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี พร้อมทั้งโฆษณาผลคำพิพากษาและคำขอโทษโจทก์ในเฟซบุ้กจำเลยและสื่อติดต่อกันเป็นเวลา 7 วัน
จากกรณีที่ ส.อ.กฤษฎ์หิรัญ พิชญาภัคปุณณาสา ได้โพสเฟซบุ๊กทำนองว่ามีคนมาทำร้ายร่างกายและขู่กรรโชกทรัพย์ที่ทำงานเทศบาลตำบลเสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ทำให้ประชาชนและสื่อสำนักข่าวต่างๆ ติดตามสนใจทำข่าว และปรากฏว่ามีการเข้ามาคอมเมนต์ในทำนองที่ตำหนิติเตียน น.ส.คัธลิยา รุ่งพนารัตน์ หรือปลัดแคท ว่าเป็นผู้มีอิทธิพล ทำให้ผู้บังคับบัญชาและประชาชนเข้ามาตำหนิติเตียนปลัดแคทเป็นจำนวนมาก
ส่วนเรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น หาคำตอบได้จากปาก “ปลัดแคท” ที่นี่…
พิธีกร : ย้อนถามกลับไปนิดหนึ่งว่าก่อนหน้านี้เคยมีเรื่องกันมาก่อนหรือเปล่า
ปลัดแคท : ส.อ.กฤษฎ์หิรัญ พิชญาภัคปุณณาสา เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ในเรื่องส่วนตัวไม่เคยมีเรื่องกันเลยค่ะ
พิธีกร : ช่วยเล่าบรรยากาศในที่ทำงานให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ เพราะมีคนเล่ากันต่างๆ นานาว่าเวลาที่ ส.อ.กฤษฎ์หิรัญเข้าไปในพื้นที่ ต่อให้เป็นระดับหัวหน้า หรือปลัด ก็ไม่มีเกรงกลัวเลยนี่จริงไหมคะ
ปลัดแคท : โดยพฤติกรรมส่วนตัวเขาน่าจะเป็นแบบนั้นอยู่แล้วนะคะ เวลาที่เขาเข้ามาในเทศบาล เขาไปคุยกับใครก็ตามนะคะ ก็จะต้องมีใครที่มาเป็นพยานด้วย เขาก็ค่อนข้างจะข่มขู่ เขาชอบพูดคำว่า “เดี๋ยวจะเอาติดคุกเลยนะ”
พิธีกร : “เดี๋ยวจะเอาติดคุกเลยนะ” นี่พูดกับคนที่ไม่ถูกใจใช่ไหม
ปลัดแคท : บางครั้งก็ไม่ได้พูดกับคนที่ไม่ถูกใจนะคะ คนอื่นเขาทำงานอยู่ดีๆ อย่างเรื่องรับหนังสือ เป็นเรื่องปกติมากเลยค่ะในการรับส่งหนังสือ เขาก็บอกว่า “เนี่ยรับให้ดีนะ เดี๋ยวจะถูกติดคุก” ซึ่งไม่มีสาเหตุอะไรทั้งสิ้น จู่ๆ ก็พูดขึ้นมาลอยๆ แบบนี้
พิธีกร : แล้วการทำงานของเขาเป็นอย่างไร
ปลัดแคท : เขาจะทำงานตามปกติค่ะ คือทำงานที่ได้รับมอบหมายจากท่าน เขาจะมีอยู่ 2 งาน งานแรกคือเขาเป็นเจ้าพนักงานจัดเก็บรายได้ระดับปฏิบัติงาน ส่วนอีกงานหนึ่งที่ได้รับมอบหมายคืองานที่ต้องปฏิบัติงานในห้องสมุด
พิธีกร : เขามีบริษัทส่วนตัวที่มารับงานให้กับทางเทศบาลตำบลเสาธงหินบ้างไหมครับ
ปลัดแคท : ไม่มีนะคะ
พิธีกร : แต่คนจะทำได้ถึงขนาดนี้จริงๆ ต้องแค้นกันมากเลยนะ
ปลัดแคท : เราก็ไม่ทราบว่าเป็นพฤติกรรมส่วนตัวเขาหรือเปล่า
พิธีกร : ใครสักคนที่จะลุกขึ้นมาทำอะไรแบบนี้ ถ้าสร้างเรื่องจริงๆ ว่ามีคนเข้าไปทำร้ายร่างกายถึงเทศบาลเลย คือมันน่าจะมีปมหรืออะไรสักอย่าง ตรงนี้ปลัดพอจะประเมินได้ไหมคะว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ปลัดแคท : คิดว่าหนึ่งล่ะเป็นพฤติกรรมส่วนตัวของเขาประมาณว่าอาจจะมีปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย ตรงนี้คือไม่ทราบนะคะ
พิธีกร : แล้วก่อนหน้านี้เคยเจอมาก่อนที่จะตัดสินใจที่จะฟ้องหมิ่นประมาทบ้างไหมคะ
ปลัดแคท : ไม่เคยเลยค่ะ เพราะว่าด้วยตัวเองทำงานอยู่ที่เทศบาลตำบลเสาธงหินปีนี้เป็นปีที่ 6 แล้วนะคะ ลูกน้องเรามีทั้งหมด 420 คน ไม่เคยดำเนินการทางวินัยกับลูกน้องเลยแม้แต่คนเดียว เนื่องจากว่าถ้าหากกองใดมีปัญหา ก็จะบอกว่าให้หัวหน้างาน หัวหน้าฝ่าย ผู้อำนวยการกองให้เขาดำเนินการ จะตักเตือนลูกน้องหรือว่าอะไรก็ตาม จะไม่เคยเข้ากระบวนการของการสอบวินัยเลยแม้แต่รายเดียว
พิธีกร : ทางเทศบาลมีกล้องวงจรปิดไหมครับ
ปลัดแคท : เนื่องจากสถานที่ทำงานเขาจะเป็นศูนย์เอื้ออาทร ตรงนี้เราก็จะมีกล้องวงจรปิดที่ชัดเจนอยู่แล้ว มีหลายจุดด้วยค่ะ
พิธีกร : วันที่เกิดเหตุที่เขาอ้างว่ามีคนมาทำร้ายร่างกาย ขู่กรรโชกทรัพย์เขาที่เทศบาลตำบลเสาธงหิน ได้ไปดูภาพย้อนหลังหรือยังครับ
ปลัดแคท : ค่ะก็ได้ดูภาพย้อนหลังนะคะ เนื่องจากว่าวันที่ 22 พ.ค. 2561 ตำรวจได้ขอประวัติการบันทึกภาพวงจรปิดที่ศูนย์เอื้ออาทร ที่อยู่ด้านนอกของศูนย์ 9.00-11.00 น. ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็บันทึกภาพ และได้ดูแล้วกล้องนั้น ซึ่งก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นในตอนนั้นเลย และภาพเป็นเรื่องปกติมากเลยที่มีคน 2 คนเดินลงมา ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือส.อ.กฤษฎ์หิรัญ
พิธีกร : ไม่มีคนวิ่งหนี ชกต่อยกัน อะไรต่างๆ เลยใช่ไหมครับ
ปลัดแคท : อาคารของเอื้ออาทรจะมีห้องที่เป็นของเทศบาลใช้บริการ ให้บริการกับประชาชนอยู่ประมาณ 5 ห้อง ชั้นที่ 1 จะเป็นห้อง ICT ที่คนมาเรียนคอมพิวเตอร์และเป็นห้องศูนย์เด็กเล็กที่เราเลิกใช้แล้วเพราะว่าห้องไม่เหมาะสมกับเด็ก และห้องเอนกประสงค์
ชั้นที่ 2 เป็นห้องสมุด ซึ่งจะมีคนมาใช้บริการชั้นนี้ 30-40 คน ทางตำรวจก็ได้มาสอบสวนพนักงานที่อยู่ในตึกนั้น พนักงานก็ให้การกับตำรวจไปว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เห็นเพียงเขาเดินลงมาจากตึก 2 คนด้วยท่าทางที่เป็นปกติมาก
พิธีกร : แต่เขาถึงกับไหล่หลุดและเข้าโรงพยาบาลเลย วันที่ผู้ใต้บังคับบัญชาเจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาล ตอนนั้นปลัดแคททราบไหมครับ
ปลัดแคท : มาทราบในคืนวันที่ 22 พ.ค. 2561 ค่ะ ตอนตำรวจขอประวัติการบันทึกภาพวงจรปิด ประกอบกับช่วงเช้าที่พี่สาวโทร.มาสอบถามว่าเห็นข่าวไหม มันเกิดอะไรขึ้น เราก็เลยสอบถามลูกน้องว่าเกิดอะไรขึ้นกันหรือเปล่าในวันที่ 21 พ.ค. 2561 ลูกน้องก็บอกว่าไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย แล้วทำไม ส.อ.กฤษฎ์หิรัญถึงไปแจ้งความว่ามันเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นมา เขาบอกว่าวันที่ 21 พ.ค. 2561 ส.อ.กฤษฎ์หิรัญเขาก็มาทำงานปกติ มาลงรายมือชื่อปกติทั้งตอนเข้าและออกซะด้วยซ้ำ ตอนออกออกประมาณ 5 โมงเย็น ตอนนั้นพนักงานเทศบาลยกมือไหว้ทักทาย ก็ยังรับไหว้เขาปกติ
พิธีกร : ไม่มีอาการเจ็บใดๆ ใช่ไหมคะ
ปลัดแคท : ความจริงในภาพกล้องวงจรปิดก็ค่อนข้างที่จะชัดเจนนะคะ เนื่องจากมันจะมีภาพที่เขาขับรถออกไป คือภาพเหล่านี้เราก็ส่งไปให้ตำรวจทั้งหมดแล้ว
พิธีกร : คือเท่าที่คุยมาก็ดูว่าไม่มีความบาดหมางใดๆ กันเลย เขามีโรคประจำตัวทางด้านจิตเวชอะไรแบบนี้ไหมครับ มีประวัติการรักษาไหม
ปลัดแคท : โรคประจำตัวของเขาก็ไม่น่าจะมีอะไรนะคะ แต่ว่าจะมีเป็นใบลา หมอให้ลาป่วย 10 วัน ข้างในใบรับรองแพทย์เขียนเอาไว้ว่าผู้ป่วยแจ้งว่ามีรอยช้ำที่ศีรษะ มีรอยช้ำที่ใบหน้าข้างซ้ายและปวดเคล็ดข้อไหล่ ชาที่นิ้วก้อย… และเขียนข้างล่างก็เขียนไว้อีกว่าใบรับรองแพทย์อันนี้ไม่สามารถใช้ในคดีอาญาหรือแพ่งได้ ถ้าหากต้องการตรวจต้องผ่านแพทย์นิติเวช นี่แหละค่ะคือใบรับรองแพทย์เขียนมาลาป่วย แล้วตกลงเกิดเหตุการณ์อะไรกันแน่
คือต้องเรียนแบบนี้ว่าใบรับรองแพทย์ของเขา เขาใช้คนที่แอบอ้างว่าเป็น กอ.รมน.มาส่งให้นะคะ
พิธีกร : ปลัดแคทนึกไม่ออกจริงๆ ใช่ไหมว่าพอจะมีเรื่องอะไรกันมาบ้าง หรือเคยไปว่าเขาต่อหน้าใครหรือเปล่าครับ
ปลัดแคท : ไม่เลยค่ะ จะไม่เคยทำแบบนั้น ทุกคนจะรู้ ถ้าปลัดต้องคุยแล้ว มันต้องเป็นเรื่องที่มันใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีนะคะ ขออนุญาตเรียงลำดับง่ายๆ แบบนี้นะคะ ส.อ.กฤษฎ์หิรัญบอกว่าถูกทำร้ายตอน 10 โมงเช้า ใบแจ้งความของตำรวจบอกว่ามาแจ้งความตอนเที่ยง เข้าโรงพยาบาลประมาณ 4 ทุ่ม ประมาณ 5 ทุ่มก็สวมชุดผู้ป่วยแล้วก็ลงเฟซบุ๊กว่าโดนทำร้ายร่างกายในที่ทำงานของเขาเอง ซึ่งทำไมทิ้งเวลานานจัง
พิธีกร : มีการพูดคุยอะไรกับเขาไหมคะว่าทำไมถึงต้องทำแบบนี้หรือเกิดอะไรขึ้น
ปลัดแคท : คือคุณหมอให้เขาลาป่วยตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค. 2561 ซึ่งวันที่ 21 พ.ค. 2561 เขายังเข้ามาทำงานเต็มวัน ซึ่งเขาลาป่วย 10 วัน หลังจากนั้นเขาก็ลาป่วยอีก 2 วันมาทำงาน 1 วัน แล้วก็หยุด 1 วัน ก็เลยยังไม่ได้ถามเลยว่าเกิดอะไรขึ้น
พิธีกร : เท่าที่บอกมาว่าทำงานมา 30 ปี และอยู่ที่เทศบาลตำบลเสาธงหินยังไม่เคยทำโทษลูกน้อง ยังไม่ต้องคดีอาญาอะไรใดๆ เลยนะคะ อะไรคือปัจจัยที่ทำให้เดินหน้าต่อสู้กับเรื่องนี้คะ
ปลัดแคท : อาจจะเป็นเพราะว่าในครอบครัวไม่ยอมด้วยค่ะ เพราะทั้งชื่อ ทั้งนามสกุล อย่างที่สองคือภาพที่ผู้ใต้บังคับบัญชาเราจะมองเรา ภาพที่ผู้บังคับบัญชาเราที่ต้องมองเรา ภาพของกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ที่จะต้องมองเราต่อไป อีกทั้งภาพประชาชนที่จะมองเรา เขาจะเชื่อมั่นในการบริหารงานตามนโยบายเราจะทำเพื่อประชาชนหรือไม่ใช่ไหมคะ ไม่อย่างนั้นเราก็จะกลายเป็นจำเลยของสังคมถูกไหมคะ
เราอดทนถึงที่สุดแล้วนะคะ ทั้งใช้ธรรมะข่มก็แล้ว คือทุกอย่างใช้หมดแล้ว คือมันไม่ไหวด้วยชื่อเสียง เกียรติยศต่างๆ ด้วยค่ะ
พิธีกร : ทราบว่าหลังจากที่ ส.อ.กฤษฎ์หิรัญโพสต์ในเฟซบุ๊กกระแสสังคมก็ค่อนข้างหนัก
ปลัดแคท : ก็น่าตกใจนะคะที่เวลาที่เราเสิร์ชเข้าไปในยูทูป เราเสิร์ชแค่คำว่าปลัดแคท มันก็จะกลายเป็นภาพแบบนี้ออกมาทั้งหมดเลย ซึ่งชื่อปลัดแคทในตำบลเสาธงหิน ประชาชนไม่น่าจะไม่รู้จักหรอกค่ะ เวลาเราทำงานในพื้นที่ทุกคนจะเรียกและจำปลัดแคทได้หมด
พิธีกร : แล้วไปเจอทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ได้ไงครับ
ปลัดแคท : พี่สาวแนะนำค่ะ
พิธีกร : มีความกังวลใจอะไรไหมคะกับเรื่องนี้
ปลัดแคท : คือขออนุญาตแจ้งแบบนี้นะคะว่าเขาเป็นเจ้าพนักงานจัดเก็บรายได้ระดับปฏิบัติงาน จริงๆ เขามีหัวหน้า ต้องผ่าน ผอ.กอง ซึ่งจะคอยควบคุมดูแลเขาอยู่แล้ว ถามว่าเขามาทำกับปลัดถึงขนาดนี้ เรากังวลใจไหม สิ่งที่ทำไปวันนี้ก็มั่นใจในระดับหนึ่ง ให้กระบวนการยุติธรรม ศาลตัดสินแล้วกันว่า
พิธีกร : กลัวเรื่องอิทธิพลในพื้นที่บ้างไหมคะ
ปลัดแคท : ก็ไม่ได้เป็นคนที่มีอิทธิพล ก็เลยไม่กลัวผู้มีอิทธิพล
พิธีกร : วันนี้ก็ยื่นฟ้องไปแล้ว
ปลัดแคท : จริงๆ เกียรติยศและชื่อเสียงของครอบครัวมันประเมินค่าไม่ได้เลยนะคะ
พิธีกร : ตอนแรกเห็นว่าทนายอนันต์ชัยจะฟ้องสื่อด้วย เพราะสื่อเป็นส่วนหนึ่งให้ปลัดแคทต้องออกมาสู้ด้วย ตรงนี้ปลัดแคทคิดเห็นอย่างไรที่ช่วงแรกๆ มีสื่อออกข่าวผิดๆ
ปลัดแคท : ตอนแรกก็คิดนะคะว่าทำไมถึงออกข่าวฝ่ายเดียว แต่ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมากๆ เลยเนื่องจากว่าสื่อเขาก็ได้ให้พื้นที่ให้ปลัดได้อธิบาย ประชาชนบางส่วนที่ได้ดูทั้งภาคเช้าและภาคบ่ายก็เข้าใจมากขึ้น แต่สำหรับคนที่อยู่ช่วงเดียวเราก็ไม่รู้จะไปแก้ยังไงเพราะมันออกไปทั้งประเทศ
พิธีกร : แล้วทาง ส.อ.กฤษฎ์หิรัญติดต่อมาบ้างหรือเปล่าครับ
ปลัดแคท : ก็ยังไม่มีติดต่อมานะคะ
เรียบเรียงจากรายการเป็นเรื่อง ช่อง News1
จากกรณีที่ ส.อ.กฤษฎ์หิรัญ พิชญาภัคปุณณาสา ได้โพสเฟซบุ๊กทำนองว่ามีคนมาทำร้ายร่างกายและขู่กรรโชกทรัพย์ที่ทำงานเทศบาลตำบลเสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ทำให้ประชาชนและสื่อสำนักข่าวต่างๆ ติดตามสนใจทำข่าว และปรากฏว่ามีการเข้ามาคอมเมนต์ในทำนองที่ตำหนิติเตียน น.ส.คัธลิยา รุ่งพนารัตน์ หรือปลัดแคท ว่าเป็นผู้มีอิทธิพล ทำให้ผู้บังคับบัญชาและประชาชนเข้ามาตำหนิติเตียนปลัดแคทเป็นจำนวนมาก
ส่วนเรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น หาคำตอบได้จากปาก “ปลัดแคท” ที่นี่…
พิธีกร : ย้อนถามกลับไปนิดหนึ่งว่าก่อนหน้านี้เคยมีเรื่องกันมาก่อนหรือเปล่า
ปลัดแคท : ส.อ.กฤษฎ์หิรัญ พิชญาภัคปุณณาสา เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ในเรื่องส่วนตัวไม่เคยมีเรื่องกันเลยค่ะ
พิธีกร : ช่วยเล่าบรรยากาศในที่ทำงานให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ เพราะมีคนเล่ากันต่างๆ นานาว่าเวลาที่ ส.อ.กฤษฎ์หิรัญเข้าไปในพื้นที่ ต่อให้เป็นระดับหัวหน้า หรือปลัด ก็ไม่มีเกรงกลัวเลยนี่จริงไหมคะ
ปลัดแคท : โดยพฤติกรรมส่วนตัวเขาน่าจะเป็นแบบนั้นอยู่แล้วนะคะ เวลาที่เขาเข้ามาในเทศบาล เขาไปคุยกับใครก็ตามนะคะ ก็จะต้องมีใครที่มาเป็นพยานด้วย เขาก็ค่อนข้างจะข่มขู่ เขาชอบพูดคำว่า “เดี๋ยวจะเอาติดคุกเลยนะ”
พิธีกร : “เดี๋ยวจะเอาติดคุกเลยนะ” นี่พูดกับคนที่ไม่ถูกใจใช่ไหม
ปลัดแคท : บางครั้งก็ไม่ได้พูดกับคนที่ไม่ถูกใจนะคะ คนอื่นเขาทำงานอยู่ดีๆ อย่างเรื่องรับหนังสือ เป็นเรื่องปกติมากเลยค่ะในการรับส่งหนังสือ เขาก็บอกว่า “เนี่ยรับให้ดีนะ เดี๋ยวจะถูกติดคุก” ซึ่งไม่มีสาเหตุอะไรทั้งสิ้น จู่ๆ ก็พูดขึ้นมาลอยๆ แบบนี้
พิธีกร : แล้วการทำงานของเขาเป็นอย่างไร
ปลัดแคท : เขาจะทำงานตามปกติค่ะ คือทำงานที่ได้รับมอบหมายจากท่าน เขาจะมีอยู่ 2 งาน งานแรกคือเขาเป็นเจ้าพนักงานจัดเก็บรายได้ระดับปฏิบัติงาน ส่วนอีกงานหนึ่งที่ได้รับมอบหมายคืองานที่ต้องปฏิบัติงานในห้องสมุด
พิธีกร : เขามีบริษัทส่วนตัวที่มารับงานให้กับทางเทศบาลตำบลเสาธงหินบ้างไหมครับ
ปลัดแคท : ไม่มีนะคะ
พิธีกร : แต่คนจะทำได้ถึงขนาดนี้จริงๆ ต้องแค้นกันมากเลยนะ
ปลัดแคท : เราก็ไม่ทราบว่าเป็นพฤติกรรมส่วนตัวเขาหรือเปล่า
พิธีกร : ใครสักคนที่จะลุกขึ้นมาทำอะไรแบบนี้ ถ้าสร้างเรื่องจริงๆ ว่ามีคนเข้าไปทำร้ายร่างกายถึงเทศบาลเลย คือมันน่าจะมีปมหรืออะไรสักอย่าง ตรงนี้ปลัดพอจะประเมินได้ไหมคะว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ปลัดแคท : คิดว่าหนึ่งล่ะเป็นพฤติกรรมส่วนตัวของเขาประมาณว่าอาจจะมีปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย ตรงนี้คือไม่ทราบนะคะ
พิธีกร : แล้วก่อนหน้านี้เคยเจอมาก่อนที่จะตัดสินใจที่จะฟ้องหมิ่นประมาทบ้างไหมคะ
ปลัดแคท : ไม่เคยเลยค่ะ เพราะว่าด้วยตัวเองทำงานอยู่ที่เทศบาลตำบลเสาธงหินปีนี้เป็นปีที่ 6 แล้วนะคะ ลูกน้องเรามีทั้งหมด 420 คน ไม่เคยดำเนินการทางวินัยกับลูกน้องเลยแม้แต่คนเดียว เนื่องจากว่าถ้าหากกองใดมีปัญหา ก็จะบอกว่าให้หัวหน้างาน หัวหน้าฝ่าย ผู้อำนวยการกองให้เขาดำเนินการ จะตักเตือนลูกน้องหรือว่าอะไรก็ตาม จะไม่เคยเข้ากระบวนการของการสอบวินัยเลยแม้แต่รายเดียว
พิธีกร : ทางเทศบาลมีกล้องวงจรปิดไหมครับ
ปลัดแคท : เนื่องจากสถานที่ทำงานเขาจะเป็นศูนย์เอื้ออาทร ตรงนี้เราก็จะมีกล้องวงจรปิดที่ชัดเจนอยู่แล้ว มีหลายจุดด้วยค่ะ
พิธีกร : วันที่เกิดเหตุที่เขาอ้างว่ามีคนมาทำร้ายร่างกาย ขู่กรรโชกทรัพย์เขาที่เทศบาลตำบลเสาธงหิน ได้ไปดูภาพย้อนหลังหรือยังครับ
ปลัดแคท : ค่ะก็ได้ดูภาพย้อนหลังนะคะ เนื่องจากว่าวันที่ 22 พ.ค. 2561 ตำรวจได้ขอประวัติการบันทึกภาพวงจรปิดที่ศูนย์เอื้ออาทร ที่อยู่ด้านนอกของศูนย์ 9.00-11.00 น. ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็บันทึกภาพ และได้ดูแล้วกล้องนั้น ซึ่งก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นในตอนนั้นเลย และภาพเป็นเรื่องปกติมากเลยที่มีคน 2 คนเดินลงมา ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือส.อ.กฤษฎ์หิรัญ
พิธีกร : ไม่มีคนวิ่งหนี ชกต่อยกัน อะไรต่างๆ เลยใช่ไหมครับ
ปลัดแคท : อาคารของเอื้ออาทรจะมีห้องที่เป็นของเทศบาลใช้บริการ ให้บริการกับประชาชนอยู่ประมาณ 5 ห้อง ชั้นที่ 1 จะเป็นห้อง ICT ที่คนมาเรียนคอมพิวเตอร์และเป็นห้องศูนย์เด็กเล็กที่เราเลิกใช้แล้วเพราะว่าห้องไม่เหมาะสมกับเด็ก และห้องเอนกประสงค์
ชั้นที่ 2 เป็นห้องสมุด ซึ่งจะมีคนมาใช้บริการชั้นนี้ 30-40 คน ทางตำรวจก็ได้มาสอบสวนพนักงานที่อยู่ในตึกนั้น พนักงานก็ให้การกับตำรวจไปว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เห็นเพียงเขาเดินลงมาจากตึก 2 คนด้วยท่าทางที่เป็นปกติมาก
พิธีกร : แต่เขาถึงกับไหล่หลุดและเข้าโรงพยาบาลเลย วันที่ผู้ใต้บังคับบัญชาเจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาล ตอนนั้นปลัดแคททราบไหมครับ
ปลัดแคท : มาทราบในคืนวันที่ 22 พ.ค. 2561 ค่ะ ตอนตำรวจขอประวัติการบันทึกภาพวงจรปิด ประกอบกับช่วงเช้าที่พี่สาวโทร.มาสอบถามว่าเห็นข่าวไหม มันเกิดอะไรขึ้น เราก็เลยสอบถามลูกน้องว่าเกิดอะไรขึ้นกันหรือเปล่าในวันที่ 21 พ.ค. 2561 ลูกน้องก็บอกว่าไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย แล้วทำไม ส.อ.กฤษฎ์หิรัญถึงไปแจ้งความว่ามันเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นมา เขาบอกว่าวันที่ 21 พ.ค. 2561 ส.อ.กฤษฎ์หิรัญเขาก็มาทำงานปกติ มาลงรายมือชื่อปกติทั้งตอนเข้าและออกซะด้วยซ้ำ ตอนออกออกประมาณ 5 โมงเย็น ตอนนั้นพนักงานเทศบาลยกมือไหว้ทักทาย ก็ยังรับไหว้เขาปกติ
พิธีกร : ไม่มีอาการเจ็บใดๆ ใช่ไหมคะ
ปลัดแคท : ความจริงในภาพกล้องวงจรปิดก็ค่อนข้างที่จะชัดเจนนะคะ เนื่องจากมันจะมีภาพที่เขาขับรถออกไป คือภาพเหล่านี้เราก็ส่งไปให้ตำรวจทั้งหมดแล้ว
พิธีกร : คือเท่าที่คุยมาก็ดูว่าไม่มีความบาดหมางใดๆ กันเลย เขามีโรคประจำตัวทางด้านจิตเวชอะไรแบบนี้ไหมครับ มีประวัติการรักษาไหม
ปลัดแคท : โรคประจำตัวของเขาก็ไม่น่าจะมีอะไรนะคะ แต่ว่าจะมีเป็นใบลา หมอให้ลาป่วย 10 วัน ข้างในใบรับรองแพทย์เขียนเอาไว้ว่าผู้ป่วยแจ้งว่ามีรอยช้ำที่ศีรษะ มีรอยช้ำที่ใบหน้าข้างซ้ายและปวดเคล็ดข้อไหล่ ชาที่นิ้วก้อย… และเขียนข้างล่างก็เขียนไว้อีกว่าใบรับรองแพทย์อันนี้ไม่สามารถใช้ในคดีอาญาหรือแพ่งได้ ถ้าหากต้องการตรวจต้องผ่านแพทย์นิติเวช นี่แหละค่ะคือใบรับรองแพทย์เขียนมาลาป่วย แล้วตกลงเกิดเหตุการณ์อะไรกันแน่
คือต้องเรียนแบบนี้ว่าใบรับรองแพทย์ของเขา เขาใช้คนที่แอบอ้างว่าเป็น กอ.รมน.มาส่งให้นะคะ
พิธีกร : ปลัดแคทนึกไม่ออกจริงๆ ใช่ไหมว่าพอจะมีเรื่องอะไรกันมาบ้าง หรือเคยไปว่าเขาต่อหน้าใครหรือเปล่าครับ
ปลัดแคท : ไม่เลยค่ะ จะไม่เคยทำแบบนั้น ทุกคนจะรู้ ถ้าปลัดต้องคุยแล้ว มันต้องเป็นเรื่องที่มันใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีนะคะ ขออนุญาตเรียงลำดับง่ายๆ แบบนี้นะคะ ส.อ.กฤษฎ์หิรัญบอกว่าถูกทำร้ายตอน 10 โมงเช้า ใบแจ้งความของตำรวจบอกว่ามาแจ้งความตอนเที่ยง เข้าโรงพยาบาลประมาณ 4 ทุ่ม ประมาณ 5 ทุ่มก็สวมชุดผู้ป่วยแล้วก็ลงเฟซบุ๊กว่าโดนทำร้ายร่างกายในที่ทำงานของเขาเอง ซึ่งทำไมทิ้งเวลานานจัง
พิธีกร : มีการพูดคุยอะไรกับเขาไหมคะว่าทำไมถึงต้องทำแบบนี้หรือเกิดอะไรขึ้น
ปลัดแคท : คือคุณหมอให้เขาลาป่วยตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค. 2561 ซึ่งวันที่ 21 พ.ค. 2561 เขายังเข้ามาทำงานเต็มวัน ซึ่งเขาลาป่วย 10 วัน หลังจากนั้นเขาก็ลาป่วยอีก 2 วันมาทำงาน 1 วัน แล้วก็หยุด 1 วัน ก็เลยยังไม่ได้ถามเลยว่าเกิดอะไรขึ้น
พิธีกร : เท่าที่บอกมาว่าทำงานมา 30 ปี และอยู่ที่เทศบาลตำบลเสาธงหินยังไม่เคยทำโทษลูกน้อง ยังไม่ต้องคดีอาญาอะไรใดๆ เลยนะคะ อะไรคือปัจจัยที่ทำให้เดินหน้าต่อสู้กับเรื่องนี้คะ
ปลัดแคท : อาจจะเป็นเพราะว่าในครอบครัวไม่ยอมด้วยค่ะ เพราะทั้งชื่อ ทั้งนามสกุล อย่างที่สองคือภาพที่ผู้ใต้บังคับบัญชาเราจะมองเรา ภาพที่ผู้บังคับบัญชาเราที่ต้องมองเรา ภาพของกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ที่จะต้องมองเราต่อไป อีกทั้งภาพประชาชนที่จะมองเรา เขาจะเชื่อมั่นในการบริหารงานตามนโยบายเราจะทำเพื่อประชาชนหรือไม่ใช่ไหมคะ ไม่อย่างนั้นเราก็จะกลายเป็นจำเลยของสังคมถูกไหมคะ
เราอดทนถึงที่สุดแล้วนะคะ ทั้งใช้ธรรมะข่มก็แล้ว คือทุกอย่างใช้หมดแล้ว คือมันไม่ไหวด้วยชื่อเสียง เกียรติยศต่างๆ ด้วยค่ะ
พิธีกร : ทราบว่าหลังจากที่ ส.อ.กฤษฎ์หิรัญโพสต์ในเฟซบุ๊กกระแสสังคมก็ค่อนข้างหนัก
ปลัดแคท : ก็น่าตกใจนะคะที่เวลาที่เราเสิร์ชเข้าไปในยูทูป เราเสิร์ชแค่คำว่าปลัดแคท มันก็จะกลายเป็นภาพแบบนี้ออกมาทั้งหมดเลย ซึ่งชื่อปลัดแคทในตำบลเสาธงหิน ประชาชนไม่น่าจะไม่รู้จักหรอกค่ะ เวลาเราทำงานในพื้นที่ทุกคนจะเรียกและจำปลัดแคทได้หมด
พิธีกร : แล้วไปเจอทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ได้ไงครับ
ปลัดแคท : พี่สาวแนะนำค่ะ
พิธีกร : มีความกังวลใจอะไรไหมคะกับเรื่องนี้
ปลัดแคท : คือขออนุญาตแจ้งแบบนี้นะคะว่าเขาเป็นเจ้าพนักงานจัดเก็บรายได้ระดับปฏิบัติงาน จริงๆ เขามีหัวหน้า ต้องผ่าน ผอ.กอง ซึ่งจะคอยควบคุมดูแลเขาอยู่แล้ว ถามว่าเขามาทำกับปลัดถึงขนาดนี้ เรากังวลใจไหม สิ่งที่ทำไปวันนี้ก็มั่นใจในระดับหนึ่ง ให้กระบวนการยุติธรรม ศาลตัดสินแล้วกันว่า
พิธีกร : กลัวเรื่องอิทธิพลในพื้นที่บ้างไหมคะ
ปลัดแคท : ก็ไม่ได้เป็นคนที่มีอิทธิพล ก็เลยไม่กลัวผู้มีอิทธิพล
พิธีกร : วันนี้ก็ยื่นฟ้องไปแล้ว
ปลัดแคท : จริงๆ เกียรติยศและชื่อเสียงของครอบครัวมันประเมินค่าไม่ได้เลยนะคะ
พิธีกร : ตอนแรกเห็นว่าทนายอนันต์ชัยจะฟ้องสื่อด้วย เพราะสื่อเป็นส่วนหนึ่งให้ปลัดแคทต้องออกมาสู้ด้วย ตรงนี้ปลัดแคทคิดเห็นอย่างไรที่ช่วงแรกๆ มีสื่อออกข่าวผิดๆ
ปลัดแคท : ตอนแรกก็คิดนะคะว่าทำไมถึงออกข่าวฝ่ายเดียว แต่ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมากๆ เลยเนื่องจากว่าสื่อเขาก็ได้ให้พื้นที่ให้ปลัดได้อธิบาย ประชาชนบางส่วนที่ได้ดูทั้งภาคเช้าและภาคบ่ายก็เข้าใจมากขึ้น แต่สำหรับคนที่อยู่ช่วงเดียวเราก็ไม่รู้จะไปแก้ยังไงเพราะมันออกไปทั้งประเทศ
พิธีกร : แล้วทาง ส.อ.กฤษฎ์หิรัญติดต่อมาบ้างหรือเปล่าครับ
ปลัดแคท : ก็ยังไม่มีติดต่อมานะคะ
เรียบเรียงจากรายการเป็นเรื่อง ช่อง News1