xs
xsm
sm
md
lg

คนดีศรีตลาด “วินิจ สมสิทธิ์” พ่อค้าเขียงหมูผู้ใจบุญ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“เพียงแค่ใช้ หัวใจ  ให้จากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เท่าที่เรามี ไม่เดือดร้อนก่อน แค่นั้นเราก็สามารถช่วยเหลือคนอื่นได้แล้ว เราจะภูมิใจ สุขใจ สังคมก็จะดีขึ้นด้วย”

นี่คือประโยคบอกเล่าด้วยสีหน้าเปี่ยมรอยยิ้มจากปากพ่อค้าเขียงหมู จังหวัดสมุทรปราการ “วินิจ สมสิทธิ์” ที่มาพร้อมกับภรรยาคู่บุญ “นภัสวรรณ์ สมสิทธิ์” เจ้าของสโลแกนประจำร้าน “คนแก่ คนชรา 55 ปีขึ้นไป คนพิการ คนไม่มีรายได้ รับฟรีหมูครึ่งกิโล หรือไข่ 10 ฟอง”

เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นผู้รับมาก่อน...วันนี้มีกำลังเพียงพอที่จะแบ่งปัน จึงอยากจะเป็นผู้ให้กลับไปบ้าง และตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลากว่าหลายปีมาแล้วที่เขาได้ค้นพบความสุขจากคำว่า “ให้” อย่างแท้จริง

ก่อนมาเป็น…พ่อค้าเขียงหมูผู้ใจบุญ

ผมเคยเป็นเทรนเนอร์อยู่แถวถนนสีลมครับ ตอนนั้นรายได้หลักๆ อยู่ที่ราวๆ 50,000-80,000 บาท แต่พอทำไปได้สักพักหนึ่งก็มีความกดดันในเรื่องต่างๆ ค่อนข้างเยอะ ผมเลยลาออก และมีพี่คนหนึ่งได้ชวนผมไปเป็นเทรนเนอร์ให้อีกที่หนึ่ง เป็นฟิตเนสเล็กๆ อยู่แถวบางบัวทอง

พอทำงานที่ใหม่ ผมก็ได้มาเจอกับภรรยา ตอนนั้นเขาทำงานอยู่คลังสินค้าของซูเปอร์มาร์เกตแห่งหนึ่ง แล้วบังเอิญเพื่อนเขาก็ชวนมาออกกำลังกายที่ฟิตเนสที่ผมเป็นเทรนเนอร์อยู่ สุดท้ายก็ได้มาคบกัน ตอนที่ได้คบกัน ผมคิดแล้วว่าเราต้องเปลี่ยนแปลงเรื่องงาน ผมเลือกที่จะค้าขาย แม่ก็สนับสนุนด้วย เพราะแม่ผมค้าขายหมู ค้าขายไข่ไก่อยู่แล้วเหมือนกัน แล้วยิ่งเราคบกับเขาแล้วด้วย เราต้องหาเงินแต่งงาน เนื่องจากแม่ไม่มีให้ แต่แม่ก็ลงทุนซื้อแผง เขียงหมูและมีดให้ พอซื้อให้เสร็จแม่ก็บอกมาว่า “กูซื้อเรือให้มึงแล้ว มึงไปพายเอาเอง”

แรกๆ ผมก็ไปฝึก กินนอนอยู่กับแม่อยู่ประมาณ 2 เดือน ตอนนั้นแม่ผมจะขายตามตลาดนัดต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร เราก็จะไปหมดทุกที่เพื่อที่จะไปเรียนรู้ ทั้งส่วนต่างๆ ของหมู การหั่น ฯลฯ ว่าจะต้องทำอย่างไร จุดนั้นเลยทำให้ผมได้มาเป็นพ่อค้าเปิดเขียงหมู ณ ปัจจุบันครับ

ก่อร่างสร้างตัว เปิดเขียงหมูสู่ตลาดแรก
จุดเริ่มต้นที่มาของการ “แบ่งปัน”

เริ่มแรกผมไปขายอยู่ที่ตลาดนัดหมู่บ้านแสงตะวัน ต.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เราต้องเริ่มต้นสร้างก่อน รายได้เราอาจจะได้ไม่เท่ากับตอนที่ทำงานประจำที่ฟิตเนส แต่ความกดดันจะไม่มีแล้ว แถมมีเงินเก็บเพราะเราได้เห็นเงินทุกวัน เราเหนื่อยกับมัน เราเลยรู้จักใช้จ่าย รู้จักเก็บมากขึ้น พอมีมากขึ้นผมก็อยากที่จะช่วยเหลือคนอื่น

ตอนนั้นพอผมมีกำลังมากพอ ผมก็เริ่มมาแจกหมู แจกไข่ เพราะถ้าให้ไปหาของอย่างอื่นมาแจกมันก็ไม่ใช่ ผมก็เลยคิดว่าจะแจกของที่ขายนี่แหละ เพื่อที่จะได้อยู่เฝ้าร้านด้วย แถมได้ทำบุญด้วย และอิ่มใจด้วย มันเริ่มต้นจากคิดง่ายๆ แบบนี้ก่อนครับ แต่ตอนนั้นผมยังไม่ได้ขึ้นป้ายนะครับ จะเป็นการแจกในวันเทศกาลสำคัญๆ ก่อน เช่น วันพ่อแห่งชาติ วันแม่แห่งชาติ วันเกิดของผมเอง ฯลฯ เป็นต้น ประมาณว่าจะประกาศแจกว่าวันนี้วันพ่อนะ กุศลนี้ผมขอส่งไปให้ในหลวง มารับไข่ได้นะครับ วันนี้ผมแจกไข่ 900 ฟอง จะเป็นทำนองนี้มากกว่าครับที่ผ่านมา ซึ่งผมก็ทำแบบนั้นมาได้ประมาณ 4-5 ปี และเมื่อปีที่แล้ว ผมถึงมาขึ้นป้ายว่า “คนแก่ คนชรา 55 ปีขึ้นไป คนพิการ คนไม่มีรายได้ รับฟรีหมูครึ่งกิโล หรือไข่ 10 ฟองครับ”

ติดป้ายหน้าร้าน ชูสโลแกน
แจกฟรี หมูครึ่งกิโล-ไข่ 10 ฟอง

เมื่อปีที่แล้วผมขึ้นป้ายติดหน้าร้าน แล้วผมก็ถ่ายรูปลงในเฟซบุ๊กของตัวเอง ให้คนช่วยแชร์ว่าเราทำแบบนี้นะ ผลปรากฏว่าก็เป็นกระแสโซเชียลฯ ขึ้นมา ผมก็แจกมาเรื่อยๆ

ส่วนตอนนี้ร้านผมมี 2 สาขา ที่ตลาดนัดทอนแสง และตลาดนัดลุงแซม อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เราจะแจกแบบนี้ทั้ง 2 สาขาเลยครับ

• ตอนที่เริ่มติดป้าย มีคนเข้ามาขอรับฟรีเยอะไหม

ช่วงแรกที่แชร์กันเยอะๆ ก็จะมีเข้ามาเรื่อยๆ ครับ แต่ผมถือว่ายังไม่ได้เยอะมากเท่าไหร่ เพราะผมยังให้ได้อยู่ ถ้าเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ วันหนึ่งก็จะมารับแค่ 4-5 กิโลกรัมเท่านั้นครับ ไม่เยอะอะไร เพราะเราแจกให้คนที่เขาไม่มีจริงๆ อย่างคนชราที่ไม่มีรายได้ อยู่บ้านเฉยๆ มาเดินซื้อกับข้าว เราเห็นเราก็จะให้เขาเลยครับ

• แล้วมีเคสไหนที่ตั้งแต่แจกมา ประทับใจมากที่สุดบ้าง

ตั้งแต่แจกมามีหลายเหตุการณ์ที่ผมประทับใจ ยกตัวอย่างเช่น กรณีคุณยายคนหนึ่งแกมาขอซื้อหมู 40-50 บาท แต่เวลามาทีไร แกจะไม่เคยขอเลยนะครับ ผมก็คิดว่าเราให้เขาได้นะ พอผมให้ไป หลังจากนั้นแกก็กลับมาซื้อเราอีก จะไม่ขอ แถมยังซื้อซาลาเปา ทำกับข้าวมาให้กิน จะมีของกินมาให้ด้วยตลอด กลายเป็นว่าเขาเห็นเราเป็นลูกเป็นหลานของเขาคนหนึ่งไปแล้ว

หรืออย่างเคสหนึ่งที่เขาเห็นป้ายแล้วมาขอ เขาพูดประมาณว่า “ผมยังไม่มีงานทำ ผมขอหมูไปทำกับข้าวกินหน่อยได้ไหม” เราก็ถามเขาว่าจะเอาส่วนไหนดี จะเอาสามชั้นหรือว่าเนื้อแดง เขาก็บอกมาว่าแล้วแต่เราจะให้ ผมก็เลยให้เนื้อหมูไป พอผ่านไป 1 เดือนเขากลับมาใหม่ คราวนี้เขาไม่ได้มาขอแล้วนะครับ แต่เขามาซื้อเพราะว่าเขาได้งานทำ มีเงินแล้ว นี่ก็เป็นเรื่องราวดีๆ ที่ผมเจอมาครับ

• มีคนที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่เราทำบ้างหรือเปล่า เห็นว่าช่วงแรกเคยถูกมองว่าสร้างภาพ

คนที่ไม่เข้าใจก็มีนะครับ เช่น มีคนมาขอเพื่อเอาไปแกล้มเหล้า เพราะเขาคิดว่าเขาอายุ 55 ปี ตรงตามป้ายที่เราติดไว้ เขาก็ต้องได้ฟรีสิ แต่คือเขานั่งกินเหล้าอยู่หลังตลาด จะเอาไปทำกับแกล้ม วันนั้นเขามาขอหมูครึ่งกิโลกรัม ผมก็ให้นะ แต่เราก็ไม่ได้สบายใจหรอก ให้ไปแล้วไม่สุขใจ ผมก็จะไม่ทำ ผมเลยบอกเขาไปตรงๆ ว่าจริงๆ แล้วผมจะไม่ให้ในกรณีนี้นะครับ เราจะอธิบายให้เขาฟังว่าผมจะให้กับคนจน คนที่เขาไม่มีรายได้ หรือคนแก่ที่เขาอยู่บ้าน ลูกหลานไม่อยู่ ผมจะให้เขาเอาไปทำกับข้าวกินเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาพอกิน พอเขารู้แล้ว เขาก็จะมาแค่ครั้งนั้นครั้งเดียวนั่นแหละครับ แล้วก็ไม่เคยมาขออีกเลย

มีบ้างที่แม่ค้าบางคนเห็นเราแจกอยู่ เขาเข้ามาขอบอกว่าป้าจะเอาไปทำขาย ผมก็ไม่ให้นะ เพราะเขาก็ขายของยังมีรายได้อยู่ เราจะอาศัยการอธิบายให้ฟังก่อนว่าเราแจกให้ในกรณีนี้นะ ต้องลำบากจริงๆ ไม่ใช่ว่าผมจะให้ดะทุกคน ผมก็ไม่ได้รวยขนาดนั้น (หัวเราะ)

ก่อนหน้านี้มีหลายคนมองว่าเราสร้างภาพ มองว่าเราทำการตลาดเพื่อที่จะให้คนมาซื้อเยอะๆ แล้วก็มีหลายคนมองว่าผมกับภรรยาเป็นคนมีเงิน มองว่าเรารวยแล้วถึงได้มาแจกของได้แบบนี้ แต่ลึกๆ ผมรู้ตัวเองว่ายังไม่ได้รวย แต่ผมก็ยินดีให้เขามองแบบนั้น และสาธุไปกับเขานะครับ (หัวเราะ) เอาจริงๆ ถ้าผมรวย รถผมคงไม่โทรมขนาดนี้ ผมคงไม่ต้องมานั่งทำมาหากิน ต้องยอมรับว่าบางวันเราขายไม่ได้เลยก็มี จะบอกว่ายอดขายผมไม่ได้เพิ่มขึ้นเลยนะครับ ยอดแจกสิที่มากขึ้นกว่าเดิม แต่ผมคิดว่าตราบใดที่เรายังไม่โดนยึดรถยึดบ้าน ก็ไม่ต้องไปเครียดกับมันหรอก เรายังไม่ถึงกับเดือดร้อน เรายังแบ่งได้ เราให้ได้ตามกำลังที่เราไหว ให้ด้วยน้ำใจ เพราะคนที่เขาลำบากกว่าก็ยังมี เรายังมีเงินซื้อกับข้าวกิน แต่บางคนเขาแทบจะไม่มีเลย เราก็แจกหมู แจกไข่ให้เขาได้เอาไปทำกับข้าวกินดีกว่า

แรกๆ ยอมรับว่าซีเรียสนะ หมดกำลังใจทำเลยแหละ ท้อจนไม่อยากแจกแล้ว แต่เราก็มานั่งคิดว่ามันอยู่ที่ใจ เราไม่ได้เป็นแบบนั้น เลยทำต่อไป จนวันหนึ่งเขาจึงได้เห็นว่าเราทำจริง เราทำทุกวัน เราเสมอต้นเสมอปลาย

• ทุกวันนี้เขาเข้าใจในสิ่งที่เราทำแล้วใช่ไหมคะ เพราะมีหลายคนเริ่มหันมาทำแบบคุณแล้วเหมือนกัน

วินิจ สมสิทธิ์ : ทุกวันนี้เขาเข้าใจแล้วครับ ส่วนใหญ่คนที่มาขอฟรี จะเป็นคนที่เขาลำบาก เพราะเขาไม่มีจริงๆ เขาถึงมา ส่วนคนที่เขามี เขาไม่กล้ามาขอหรอกครับ คือที่เรากล้าประกาศไปแบบนี้เพราะผมรู้ว่าจิตใจคนว่าเป็นแบบไหน เป็นเราถ้ามีเงิน เราอยากแบมือขอคนอื่น ทั้งๆ ที่ไม่ลำบากเหรอ ผมก็ไม่เคยทำ ผมเลยคิดว่าคนอื่นก็คงไม่ทำกับผมเหมือนกันแน่ๆ ผมเลยเชื่อมั่น เชื่อใจว่าคนที่เขามารับ เขาไม่มี เขาลำบาก เพราะมันมองด้วยความรู้สึกเรา รู้สึกเขา มองสายตาเขา แล้วเราสัมผัสได้ครับ

นภัสวรรณ์ สมสิทธิ์ : เราต้องอาศัยการอธิบายจริงๆ ค่ะ ถ้าไม่ได้ทำงาน อยู่บ้าน ไม่มีรายได้ เราก็ให้ แต่ถ้าขายของอยู่ ยังมีรายได้อยู่ เราก็ไม่ได้ให้ เพราะถ้าอายุเลย 55 ปีไปแล้วมาขอทุกคน เราก็แจกไม่ไหวเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่คนที่มี เขาก็ไม่ได้มาขอหรอก น้อยคนนักที่จะมาขอ

วินิจ สมสิทธิ์ : อย่างตอนนี้ก็มีหลายคนที่เห็นเราแบ่งปัน แล้วเขาทำตามเหมือนกันนะครับ ที่เห็นชัดๆ เลยคือร้านไก่สดน้องกัส ตลาดสดแพรกษา ต.แพรกษา อ.เมืองฯ จ.สมุทรปราการ ที่ให้ผู้พิการและผู้ยากไร้ รับเนื้อไก่ฟรีครึ่งกิโลกรัม เขาก็ได้ให้เครดิตว่าทำเลียนแบบคุณวินิจที่เขาแจกหมู ผมก็เอาเรื่องราวของเขาไปแชร์ ดีใจที่เราเป็นต้นแบบให้แก่เขา ตรงนี้เป็นจุดหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่มีกระแสตอบรับกลับมาดี มีคนสนใจอยากจะทำความดี สิ่งนี้ทำให้ผมมีกำลังใจที่จะทำต่อไปเรื่อยๆ เพื่อให้คนที่เขามีกำลังที่จะให้ ได้เริ่มต้นทำบ้าง ก็มีหลายคนเข้ามาคอมเมนต์ว่าถ้าเขามีกำลังเขาจะทำแบบเรา เพราะเห็นเราเป็นแบบอย่าง มีทักเข้ามาเยอะมากครับ ผมก็ดีใจ ภูมิใจกับเขาด้วย

หรืออย่างคนที่เขาอยู่ไกลๆ เขาอยากทำบุญ มาขอซื้อไข่ ซื้อหมูของผม แล้วฝากให้ผมแจกให้เขาหน่อยก็มี ซึ่งผมก็คิดแค่ทุนแล้วก็ช่วยเขาแจก ตรงนี้เราก็ได้ทำบุญร่วมกันไปในตัวด้วยครับ

• ล่าสุดมีกระแสโด่งดังในโซเชียลฯ จากการที่คุณแชร์เรื่องราวของพ่อลูกคู่หนึ่ง เหตุการณ์เป็นอย่างไรช่วยเล่าให้ฟังหน่อยค่ะ

ส่วนตัวผมจะชอบถ่ายรูปและโพสต์อะไรลงเฟซบุ๊กของตัวเองอยู่แล้ว เรื่องราวนี้คงไปสะท้อนความรู้สึกของผู้อ่านหลายๆ คน จนทำให้เกิดเป็นกระแสขึ้นมาอีกครั้ง

เรื่องราววันนั้นก็คือ มีพ่อลูกคู่หนึ่งหอบเหรียญมาซื้อหมูกับผม คนนี้เขาเป็นลูกค้าประจำด้วย ปกติที่มาซื้อ เขาไม่เคยมาขอเราเลย แต่ผมจะสังเกตเห็นอยู่แล้วว่าเขาจะซื้อน้อย ซื้อครั้งละ 40-50 บาทเท่านั้น และวันนั้นที่เขามาซื้อ เขานับเหรียญซื้อ เราก็เลยถามไปด้วยความเอะใจว่า “ทำไมวันนี้ถึงเอาเหรียญมาล่ะ” เขาก็ตอบมาว่า “ไปจ่ายค่าเทอมให้ลูกสาวมา วันนี้ต้องแคะกระปุกลูกสาวเพื่อจะมาซื้อกับข้าวกินกัน” ผมฟังเสร็จ ผมสะอึกเลย ซึ่งเขาก็มาพร้อมกับลูกสาวด้วยนะครับ วันนั้นเขาขอซื้อตับหมู 50 บาท แต่ผมตัดเกินไปให้เขา แล้วเขาก็เดินไปซื้อผัก แต่ด้วยคำพูดที่สะกิดใจผม ผมเลยคิดว่าคนนี้เราต้องให้ พอดีเขาเดินผ่านมาอีก ผมก็เลยเรียกบอกไปว่า “พี่พอกินไหม” เขาก็บอกมาว่า “อยากซื้ออีกแต่ไม่มีเงิน” ผมก็เลยหยิบหมูเพิ่มให้เขาไป แล้วผมก็ขอถ่ายรูปเขาเอามาลงโซเชียลฯ ซึ่งเขาก็อนุญาต

วินาทีที่เขาได้รับ ผมเห็นเขาน้ำตาเขาคลอทั้งพ่อและลูกเลยนะครับ ขนาดผมพูด ผมยังรู้สึก เพราะเราไม่ค่อยได้เจอเคสแบบนี้เท่าไหร่ พอมาเจอปุ๊บ ภาพที่เราเคยจน เคยไม่มี มันสะท้อนกลับเข้ามา เรารับรู้ถึงความรู้สึกของเขาได้

พอเรื่องราวเหล่านี้ถูกแชร์ออกไป ตอนนี้ก็มีคนติดต่อมาทางผมเพื่ออยากจะช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ที่พอจะสามารถช่วยเขาได้ ทั้งในเรื่องอุปกรณ์การเรียน หรือแม้แต่เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าต่างๆ ซึ่งผมก็กำลังรอเจอพ่อลูกคู่นี้อยู่ เพื่อที่จะบอกข่าวดีกับเขาครับ

• เคยจน เคยไม่มีมาก่อน ทำให้อยากลุกขึ้นมาทำเรื่องแบบนี้?

“ผมเคยยากจนมาก่อน ยากจนถึงขนาดที่ว่า อยากกินไอศกรีมแท่งละ 1 บาท แม่ก็ไม่มีให้ ไปค้นหาเศษเหรียญในพานบนหิ้งพระเผื่อว่าจะมีหลงเหลืออยู่บ้างก็แล้ว ก็ไม่มี”

จำได้ว่ามีครั้งหนึ่งผมอยากกินไอศกรีมมาก พอรถเข็นไอศกรีมมา ผมก็วิ่งไปหาตามประสาเด็ก ลุงที่ขายไอศกรีมก็ให้ผมมาเลยฟรีๆ 1 แท่ง แม่ผมก็ได้ตะโกนบอกลุงไปว่า “หนูไม่มีเงินเลยนะ ไปค้นเหรียญแล้วไม่มีเลย” ลุงแกก็ตอบมาว่า “ไม่เป็นไร ลุงให้หลาน”

ครั้งนั้นแม่ผมรู้สึกถึงคุณค่าของการให้และการได้รับมากๆ ท่านเลยจะพูดและปลูกฝังผมมาตลอดว่า “มึงไม่ต้องรวยหรอก แค่มึงมี มึงก็รู้จักแบ่งปันให้คนอื่นเขากินบ้าง” เรื่องนั้นก็ยังคงฝังใจผมอยู่เหมือนกัน เพราะว่าผมเคยได้รับมาก่อน ตั้งแต่นั้นมาผมเลยตั้งเป้าหมายไว้ว่าถ้าวันหนึ่งเราพอจะมีกำลัง มีแรง ทำแล้วตัวเองไม่เดือดร้อน เราจะเป็นผู้ให้กลับไปบ้าง

• เพราะเคยได้รับมาก่อนจึงถูกปลูกฝังและส่งเสริมให้รู้จักคุณค่าของการให้ เหมือนว่าครอบครัวจะสนับสนุนให้ทำเต็มที่เลยใช่ไหมคะ

วินิจ สมสิทธิ์ : ใช่ครับ นอกจากแม่จะปลูกฝังผมมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ปัจจุบันนี้ส่วนตัวผมโชคดีที่ภรรยาผมเขาก็ใจบุญเหมือนกัน บางอย่างเขาใจบุญมากกว่าผมก็มี แต่เขาจะออกแนวชอบทำบุญ ปล่อยนก ปล่อยปลา เราจะมาในแนวเดียวกัน จะช่วยกันทำ จะไม่มีใครขัดใจกัน จะไม่มีมาบอกว่าเงินยังไม่มีเงินเลยนะ อย่าให้สิ จะไม่มีเลย

นภัสวรรณ์ สมสิทธิ์ : เราดีใจที่เขาทำแล้วมีความสุข แล้วคนที่ได้รับก็มีความสุขตามไปด้วย มีคนชมว่าเขาเป็นคนดี เราก็ดีใจ อีกอย่างทุกวันนี้เรามีเวลาไปวัด ไปทำบุญกันน้อย พอเราได้มาให้ทางนี้ เราก็จะได้ขายของไปด้วยและทำบุญไปด้วย

เราจะไม่ขัดใจกันค่ะ เพราะอย่างน้อยการได้ให้คนอื่น ให้เขามีกิน มีใช้ ถือว่าเป็นวิธีหนึ่งที่เราพอจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันได้ ซึ่งเราจะทำตามกำลังที่เราทำได้และทำไหวค่ะ (ยิ้ม)

• การเป็นผู้ให้มาตลอดหลายปี ส่งผลอะไรต่อชีวิตและครอบครัวบ้างคะ

การให้ทำให้ผมได้เห็นรอยยิ้มของคนที่ได้รับ มันทำให้ผมสุขใจ สบายใจ ถึงจะขาดทุนบ้างก็ช่างมัน ไม่เป็นไร เพราะความสุขทางใจบางครั้งก็มีมูลค่ามากกว่าเงินทอง

สิ่งที่ผมทำ ทำให้ผมและครอบครัวได้เพื่อนมากขึ้น มีคนที่รักเรามากขึ้น ได้คำชม ได้กำลังใจ ได้ความสุข เขามองเราใจดี ใจบุญ สนับสนุนให้เราทำต่อไป มันก็เป็นกำลังใจที่ทำให้เราอยากสู้ต่อ ตอนนี้กระแสที่บอกว่าผมสร้างภาพ อยากดัง ไม่มีแล้วครับเพราะเราให้ด้วยใจและเสมอต้นเสมอปลายมาตลอด

ผมอยากบอกว่า คำว่า “ยิ่งให้ยิ่งได้” นี่เรื่องจริงเลยนะครับ เราอาจจะไม่ได้ผลตอบรับมาเป็นเงินหรอก อย่างเช่น ตอนที่ผมประกาศขายบ้าน ทางนายหน้าเขาก็ติดต่อผมมา เขาเห็นว่าเราขายบ้าน เลยจะจัดการให้ฟรีๆ ทั้งหาลูกค้าให้ ทำสื่อโฆษณาให้ หรือหลายๆ เรื่องที่เข้ามา บางคนทักเข้ามาบอกผมว่าถ้าไปเที่ยวที่นั่น ที่นี่มาพักฟรีเลยนะ ให้พาครอบครัวไปเที่ยว ไปพักกับเขาได้เลย แต่ผมก็ยังไม่เคยไปหรอกครับ เพียงแต่เขาติดต่อเข้ามาบอก ผมเลยมองว่านี่แหละคือผลพลอยได้ที่เราเคยได้ให้กับคนอื่น คนอื่นเขาก็เลยให้เรากลับมาจากสิ่งที่เขาให้เราได้เหมือนกัน นี่คือสิ่งที่เรายิ่งให้ก็ยิ่งได้ครับ

• จะทำไปจนถึงเมื่อไหร่?

ผมไม่เลิกง่ายๆ จะทำต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีสิ้นสุด ผมจะทำจนกว่าที่เราจะเลิกกิจการหรือไม่มีเงินแล้ว

นอกจากแจกหมู แจกไข่แล้ว มีของอะไรที่ไม่ได้ใช้ เช่น เสื้อผ้า ของใช้ ของเล่นลูก ผมก็จะเอาไปให้คนที่เขาไม่มี คนยากจนที่เขาไม่สามารถซื้อได้ ตอนนี้ผมกับภรรยาก็จะปลูกฝังลูกๆ ให้รู้จักแบ่งปัน รู้จักตัดใจให้สิ่งของที่ตัวเองไม่ใช้กับคนอื่น บางอย่างเขาก็จะมีหวงไว้บ้าง แต่ถ้าสิ่งไหนที่เขาเลิกเล่นแล้ว เขาก็จะแบ่งมาให้ เราทั้งคู่ก็จะพยายามปลูกฝังไปเรื่อยๆ ให้เขาซึมซับ เพื่อสักวันหนึ่งโตขึ้นมาเขาจะได้ช่วยเหลือและแบ่งปันให้แก่สังคมต่อไป

• ถ้าอยากเริ่มต้นเป็นผู้ให้บ้าง ต้องทำอย่างไร เพราะบางคนอาจจะคิดแล้วแต่ยังไม่กล้าลงมือทำ

ก่อนอื่นต้องใช้ความรู้สึกว่าเราอยากให้เขาก่อน ไม่ใช่ว่าอยากเอาหน้า ต้องให้จากข้างใน ใช้หัวใจเราเป็นหลัก อย่าไปคิดว่าทำไปแล้ว เราจะมีประโยชน์อะไรกับเขาหรือเปล่า ยิ่งสังคมตอนนี้แบ่งแยกคนจน คนรวยด้วย ผมเลยมองว่าการแบ่งปันจะช่วยให้สังคมมีความน่ารักมากขึ้นได้ ถ้าเกิดเขาไม่หิว เขาอิ่ม เขาไม่ลำบากเรื่องหาเงิน ก็น่าจะลดเรื่องการลักขโมยไปได้บ้างครับ

ผมจะเจอคำว่า “ให้หนู ให้ผมมีก่อนนะ หนู/ผมจะทำแบบพี่เลย” แต่ผมมองว่าไม่ต้องรอรวย เราก็สามารถทำได้ ให้เริ่มต้นจากเล็กๆ น้อยๆ ก่อน การให้ไม่จำเป็นต้องเป็นเงินเป็นทองเสมอไป แค่เราแบ่งปันให้เขาได้มีกิน มีใช้ อย่างสมัยก่อนอยู่ข้างบ้านกัน ทำกับข้าวแลกกันกิน นั่นก็ถือว่าเป็นการให้แล้วครับ

แค่เริ่มจากตัวเรา เพียงแค่ใช้ หัวใจ ห้จากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เท่าที่เรามี ไม่เดือดร้อนก่อน แค่นั้นเราก็สามารถช่วยเหลือคนอื่นได้แล้ว เราจะภูมิใจ สุขใจ สังคมก็จะดีขึ้นด้วย ไม่เชื่อลองทำดูนะครับ

เรื่อง : วรัญญา งามขำ
ภาพ : วชิร สายจำปา และ Facebook : วินิจ สมสิทธิ์



กำลังโหลดความคิดเห็น