MGR Online - พบชีวิตหนุ่มจับใบแดงร่ำไห้เพราะห่วงไม่มีใครดูแลยาย มีฐานะยากจน ต้องทิ้งการเรียนราชภัฏไปเป็นลูกจ้างร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้าได้วันละ 300 ส่วนยายช่วยป้าขายพวงมาลัยหน้าวัด แถมต้องเลี้ยงป้าอีกคนที่เจ็บป่วย และหลานกำลังเรียนหนังสือ ผบ.ทบ.สั่งสัสดีภาษีเจริญรับผิดชอบ ผบช.มทบ.11 บอกดูแลทั้งยายและหลานเพื่อความสบายใจ
จากกรณีที่ในโลกออนไลน์มีการแชร์เรื่องราวจากเฟซบุ๊ก Art Tua Por โพสต์วิดีโอคลิประบุถึงเหตุการณ์การตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ากองประจําการ ประจําปี 2561 ในสถานที่แห่งหนึ่ง พบว่าหลังจับได้ใบแดง ชายคนดังกล่าวร้องไห้อย่างต่อเนื่อง เมื่อเจ้าหน้าที่ทหารบนโต๊ะเอกสารสอบถามจึงได้ความว่าต้องเลี้ยงดูยายที่เจ็บป่วยเนื่องจากพ่อแม่ทอดทิ้งตั้งแต่เด็ก และเกรงว่าจะไม่มีใครดูแลยาย กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงการเกณฑ์ทหารในโซเชียลมีเดียนั้น
จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ที่ถูกจับใบแดงที่เป็นข่าว คือ นายศักดิ์ฤทธิ์ ศรีสุนทร อยู่บ้านเลขที่ 59/3 ซอยเทอดไท 15 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กทม. สภาพครอบครัวมีฐานะยากจน มีภาระต้องดูแลยาย 1 คน อายุ 75 ปี และป้าอีกสองคน อายุ 55 ปี (ป่วย) และอายุ 48 ปี กับหลานชายอายุ 16 ปี อีก 1 คน กำลังเรียนหนังสือ รายได้ของครอบครัวมาจากการร้อยมาลัยของยายและป้า กับเจ้าตัวทำงานบริษัทผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า
นายศักดิ์ฤทธิ์เข้ารับการตรวจเลือกทหารที่วัดจันทร์ประดิษฐาราม ซอยเพชรเกษม 48 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยได้ขอผ่อนผันเพื่อการศึกษามาแล้ว 2 ครั้ง เคยศึกษาในระดับปริญญาตรี คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี แต่ปัจจุบันเลิกเรียนแล้วเนื่องจากไม่มีเงิน จึงขอยกเลิกการผ่อนผันและเข้ารับการตรวจเลือก โดยสมัครใจเข้าจับฉลากและจับได้ฉลากใบแดง (ทบ.ผลัดที่ 2) ต้องรับราชการ 2 ปี จะเข้าประจำการที่หน่วยมณฑลทหารบกที่ 11 ถนนพระราม 5 เขตดุสิต กรุงเทพฯ
โดย พ.ท.อรรถ ฤกษ์อนันต์ ผู้ช่วยสำนักงานสัสดีกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย จ.ส.อ.ชนะ แจ่มจำรัส เสมียนหน่วยสัสดีเขตภาษีเจริญ ได้ลงพื้นที่พูดคุยกับครอบครัวนายศักดิ์ฤทธิ์ เมื่อค่ำวันที่ 18 เม.ย. จากการสอบถามสภาพความเป็นอยู่พบว่านายศักดิ์ฤทธิ์ประกอบอาชีพรับจ้าง เป็นพนักงานธุรการ บริษัทอุปกรณ์ไฟฟ้าแห่งหนึ่งย่านถนนท่าดินแดง เขตคลองสาน มีรายได้วันละ 300 บาท ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนตุลาคม 2560 นายศักดิ์ฤทธิ์เคยทำงานอยู่ที่สำนักพระราชวัง ฝ่ายสนม มีหน้าที่ในการรับเสด็จ แต่ถูกให้ออกเมื่อเดือนธันวาคม 2560 เนื่องจากยังไม่ผ่านการตรวจเลือกทหาร และบัตรเขียวถูกยกเลิก
ส่วนป้ากับยายช่วยกันร้อยพวงมาลัยแล้วให้ยายไปขายบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น หน้าวัดนาคปรก ซอยเพชรเกษม 23 แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ รายได้วันละ 200 บาท ซึ่งนายศักดิ์ฤทธิ์กล่าวว่า เหตุการณ์ในตอนนั้นร้องไห้เพราะตกใจ ไปคนเดียว ไม่มีคนให้ปรึกษา ตนเองจับได้ผลัด 2 ในเดือนพฤศจิกายนก็จะเข้าไปทำหน้าที่
พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 ระบุว่า พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก และ พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา แม่ทัพภาคที่ 1 ได้ให้ความสนใจและสั่งการให้สัสดีในพื้นที่รับผิดชอบเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง และเตรียมการดูแลอย่างเหมาะสม ทั้งนี้ การตรวจเลือกเป็นไปตามกระบวนการอย่างเปิดเผยและยุติธรรม ไม่ได้กลั่นแกล้งเพื่อสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้ใด และเมื่อทราบปัญหาก็เร่งหาทางแก้ไขอย่างรวดเร็วในทุกราย โดยกรณีของนายศักดิ์ฤทธิ์นั้นทางหน่วยทหารใหม่จะดูแลทั้งตัวทหารใหม่และยายให้เป็นอย่างดี เพื่อความสบายใจ คลายกังวล สามารถเข้ารับการฝึกและทำหน้าที่ของตนตามกฎหมายอย่างสมบูรณ์
ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า มีพบอยู่บ่อยครั้งกรณีทหารใหม่แสดงออกถึงความกังวล เนื่องจากตนเองจะต้องเข้ามารับราชการเป็นทหารกองประจำการนั้น ส่วนใหญ่มักเป็นเฉพาะในช่วงแรกๆ เท่านั้นเพราะยังไม่มีข้อมูล เรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่ภายในหน่วยทหารสมัยปัจจุบัน ซึ่งในรั้วครอบครัวทหารยุคปัจจุบันทุกหน่วยจะมีการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาในทุกมิติ โดยเฉพาะการให้ความใส่ใจต่อชีวิตความเป็นอยู่ภายนอกรั้วทหาร และให้ความสำคัญต่อทหารทุกคนเสมือนเป็นญาติพี่น้องและคนในครอบครัว
ที่ผ่านมาความกังวลในลักษณะทำนองนี้ ทางหน่วยจะมีวิธีช่วยบริหารจัดการให้ได้อย่างเหมาะสมที่สุด หรือกรณีที่บางครั้งอาจจะเกิดผลกระทบบ้าง แต่ส่วนใหญ่ทุกหน่วยก็จะพยายามบริหารจัดการให้เกิดหรือมีขึ้นได้ให้น้อยที่สุด เชื่อว่าเมื่อทางหน่วยได้เข้าไปมีส่วนร่วมด้วยแล้ว สุดท้ายอาจไม่ถึงกับต้องเสียภารกิจในทางใดทางหนึ่งไป ไม่ว่าจะภาระทางราชการ หรือภาระทางครอบครัว ที่จะมีเพื่อนทหาร และผู้บังคับบัญชาไปร่วมกันดูแล หรือบางกรณีทางหน่วยสามารถพิจารณาเสนอขอใช้ระเบียบการขอลาดูแลบุพการีได้ถ้าจำเป็นจริงๆ