xs
xsm
sm
md
lg

รักควายควาย! เมียโกหก “ผัวตำรวจ” หมอทำลูกคลอดตายแล้วเผา ทำเจ้าตัวโวยวายลั่น รพ.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


พบหนุ่มสิบตำรวจจบใหม่ เจอภรรยาโกหกว่าท้องนานถึง 9 เดือน พอถึงกำหนดคลอดก็โกหกว่าหมอทำลูกตายแล้วเผาโดยไม่บอกกล่าว ทำเจ้าตัวต้องโวยวายกลางโรงพยาบาล แต่โชคดีเจอหมอสืบไปสืบมา เค้นให้ฝ่ายหญิงรับสารภาพ ที่สุดแล้วตำรวจคนนี้ตัดสินใจหย่าฝ่ายหญิง ขอโทษโรงพยาบาล

ความเชื่อใจเป็นสิ่งสำคัญประการหนึ่งของชีวิตคู่ แต่ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไร้ซึ่งความจริงใจก็คงยากที่ความรักนั้นจะยืนยาว เฉกเช่นกรณีที่เกิดขึ้นกับ ส.ต.ต.อุกฤษฏ์ บริบูรณ์ ผบ.หมู่ปราบปราม สภ.สีดา จ.นครราชสีมา เมื่อเว็บไซต์ “เอ็กเซคคูทีฟ โคราช” จ.นครราชสีมา รายงานว่า เมื่อบ่ายวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา มีชายรายหนึ่งได้เข้ามาโวยวายบริเวณชั้น 1 หน้าห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาล ป.แพทย์ 2 ถนนมหาดไทย ต.ในเมือง อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา โดยกล่าวว่าทางโรงพยาบาลทำคลอดภรรยาแล้วลูกตาย ก่อนเอาไปเผาศพโดยไม่บอกกล่าว



จากนั้นทางโรงพยาบาลได้เชิญเข้าไปเจรจา ชี้แจงว่าภรรยาไม่เคยฝากครรภ์แต่อย่างใด และจากประวัติการรักษาพบว่าเข้ามารักษาอาการท้องเสียเมื่อปี 2558 เท่านั้น แต่ชายคนดังกล่าวยังคงโวยวายก่อนที่จะเดินกลับไป ต่อมาทางโรงพยาบาลได้ติดต่อไปยัง น.ส.สาวิตรี สหุนันท์ ซึ่งขณะนั้นเป็นภรรยาของ ส.ต.ต.อุกฤษ เจ้าตัวรับสารภาพกับทางโรงพยาบาลว่าตนโกหกสามีและพ่อแม่ว่าตั้งครรภ์มา 9 เดือน โดยใช้ผ้ายัดหน้าท้องเพื่อให้เหมือนสตรีมีครรภ์ กระทั่งผ่านไป 9 เดือนหาทางออกไม่ได้จึงโกหกไปว่าทางโรงพยาบาลทำคลอดลูกตายแล้วนำศพลูกไปเผา โดยทางโรงพยาบาลได้บันทึกคำรับสารภาพของ น.ส.สาวิตรี ที่มาขอโทษกับแพทย์ไว้เป็นหลักฐานเพื่อเปิดให้ฝ่ายชายได้ดู

นพ.วิศาล ชาญพานิช สูตินรีแพทย์ โรงพยาบาล ป.แพทย์ 2 เปิดเผยว่า น.ส.สาวิตรีอยากแต่งงานกับ ส.ต.ต.อุกฤษ เลยแกล้งบอกว่าตั้งครรภ์มานาน 9 เดือน ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จึงอ้างว่ามาฝากท้อง แพทย์ทำคลอดเด็กเสียชีวิต แล้วเอาไปเผาโดยไม่ให้ฝ่ายชายดู ก่อนเกิดเรื่อง ส.ต.ต.อุกฤษมาพร้อมกับ น.ส.สาวิตรี เข้ามาโวยวายที่ห้องผู้ป่วยนอก (OPD) ว่า “หมอเอาแฟนไปไว้ที่ไหน หาตัวไม่เจอ” แต่ น.ส.สาวิตรีหลบหาย บอกเสียใจมาก เข้าห้องน้ำไม่ยอมออกมา สุดท้ายก็หายไปทั้งคู่ เมื่อแพทย์ค้นประวัติพบว่าเคยมาตรวจเมื่อ 5 ปีก่อน จนทราบที่อยู่จึงตามจนได้เบอร์โทรศัพท์

“ฝ่ายหญิงรับสารภาพว่าโกหกและได้มาขอโทษ แต่ตอนนั้นฝ่ายชายก็ยังไม่รู้เรื่องอีกเพราะผู้หญิงยังปิดเป็นความลับ จนกระทั่งวันรุ่งขึ้นผู้ชายได้มาด่าโวยวายที่โรงพยาบาลอีกครั้ง โวยวายเสร็จก็ขับรถออกไป หมอจึงได้โทร.ไปหาผู้หญิงคนนี้อีกรอบ ผู้หญิงบอกว่ายังไม่ได้บอกแฟนเลย แฟนยังไม่รู้ว่าโกหกเรื่องท้องหลังจากนั้นก็เงียบหายไป” นพ.วิศาลกล่าว

แพทย์จึงสืบหาชายคนดังกล่าว ทราบชื่อคือ ส.ต.ต.อุกฤษ บริบูรณ์ ผบ.หมู่ปราบปราม สภ.สีดา จ.นครราชสีมา เพิ่งจบหลักสูตรนายสิบตำรวจ ไปอยู่ฝ่ายสืบสวน สภ.สีดา จ.นครราชสีมา (อยู่ห่างจากตัวเมืองนครราชสีมาประมาณ 90 กิโลเมตร) ผ่านไป 1 สัปดาห์ ส.ต.ต.อุกฤษทราบเรื่องที่ น.ส.สาวิตรี โกหก สร้างเรื่องว่าตั้งครรภ์ จึงได้หย่ากัน และเมื่อเรื่องราวไปถึงโลกโซเชียลฯ ทำให้โรงพยาบาลเสียหาย ส.ต.ต.อุกฤษจึงได้มาขอโทษ

โดยเมื่อวันที่ 16 มี.ค. ส.ต.ต.อุกฤษ ได้เข้าพบ นพ.วิศาล ที่โรงพยาบาล ป.แพทย์ 1 ถนนไชยณรงค์ ต.ในเมือง อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา โดยขอโทษทางโรงพยาบาลและแพทย์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนยันว่าไม่ได้ต้องการทำลายชื่อเสียงของโรงพยาบาล ขอเอาอาชีพตำรวจที่ฝันมาตั้งแต่เด็กเป็นประกัน แต่ทำไปโดยขาดสติ รู้สึกโง่มาเป็นปี สาเหตุเกิดจาก น.ส.สาวิตรีไม่ยอมบอกว่าเกิดอะไรขึ้น จึงต้องไปที่โรงพยาบาลเพื่อทราบคำตอบ อีกทั้งเป็นโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงคงไม่ยอมปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ ตนรู้แล้วว่า น.ส.สาวิตรีโกหก แต่ยอมรับว่าเป็นคนอารมณ์ร้อน

“ยอมรับเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่ผมมีเหตุผล ถ้าวันนั้นมีใครให้คำตอบได้ ยอมรับโง่เอง เพราะฝ่ายหญิงโกหกทุกเรื่อง เป็นใครก็คงไม่ยอม ลูกตายแล้วเอาไปเผา บอกมีเซ็นยินยอมด้วย โดยที่ไม่ทราบเรื่อง จึงโมโหว่าทำไม่บอก เพราะผมเป็นพ่อ สรุปคือโดนภรรยาหลอกทุกคน ผมอยู่ด้วยความรับผิดชอบ วันที่นัดมาคลอด ผมเข้าโรงพยาบาลให้น้ำเกลือด้วย คิดว่าอาจโดนวางยา ทั้งแม่ภรรยาและผมเอง มันมีคำตอบให้ทุกคำถามแล้ว ผู้หญิงถ่ายรูปส่งมาให้ดูตลอด ตัวเองก็เห่อลูก หลงลูก ดีใจถึงขนาดว่าไปซื้อมอเตอร์ไซค์ไว้รอแล้ว ถ่ายแต่รูปท้องมาให้ดู จึงไม่คิดเลยว่าเป็นเรื่องโกหก” ส.ต.ต.อุกฤษกล่าว

ผู้สื่อข่าว MGR Online ได้ตรวจสอบเฟซบุ๊กส่วนตัวของ ส.ต.ต.อุกฤษ พบว่าได้โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 3 มี.ค. ระบุว่า “เพื่อนเอ๋ย วันนี้กูอยากกินเหล้า” ซึ่งเป็นหนึ่งในเนื้อเพลง “รักควายควาย” ของ มิน เฉาก๊วย ฟีเจอริ่ง มิ้ว ไม้ขีดไฟ และเมื่อกลายเป็นข่าวดัง พบว่ามีเพื่อนโพสต์ข้อความให้กำลังใจ ระบุว่า “อดีตผ่านไปแล้ว หลงเหลือไว้ในความทรงจำทั้งที่ดีและไม่ดี แต่จงจดจำในสิ่งที่ดี เพราะมันจะทำให้เข้มแข็งและมีความสุข สิ่งที่ผิดพลาด ให้มันเป็นบทเรียน และให้อยู่กับมัน อยู่กับปัจจุบัน ด้วยสติ จะทำอะไรให้คิดให้มาก ไตร่ตรองรอบด้าน สงสัยให้ถามผู้รู้”



ซึ่ง ส.ต.ต.อุกฤษ ตอบกลับว่า "ผมไม่รู้จะหาคำใดมาเปรียบกับสิ่งที่เจ้านายได้ให้ความช่วยเหลือกับผู้ที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่กำลังมืดมนหนทาง จนได้ทำอะไรแบบขาดสติ ขาดที่พึ่ง จนมองไม่เห็นแม้แต่อนาคต จนได้มีโอกาสได้กลับมามีชีวิตและมองเห็นทางข้างหน้าอีกครั้ง ผมขอขอบพระคุณครับท่านรอง ขอบคุณจากใจจริงๆ ครับ" นอกจากนี้ยังมีเพื่อนในกลุ่มของ ส.ต.ต.อุกฤษ ให้กำลังใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นอีกด้วย
ส.ต.ต.อุกฤษฏ์ บริบูรณ์ (ภาพจาก executivekorat.com)




กำลังโหลดความคิดเห็น