สาวใหญ่จอดรถขวางทางเข้าออก และท้ายรถได้เกินฟุตปาธ หวั่นเกิดอุบัติเหตุ ไม่พอใจมีคนมาเตือน ยังอ้างอีกว่าจะฟ้องหมิ่นประมาท สุดท้ายคุยไม่รู้เรื่อง ตำรวจให้ไปดำเนินคดีต่อที่สถานีตำรวจ แต่คู่กรณีสาวคนดังกล่าวไม่ไป
วานนี้ (13 มี.ค.) มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Khwanchit Lafon” ได้โพสต์คลิปวิดีโอบริเวณหน้าร้านของตน แล้วได้มีหญิงสาวรายหนึ่งขับรถยนต์ฮอนด้า รุ่นซีอาร์วี ทะเบียน กฉ 9888 สุรินทร์ มาจอดขวางทางเข้าออก เจ้าของร้านได้ออกไปเตือนและพูดว่า “อย่ามักง่าย” ให้เดินหน้ารถมาจอดทางด้านหน้า และท้ายรถได้เกินฟุตปาธ เพื่อไม่ให้เกิดการเฉี่ยวชนกันเกิดขึ้น แต่หญิงสาวรายดังกล่าวไม่พอใจ เกิดการโต้เถียงว่าทำไมต้องมาว่าคนอื่นว่ามักง่าย จนเกิดการโต้เถียงกันไปมา ยังอ้างอีกว่าจะฟ้องหมิ่นประมาท และได้ต่อว่าคนที่อัดคลิปวิดีโอว่า “ตอแหล” เรื่องดังกล่าวจบลงที่ฝ่ายถ่ายคลิปโทร.แจ้งตำรวจ และสุดท้ายตำรวจไปให้ทั้งคู่ไปลงบันทึกประจำวันเป็นที่เรียบร้อย แต่คู่กรณีสาวคนดังกล่าวไม่ได้ไปด้วย
ทั้งนี้ คำพิพากษาศาลฎีกาได้วางหลักกฎหมายเกี่ยวกับความผิดฐานดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้า ไว้ว่า “การดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้า หมายถึง การดูถูกเหยียดหยาม สบประมาท หรือทำให้อับอาย, “อีตอแหล” คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8919/2552 ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวต่อผู้เสียหายว่า “อีตอแหล มาดูผลงานของแก” เป็นการดูหมิ่นผู้เสียหายหรือไม่ เห็นว่า การดูหมิ่นผู้อื่น หมายถึงการดูถูกเหยียดหยาม สบประมาท หรือทำให้อับอาย
การวินิจฉัยว่าการกล่าววาจาอย่างไรเป็นการดูหมิ่นผู้อื่นหรือไม่ จึงต้องพิจารณาว่า ถ้อยคำที่กล่าวเป็นการดูถูกเหยียดหยามสบประมาทผู้ที่ถูกกล่าวหรือเป็นการทำให้ผู้ที่ถูกกล่าวอับอายหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นก็ถือได้ว่าเป็นการดูหมิ่นแล้ว เมื่อตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานให้ความหมายคำว่า “ตอแหล” ว่า เป็นคำด่าคนที่พูดเท็จ ซึ่งมีความหมายในทางเสื่อมเสีย การที่จำเลยกล่าวถ้อยคำดังกล่าวต่อผู้เสียหายจึงเป็นการพูดด่าผู้เสียหาย เป็นการดูถูกเหยียดหยามและสบประมาทผู้เสียหายว่าเป็นคนพูดเท็จ จึงเป็นการดูหมิ่นผู้เสียหายอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393 ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ปรับ 200 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 (ยึดทรัพย์สินใช้ค่าปรับ) มาตรา 30 (กักขังแทนค่าปรับ)