นายอนุรักษ์ ทศรัตน์ อธิบดีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน กล่าวชี้แจงกรณีการเปลี่ยนนายจ้างว่า เดิมกำหนดให้เปลี่ยนนายจ้างได้ 5 กรณี คือ 1. นายจ้างเลิกจ้าง/นายจ้างเสียชีวิต 2. นายจ้างล้มละลาย 3. นายจ้างกระทำทารุณกรรมหรือทำร้ายร่างกายลูกจ้าง 4. นายจ้างไม่ปฏิบัติตามสัญญาจ้างหรือกฎหมายคุ้มครองแรงงาน และ 5. ลูกจ้างทำงานในสภาพการทำงานหรือสภาพแวดล้อมในการทำงานที่อาจทำให้ลูกจ้างได้รับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย จิตใจ หรือสุขภาพอนามัย แต่ในปัจจุบันพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 กำหนดให้แรงงานต่างด้าวสามารถเปลี่ยนนายจ้างได้โดยให้นายจ้างเก่าต้องแจ้งต่อนายทะเบียนภายใน 7 วันนับแต่วันที่แรงงานต่างด้าวออกจากงานไม่ว่าด้วยเหตุใด หากไม่แจ้งจะมีความผิดตามกฎหมาย
สำหรับประเด็นปัญหาแรงงานต่างด้าวแย่งอาชีพคนไทยนั้น อาชีพที่แรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว พม่า สามารถทำได้มี 2 ตำแหน่งเท่านั้น คือ 1. กรรมกร 2. ผู้รับใช้ในบ้าน ทั้งนี้ อาชีพขายของหน้าร้าน หรือเร่ขายของ เช่น เข็นรถขายผลไม้ ขายอาหาร เป็นต้น แรงงานต่างด้าวฯ ไม่สามารถทำได้ ที่ผ่านมากรมการจัดหางานได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ กวดขัน จับกุมและดำเนินคดีแรงงานต่างด้าวที่กระทำผิดมาอย่างต่อเนื่องโดยตลอด ซึ่งในปีงบประมาณ 2560 ได้ตรวจสอบแรงงานต่างด้าวแย่งอาชีพคนไทยไปแล้วจำนวน 392 คน เป็นพม่า 365 คน, ลาว 12 คน, กัมพูชา 6 คน, เวียดนาม 3 คน, อินเดีย 4 คน และอื่นๆ 2 คน นายจ้าง/สถานประกอบการ จำนวน 301 แห่ง ดำเนินคดีแรงงานต่างด้าว 67 คน เป็นพม่า 59 คน, ลาว 2 คน, กัมพูชา 2 คน, เวียดนาม 3 คน, อินเดีย 1 คน นายจ้าง/สถานประกอบการ 19 แห่ง และในปี 2561 ได้ตรวจสอบแรงงานต่างด้าว จำนวน 297 คน เป็นกัมพูชา 2 คน, ลาว 8 คน, พม่า 279 คน, เวียดนาม 5 คน, อินเดีย 1 คน และ อื่นๆ 2 คน นายจ้าง/สถานประกอบการ จำนวน 223 แห่ง ดำเนินคดีแรงงานต่างด้าว จำนวน 55 คน เป็นพม่า 44 คน, ลาว 3 คน, กัมพูชา 2 คน, เวียดนาม 5 คน, อินเดีย 1 คน นายจ้าง/สถานประกอบการ 9 แห่ง
ในส่วนของมาตรการที่ช่วยเหลือนายจ้างในการพิสูจน์สัญชาตินั้น ขอเรียนว่าการพิสูจน์สัญชาติเป็นการดำเนินการของประเทศต้นทาง 3 ประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม กระทรวงแรงงานได้อำนวยความสะดวกให้แก่นายจ้าง โดยประสานประเทศต้นทางเพื่อจัดตั้งศูนย์บริการเพื่อการทำงานของคนต่างด้าวในรูปแบบ OSS โดยสัญชาติพม่ามี 9 ศูนย์ คือ 1. จังหวัดสมุทรสาคร 2 แห่ง 2. สมุทรปราการ 3. ตาก 4. เชียงราย 5. เชียงใหม่ 6. นครสวรรค์ 7. ระนอง และ 8. สงขลา สัญชาติกัมพูชา 3 แห่ง คือ 1. กรุงเทพมหานคร 2. ระยอง 3. สงขลา และลาว 1 แห่งที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งในแต่ละศูนย์จะมีการพิสูจน์สัญชาติโดยประเทศต้นทาง สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองตรวจลงตรา (VISA) กระทรวงสาธารณสุข ตรวจสุขภาพ/ประกันสุขภาพ กระทรวงแรงงาน ออกใบอนุญาตทำงาน ทั้งนี้ ในแต่ละศูนย์ฯ สามารถดำเนินการพิสูจน์สัญชาติได้ 600-1,200 คน/วัน พร้อมจัดให้มี CEO ประจำศูนย์ทุกศูนย์ เพื่อจัดระบบคิว อำนวยความสะดวกในการดำเนินการ ขั้นตอนต่างๆ เพื่อให้สะดวกรวดเร็ว และขจัดปัญหาการเรียกรับหัวคิว ทั้งยังประสานทุกหน่วย รวมทั้งประเทศต้นทาง เพื่อให้การพิสูจน์สัญชาติแล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2561