กองบัญชาการตำรวจนครบาล เตรียมยึดรถผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ไม่สวมหมวกกันน็อก ทั้งคนขี่และคนซ้อน จนกว่าจะหาหมวกมาใส่ตั้งแต่วันนี้ และปรับสูงสุด 1,000 บาท ทุกกรณี ตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค. เป็นต้นไป หวังให้คนกรุงเทพฯ สวมหมวกกันน็อก 100%
เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า จะบังคับใช้กฎหมายกับรถจักรยานยนต์ที่ไม่สวมหมวกกันน็อก ซึ่งในกรุงเทพมหานครมีรถจักรยานยนต์มากกว่า 3.4 ล้านคัน โดยหากตำรวจจับข้อหาไม่สวมหมวกกันน็อก เมื่อจ่ายค่าปรับ หรือรับใบสั่งจากเจ้าหน้าที่แล้ว จะไม่ปล่อยให้ขับขี่รถต่อไป จนกว่าจะหาหมวกกันน็อกมาสวมใส่ ทั้งคนขับขี่และคนซ้อน โดยได้กำชับให้กองบังคับการตำรวจจราจร และสถานีตำรวจนครบาลทั้ง 88 แห่ง ประชาสัมพันธ์ตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค. ที่ผ่านมา
โดยตั้งแต่วันที่ 18 - 24 ธ.ค. เมื่อตำรวจเรียกข้อหาไม่สวมหมวกกันน็อก จะต้องถูกยึดรถจักรยานยนต์ไว้จนกว่าจะไปหาหมวกกันน็อกมาสวม แต่ยังไม่ต้องจ่ายค่าปรับ จากนั้นตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค. เป็นต้นไป จะเริ่มบังคับใช้กฎหมาย หากตำรวจพบเห็นในขณะที่กำลังอำนวยความสะดวกด้านการจราจร สามารถจับปรับได้ทันทีในอัตราสูงสุด 1,000 บาท ทุกกรณี และจะต้องถูกยึดรถไว้จนกว่าจะไปหาหมวกกันน็อกมาสวม เพื่อเป็นการลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่
สำหรับแนวคิดดังกล่าว สืบเนื่องจากกรุงเทพฯ มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิตจากกรณีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกกันน็อกเป็นจำนวนมาก อีกทั้งการที่ตำรวจจับปรับ และปล่อยให้ประชาชนขับขี่รถไปต่อนั้น ไม่ใช่แนวทางที่จะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตได้ จึงมีแนวคิดบังคับใช้กฎหมายกับรถจักรยานยนต์ที่ไม่สวมหมวกกันน็อก เพื่อป้องกันและลดอัตราการเสียชีวิต ตั้งเป้าว่าคนกรุงเทพฯ จะต้องสวมหมวกกันน็อกให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยเบื้องต้น กองบัญชาการตำรวจนครบาลเห็นชอบแนวคิดและสั่งการให้ตำรวจจราจรดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว