นักบินสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ แจงผู้โดยสารที่ตำหนิการให้บริการ กรณีเกิดเหตุขัดข้องภายในห้องโดยสาร เนื่องมาจากความกดอากาศ พร้อมวอนอย่าเหมารวม หาทางป้องกันน่าจะดีกว่า ย้ำเรื่องแบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิด
วันนี้ (20 ก.ย.) จากกรณีที่มีผู้โดยสาร สายการบินไทย ไลอ้อน แอร์ เที่ยวบินที่ SL620 ออกเดินทางจากท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ ปลายทางท่าอากาศยานอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 19 ก.ย. เวลา 07.30 น. ประสบปัญหาหน้ากากออกซิเจนหล่นลงมา หลังทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าผ่านไปไม่ถึง 20 นาที ก่อนที่จะนำเครื่องกลับมาลงที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เป็นเหตุให้เที่ยวบินล่าช้า และแจ้งเปลี่ยนเครื่อง ต่อมามีผู้โดยสาร 2 คน แสดงความไม่พอใจ โพสต์เฟซบุ๊กตำหนิการให้บริการ โดยเฉพาะหน้ากากออกซิเจนไม่ทำงาน ทำให้ขาดอากาศหายใจ มีอาการหูอื้อ และเมื่อปฏิเสธการเดินทางกลับไม่มีการคืนเงิน เพราะไม่ใช่เที่ยวบินล่าช้าเกิน 2 ชั่วโมง ตามที่นำเสนอไปแล้วนั้น
เกือบหูดับ! “ไทยไลอ้อนแอร์” เครื่องบินชำรุด-หน้ากากไร้ออกซิเจน ไล่ให้ไปต่อแถมไม่คืนเงิน
แอร์ซุบซิบผู้โดยสารใช้ “หน้ากากออกซิเจน” ไม่เป็น - “ไทยไลอ้อนแอร์” แจงความกดอากาศต่ำ
กัปตัน เอกสิทธิ์ ดวงมาลย์ นักบินสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว Akasit Doungmaln ระบุว่า “เปลี่ยนคำขึ้นต้นเถอะครับ “รักชีวิตอย่าคิดขึ้น Thai Lion Air” ไม่มีใครอยากให้เกิด หรือตั้งใจให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้หรอกครับ อย่าเหมารวมเลยครับ ว่ากันเป็นเหตุการณ์เหตุการณ์ไป แล้วหาทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก น่าจะดีกว่าครับ ขอตอบเป็นข้อๆ เลยแล้วกันนะครับ
1. ระบบ Scan กระเป๋า หรือการ Scan กระเป๋านั้น เป็นขั้นตอนการปฏิบัติของทางสนามบินนั้นๆ ครับ ทางสายการการบินเป็นแค่ผู้รับคำสั่งให้ปฏิบัติตาม อย่างเหตุการณ์นี้ ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง มีขั้นตอนการปฏิบัติ คือ เมื่อท่านผู้โดยสารโหลดกระเป๋ากับทางสายการบินเรียบร้อย ทางสายการบินจะส่งกระเป๋าใบนั้นเข้าเครื่อง Scan ของทางท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งเป็นหน้าที่ของท่านผู้โดยสารที่จะต้องไปยืนดูว่ากระเป๋าของท่านผ่านการตรวจสอบเรียบร้อบดีมั๊ย เพราะถ้ามีอะไรผิดปกติ ท่านต้องเปิดกระเป๋าของท่านให้เจ้าหน้าที่ของทางการท่าอากาศยานดอนเมืองดูเดี๋ยวนั้น แต่ถ้าท่านไม่อยู่ดูกระเป๋าของตัวท่านเอง แล้วเดินเข้าไปด้านในเลยทันที เมื่อเครื่อง Scan ตรวจพบสิ่งผิดปกติ ทางเจ้าหน้าที่การท่าอากาศยานดอนเมืองก็จะแจ้งให้ทางสายการบินไปตามท่านเจ้าของกระเป๋ามาเปิดกระเป๋าของตัวท่านเอง อย่างที่ท่านว่าครับ
2. เมื่อเครื่องบินวิ่งขึ้นแล้วเกิดปัญหา
- ก่อนวิ่งขึ้นแล้วรู้สึกร้อน มีได้หลายสาเหตุ เช่น เครื่องบินจอดอยู่กลางลานจอดซึ่งเป็นบริเวณที่แดดแรงจัด เครื่องทำความเย็นก็อาจจะสู้ไม่ไหว หรือ ระบบทำความเย็นของเครื่องบินมีปัญหา แต่รับรองได้ว่าปัญหานั้นจะไม่มีผลกระทบกับความปลอดภัย นักบินถึงรับเครื่องบินลำนั้นๆ มาบินครับ
- หลังจากวิ่งขึ้นแล้วหน้ากากออกซิเจนตกลงมา นั่นหมายความว่า เครื่องบินมีปัญหาเรื่องความดันอากาศ (Decompression) ซึ่งระบบจะปล่อยหน้ากากออกซิเจนให้ตกลงมาอัตโนมัติ และก่อนสวมหน้ากากออกซิเจน ให้ท่านผู้โดยสารกระตุกตัวหน้ากากก่อน เพื่อให้ระบบผลิตออกซิเจนได้เริ่มทำงาน ตัวหน้ากากจะมีออกซิเจนครับ #น่าจะไม่ได้กระตุกหน้ากากก่อนสวม
- ผมเป็นนักบินมา 10 กว่าปี ก็ยังไม่เคยเจอกับตัวเองเหมือนกันครับ เรื่องแบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นครับ
3. เวลาเกิดเหตุการณ์ผิดปกติบนเครื่องบิน พนักงานทุกคนบนเครื่องถูกฝึกมาให้ดูแลชีวิตท่านผู้โดยสารได้อย่างแน่นอนครับ
- ที่กัปตันไม่ได้ประกาศในทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ผิดปกติ เพราะ นักบินต้องแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวเครื่องบินให้อยู่ในการควบคุมของนักบินให้ได้ก่อนครับ อย่างอื่นถึงตามมา มีโมเดล 5Cs อยู่ครับ
1. Cockpit/Flight crew members
- นักบินคุยกันก่อนว่าเกิดอะไร จะแก้ไขอย่างไร
2. Controller/ATC
- นักบินแจ้งหอบังคับการบินว่าต้องการอะไร
3. Cabin crew
- นักบินแจ้งลูกเรือว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไป
4. Customer/Passenger
- นักบินแจ้งผู้โดยสารว่าเกิดอะไร และเราจะทำอย่างไรต่อ
5. Company
- สุดท้ายถึงพยายามติดต่อบอกปัญหาที่เกิดขึ้นกับทางสายการบิน เพื่อให้เตรียมรับ เตรียมแก้ไขสถานการณ์ต่อไป
ทุกอย่างทำเรียงไปตามลำดับ เพื่อให้ได้ความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งก็เป็นลำดับตามที่ท่านผู้โดยสารว่าไว้เลยครับ
4. ไร้ความช่วยเหลือ
อย่างที่ว่าไว้ครับ เรื่อง 5Cs ครับ ทางสายการบินจะทราบปัญหาที่เกิดหลังสุด ปกติทางสายการบินจะมีแผนการรองรับเหตุการณ์ฉุกเฉินไว้อยู่แล้วครับ ต้องถามว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน นักบินใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที นำเครื่องลงจอดได้อย่างปลอดภัย ต้องให้เวลาพนักงานภาคพื้นของสายบินได้ปฏิบัติตามแผนการฉุกเฉินที่วางไว้บ้างครับ เข้าใจครับว่า ทันทีหลังจากเกิดเหตุการณ์ผิดปกติ ท่านผู้โดยสารก็ต้องตกใจเป็นเรื่องปกติ ใจเย็นลงนิดนึงนะครับ
เราพร้อมที่จะนำท่านผู้โดยไปยังจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย แต่อาจจะเสียเวลาจากเหตุการณ์ที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น เราเลยไม่สามารถคืนเป็นเงิน (Full Refund) ให้ท่านผู้โดยสารได้ เว้นเสียแต่ เราให้บริการนำท่านไปยังจุดหมายปลายทางไม่ได้เลย นั่นก็อีกเรื่องนึงครับ
จากเหตุการณ์ที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นนั้น เครื่องบินไม่สามารถควบคุมการปรับแรงดันอากาศได้อย่างเหมาะสม (Decompression) การที่ท่านผู้โดยสารจะรู้สึกปวดหูมากนั้น มีโอกาสเกิดขึ้นได้แน่นอนครับ เพราะร่างกายปรับสมดุลของแรงดันไม่ทัน
ส่วนการที่จะขอไม่เดินทางและการไปหาหมอนั้น ต้องมาดูว่า ได้ซื้อประกันการเดินทางมาด้วยรึเปล่าครับ เพราะ สายการบินราคาประหยัดจะแยกค่าประกันการเดินทางออกจากค่าบัตรโดยสาร เพื่อให้ได้ราคาบัตรโดยสารที่ถูกที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่เหมือนสายการบินที่บริการแบบเต็มรูปแบบ (Premium Airline) ที่จะรวมค่าประกันการเดินทางไว้ในค่าบัตรโดยสารเรียบร้อยแล้วครับ
ถ้าท่านผู้โดยสารได้รับการบาดเจ็บจากเหตุการณ์ไม่ปกติของเที่ยวบินและท่านผู้โดยสารซื้อประกันการเดินทางไว้ด้วย ทางสายการบินต้องดูแลทุกอย่างแน่นอนครับ
แต่ถ้าแค่บอกว่าไม่อยากเดินทางด้วยแล้ว ขอเงินคืนเต็มจำนวน อันนี้น่าจะไม่ได้ครับผม
ขอขอบคุณ ตรง "ฝากไว้ในใจครับ" ในช่วงท้ายของข้อความท่านผู้โดยสาร เจ้าของข้อความที่เอฟนำมาเผยแพร่ อ่านแล้วโดนใจ ชอบมากๆ เลยครับผม
สุดท้ายแล้ว ยังไงก็ต้องขอโทษ ขออภัยกับเหตุการณ์ที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น มา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ”