แอดมินเพจท่องเที่ยวดังโวย โดนขโมยนาฬิกา 8 เรือน และเครื่องสำอางราคาแพง รวม 25,000 บาท หลังใช้บริการสายการบินชื่อดังแห่งหนึ่ง หาข้อมูลพบเกิดเหตุการณ์นี้ซ้ำแล้วหลายครั้ง ฝากคำถามถึงผู้บริหารสายการบินดังวอนตอบหน่อย
วานนี้ (17 ส.ค.) เพจเฟซบุ๊ก “THE SNAP THAILAND” ได้เปิดเผยเรื่องราวหลังมีผู้โดยสารคนหนึ่งใช้บริการสายการบินชื่อดังแห่งหนึ่ง โดยระบุการเดินทาง ว่า เป็นวันที่ 15 สิงหาคม 2560 ซึ่งเป็นการเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น ตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม 2560 เดินทางด้วยกัน 2 ท่าน ทั้งไปและกลับ ใช้สายการบินไทย เส้นทางคือ ขาไป ภูเก็ต-สุวรรณภูมิ-นาริตะ ขากลับ นาริตะ-สุวรรณภูมิ-ภูเก็ต โดนขโมย ขากลับ โดยมีรายละเอียดเที่ยวบินขากลับ From TOKYO / NRT TO BANGKOK /BKK TG 641 boarding Time 10:20 มาเปลี่ยนเครื่องที่สุวรรณภูมิ From BANGKOK /BKK
TO PHUKET / HKT TG 221 boarding Time 17:45 โดยรับกระเป๋าปลายทางทั้งไปและกลับ ขาไปไม่มีปัญหาอะไร เพราะมีแต่เสื้อผ้า ส่วนตอนกลับมาจากญี่ปุ่น เส้นทาง นาริตะ-สุวรรณภูมิ-ภูเก็ต ทางสายการบินก็ถามว่าต้องการให้กระเป๋า Direct ถึงภูเก็ตเลยไหม ก็ตอบว่าใช่ เพราะขากลับ กระเป๋าหนักมากทั้ง 2 ใบ แบ่งเป็น ของใช้และเสื้อผ้า 1 ใบ อีก 1 ใบ คือ ของฝากและของที่ระลึกที่ไปซื้อมาจากญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม หลายคนบอกว่า โง่เองใครเค้าเอาของมีค่าไว้ในเครื่องกัน อันนี้ยอมรับว่าโง่เอง ที่ไว้ใจ และเชื่อใจในคุณภาพ แต่จริงๆ แล้วจะอธิบายให้ฟัง คือ เราตั้งใจจะเดินทางไปญี่ปุ่น กัน 3 คน คือ 2 ผู้ใหญ่ 1 เด็กเล็ก อายุ 6 เดือน แต่ต้องยกเลิกเที่ยวบินของลูกและเลื่อนวันเดินทางออกไป จากเดิมเดินทางวันที่ 5 สิงหาคม แต่มีข่าวว่า มีพายุไต้ฝุ่นโนรู เข้าญี่ปุ่น เลยเปลี่ยนเป็นวันเดินทางเป็นวันที่ 10 สิงหาคม คราวนี้ไปกัน 2 คน ประเด็นคือ แฟนต้องปั้มนม ออกทุกๆ 4 - 5 ชั่วโมง เพราะยังให้นมลูกอยู่ ในกระเป๋าของแฟนก็เลยเต็มไปด้วยอุปกรณ์ปั๊มนมลูก 90 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือคือของมีค่าต่างๆ กระเป๋าสตางค์ passport แบตสำรอง แล้วก็พวกของใช้เล็กๆ ส่วนตัวผู้เสียหายชอบถ่ายรูปแล้วมาลงในเพจส่วนตัวเพจนี้ ก็เอาไปแค่กระเป๋าสะพาย 1 ใบโตๆ หลักๆ ก็ กล้องถ่ายรูป เลนส์ โน้ตบุ๊ก ทำให้ไม่สามารถเอาของอะไรใส่ไปได้มากนัก ของต่างๆ ของที่ซื้อไป ใช่ ซื้อไปฝากคนที่บ้านก็จะอยู่ในกระเป๋าเดินทางทั้งหมด
ส่วนกระเป๋าเดินทาง ก่อนออกจากที่พักเป็นคนปิดเองจำได้ว่า ล็อกรหัส แล้วก็หมุนเพื่อให้รหัสมันสลับกัน จากนั้นก็ส่งต่อให้กับ เจ้าหน้าที่ของสายการบินไทย ในสนามบิน นาริตะ ประเทศญี่ปุ่น เราเดินทางกลับ ด้วยเครื่อง บินลำโต boeing 777 ของ สายการบินระดับโลกด้วยความภาคภูมิใจในสีม่วง และสโลแกนที่จำฝั่งหูมาตั้งแต่เด็ก รักคุณเท่าฟ้า มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิอย่างปลอดภัย ไม่อยากพูดถึงเรื่องการบริการนะ เดี่ยวจะยาวไปกว่านี้
ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ก็จอดเพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง รอประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ถึง 3 ชั่วโมง แล้วก็ออกเดินทางต่อ ไป สนามบินภูเก็ต แต่กว่าจะออกรู้สึกว่า น่าจะออกสายกว่าที่ทางสายการบินแจ้งไว้ แต่จำไม่ได้ว่าเป็นกี่โมงเพราะเพลียกันมาก พอขึ้นนั่งก็หลับกันทั้งคู่เลย พอมาถึงสนามบินภูเก็ต ก็ลงในอาคารใหม่ของสนามบินภูเก็ต ก็รอประมาณ 45 นาทีได้ กระเป๋าก็ออกมาจากสายพาน ด้วยความที่คนเยอะ เพลียมาก บวกกับ ง่วงที่เดินทางตั้งแต่เช้า ก็ไม่ได้เช็กกระเป๋า หรือเอะใจอะไร เพราะทุกอย่างดูปกติดี หลังจากนั้นก็มาถึงบ้าน เปิดกระเป๋าจะหานาฬิกาที่ซื้อมาฝากน้อง ก็เห็นสภาพในกระเป๋ามันรกจัง ก็เลยเปิดกางออกกลางบ้านเลย พอหาดูก็ไม่เจอนาฬิกาที่ซื้อมาฝากน้องๆ ในใจภาวนาว่า อย่าขโมยนาฬิกาที่ซื้อมาฝาก พ่อ กับ พี่สาว นะ เพราะราคาค่อนข้างแพงอยู่ และเสียเวลาในการเลือกนานมาก สรุป หายหมดเลย เหลือแต่กล้อง ใส่นาฬิกา เท่าที่จำได้คือ ซื้อนาฬิกา มาประมาณ 12 เรือน เหลือ 4 เรือน หายไป 8 เรือน
ส่วนของแฟนก็จะเป็นเครื่องสำอาง หลายชิ้นมาก รวมมูลค่าแล้วก็ 25,000 บาทไทย เหมือนมันรู้ เลือกขโมยเฉพาะของแพงๆ ไป เหลือไว้แต่พวกขนม ของฝากเล็กๆ หลังจากนั้น ก็ให้แฟนปรึกษากกับพี่สาว พี่สาวเลยให้โทรไปสอบถามที่สายการบิน ระหว่างนั้นผมก็หาข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับผู้เสียหายที่โดนขโมยของในสนามบิน สรุปเจอเยอะมาก และโอกาสได้ของคืนหรือให้สายการบินรับผิดชอบ มีโอกาส ไม่ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ ตัวเลขน่ากลัว
โดยผู้เสียหายได้ส่งอีเมลรายละเอียด ชื่อผู้เดินทางรายการของที่หาย บิลซื้อของต่างๆ และมูลค่าของที่ถูกขโมย หลังจากนั้น ก็กดส่งไป คราวนี้ก็ได้แต่รอเค้าตอบกลับมา แต่พอเข้าไปเช็กในอีเมลดูว่าส่งได้ไหม มันส่งข้อความกลับมาว่า “กล่องจดหมายของผู้รับเต็มไม่สามารถส่งข้อความของคุณไปยัง hktl@thaiairways.com กล่องจดหมายของผู้รับอาจเต็มหรือได้รับอีเมลจำนวนมากเกินไปในขณะนี้” และมันบอกว่ามันจะส่งต่อไปยังที่ไหนสักที่ ได้แต่รอคำตอบ ที่จะตอบกลับมาว่าจะเอายังไง 8
โดย ผู้เสียหายมีสิ่งที่อยากรู้ และไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย อยากให้ผู้รู้ช่วยตอบหน่อย คือ ขั้นตอนการขนย้ายกระเป๋า จากเครื่องบิน ผมเห็นมันใส่ในกล่องเหล็กนี่แล้วมันจะเอาออกมาได้ยังไง ? แล้วตอนย้ายออกจากเครื่องบินไปยังเครื่องบินอีกลำ มันต้องเปลี่ยนไอ้กล่องเหล็กนั้นไหม ใครสามารถเปิดกล่องนั้นได้บ้าง ? แล้วคนที่สามารถเข้าไป หรือ ขนย้าย มันไม่ใช่พนักงานของสายการบินนั้นๆ หรือ ? มีคนบอกว่า ไม่ใช่ความผิดของสายการบิน แต่เป็นพวก Outsource แล้วตกลง Outsource ใครเป็นคนจ้างมา และอยากรู้คำจำกัดความของคำว่า Outsource เพราะเท่าที่ข้อหาข้อมูล มันก็บอกว่า คือ พนักงานชั่วคราว (Outsource) ที่ไปประจำบริษัทต่างๆ นั่นเอง เป็นระยะเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น โดยจะไม่มีการทำสัญญาใดๆ ทั้งสิ้นเมื่อสิ้นสุดระยะการทำงาน
อันนี้คือที่ไปหาข้อมูลมา คือ ถ้ามันเป็น Outsource จริง ทำไมคุณถึง ให้คนที่เรียกตัวเองว่า Outsource มามีบทบาทและมาหยิบมาจับ หรือมาขโมยของมีค่าและของสำคัญ ของลูกค้าที่ซื้อตั๋วเดินทางไปกับคุณได้ เค้ามั่นใจในตัวคุณมาก แต่คุณมาบอกว่า Outsource เป็นคนผิด? ทำไมเวลาที่เราจะเข้าสนามบินนี้สแกนกูแล้วสแกนกูอีก สแกนจนก็อยากจะเป็นผู้ก่อการร้ายไปเลย แต่เข้าใจนะ เพื่อความปลอดภัย ในการเดินทางแต่ในทางกลับกับ อยากรู้ว่ามีการแสกน พนักงาน หรือพวก Outsource พวกนี้ไหม ว่ามีวัตถุต้องสงสัย หรือของที่ไม่ได้นำเข้าไป ยกตัวอย่าง ตอนเข้าไป ใส่นาฬิกา 1 เรือน ตอนออกมา มีนาฬิกาในกระเป๋าอีก 8 เรือน อยากรู้ว่ามีคนสแกนพวกนี้ไหม อยากรู้จริงๆ ว่านอกจากผมแล้ว ยังมีใครโดนกันอีกบ้าง ออกมาแชร์หน่อย
ที่ออกมาโพสแบบนี้ไม่ได้ต้องการที่จะให้ สายการบิน นั้นเสียหาย หรือเหมารวมว่าสายการบินนั้นไม่ดีไปทุกคน ไม่ใช่อย่างนั้น แต่ต้องการหาตัว XXXXXXX พวกนั้น คนดี และบริการดี ก็ยังมีอยู่ และอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ให้ทราบจะได้ระมัดระวังในการเดินทางเพิ่มขึ้น
อยากจะออกมาโพสต์เพราะคิดว่าคงไม่ใช่โดนแค่เราคนเดียว เพราะมีนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาด้วยกันมีเป็น ร้อยๆ คน มีทั้งนักท่องเที่ยวไทยด้วยกัน และนักท่องเที่ยวต่างชาติ แล้วถ้าเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ถามหน่อยว่าอายไหม ที่เค้ามาด่า มาว่าคนไทยขี้ขโมย เสียชื่อสายการบินไม่พอ เสียเชื่อประเทศไทยไหม ถ้ายังมีพวก XXX พวกนี้อีก ลองคิดดู มาเมืองไทยวันแรก โดนขโมยของในกระเป๋า เค้าของจะไม่ smile เหมือน สโลแกน ของเรา land of smile หรอก