บรรยากาศประชาชนจากทั่วสารทิศเดินทางมาร่วมกราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างต่อเนื่อง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
วันนี้ (21 มิ.ย.) บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 261 ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง เนื่องด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
ด้าน น.ส.เมทินี สิวราวุฒิ อายุ 31 ปี พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งจาก จ.ปัตตานี เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพในหลวง ร.๙ เพียงลำพัง เปิดเผยว่า เป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสมากราบพระองค์อย่างใกล้ชิด ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ ที่ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อปวงชนชาวไทย แม้ว่าในพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลอย่าง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไปเยือนหลายๆ ครั้ง “เกิดมาก็เห็นในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงงานมาตลอดพระชนม์ชีพ รักและเทิดทูนพระองค์ แม้ว่าจะไม่เคยเข้าเฝ้าเพื่อรับเสด็จฯก็ตาม ที่บ้านมีปฏิทินพระบรมฉายาลักษณ์ และพระบรมสาทิสลักษณ์ เก็บไว้มากมายหลายสิบปี เมื่อแขวนที่บ้านจนสิ้นปีแล้ว แม่ก็จะเป็นคนนำมาเก็บรักษาเอาไว้ ส่วนตัวน้อมนำพระราชปณิธานมาปฏิบัติในเรื่องของความพอเพียงและความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น ทั้งนี้ ตั้งใจจะเป็นคนดีตลอดไปด้วย” น.ส.เมทินี เผย
ขณะที่ น.ส.จรรจิรา คนไหว อายุ 38 ปี พนักงานโรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต เดินทางมากับเพื่อนร่วมงาน น.ส.กมลทิพย์ มันศรีชุม อายุ 36 ปี กล่าวว่า วันนี้ มากราบพระบรมศพเป็นครั้งแรก ตั้งใจอยากมานานแล้วแต่ยังหาโอกาส ออกเดินทางโดยเครื่องบินตั้งแต่เมื่อวานมาถึงกรุงเทพฯ ช่วงกลางดึก แล้วตื่นแต่เช้ามาเข้าแถวรอเวลา 08.00 น. และได้เข้ากราบพระบรมศพภายในครึ่งชั่วโมง บรรยากาศภายในพระที่นั่งดุสิตฯ เงียบสงบ รู้สึกอบอุ่นที่ได้มาอยู่ใกล้ๆ พระองค์ท่าน “ถือเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่ต้องมาให้ได้ ตั้งแต่เกิดมาก็เห็นพระองค์แล้ว ตอนนี้ท่านจากไปแต่กลับรู้สึกว่าท่านไม่ได้ไปไหน อยู่อยู่กับคนไทยทุกเวลา สำหรับตัวเองในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นศูนย์รวมจิตใจเมื่อยามท้อ นึกถึงพระองค์ท่านแล้วทำให้มีกำลังใจ โดยเฉพาะคำสอนต่างๆ นำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี อย่างเรื่องความมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เราทำงานโรงแรมสำคัญมาก ก็นำความเป็นคนไทยมีน้ำใจไปบริการลูกค้าและนักท่องเที่ยว ทำโดยไม่หวังผลตอบแทน เมื่อเขาประทับใจก็อยากกลับมาอีก จะเรียกว่าปิดทองหลังพระก็พอจะได้ ใกล้ถึงวันถวายพระเพลิงพระบรมศพเต็มที รู้สึกใจหายไม่อยากให้ถึงวันนั้นเลย หลังจากนี้อยากให้สื่อมีการนำเสนอเรื่องราวและพระราชกรณียกิจของพระองค์เรื่อยๆ เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้ทราบว่าท่านได้สร้างคุณงามความดีให้บ้านเมืองไว้มากมาย” สาวชาวอุดรธานี ที่ไปทำงานอยู่ต่างถิ่น กล่าว
ด้าน น.ส.กมลทิพย์ มันศรีชุม พื้นเพชาวนครศรีธรรมราช เสริมว่า ชีวิตนี้โชคดีเหลือเกินที่ได้เกิดในแผ่นดินของในพระมหากษัตริย์ที่ประเสริฐที่สุดในโลก ทรงเป็นนักพัฒนาในทุกด้าน ที่สัมผัสได้ด้วยตัวเองคือโครงการแก้มลิมใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งเป็นบ้านของคุณแม่ สามารถช่วยรับน้ำเวลาฝนตกหนักได้อย่างดี ทำให้ระยะหลังๆ มาน้ำไม่ท่วมหาดใหญ่ หรือหากท่วมก็ใช้เวลาไม่นานในการระบาย เป็นแนวพระราชดำริที่ถ่ายทอดให้ประชาชนนำมาปฏิบัติได้จริง