กลุ่มปลดแอกชาวสองล้อ ได้ออกมาโพสต์ระบายและปลุกระดมชาวฝั่งธนบุรี ทวงถามความเป็นธรรมหลังอ้าง สน.บุคคโล สัญญาจะให้ใช้อุโมงค์ลอดแยกมไหสวรรย์ร่วม แต่แล้วก็ผิดสัญญา
วันนี้ (19 ก.ค.) กลุ่มปลดแอกชาวสองล้อ ได้มีการโพสต์ระบายความเดือดร้อนของกลุ่มคนใช้รถจักรยานยนต์ ที่สัญจรผ่านลอดอุโมงค์แยกมไหสวรรย์ โดยอ้างว่า ตอนลำบาก ลำบากมาด้วยกัน พอถึงคราวสบายนั้น กลับสบายแค่พวกเดียว ซึ่งจากการหาข้อมูลนั้น พบว่า ตอนที่ก่อสร้างมายาวนานนั้นรถแยกนี้ได้ติดหนักมาก และช่วงที่ทดลองใช้อุโมงค์ลอดทางแยกมไหสวรรย์ เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 59 นั้น ได้ให้รถจักรยานยนต์ใช้เส้นทางร่วมกับรถที่ร่วมสัญจรปกติ และได้มาตั้งป้ายห้ามใช้อีกครั้งในเดือน มี.ค. 60 ซึ่งมีเนื้อหาอีกโพสต์ว่าลำบากด้วยกันมา 8 ปี ถึงเวลาเปิดใช้ เค้าใจดีให้พวกเราใช้แค่ 6 เดือน แล้วก็ห้ามพวกเราชาวสองล้อใช้ตลอดชาติ ทั้งที่ สน.บุคคโล เคยรับปากกับพวกเราว่าอุโมงค์นี้พวกเราชาวสองล้อใช้ได้ ทำไมถึงผิดสัญญากันแบบนี้ พี่น้องชาวฝั่งธนว่าไง ถึงเวลาที่จะลุกขึ้นทวงถามความเป็นธรรมอีกครั้งหรือยัง
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ชยัญ เบ็ญจาธิกุล รองผู้กำกับจราจร สน.บุคคโล เคยออกมาชี้แจงว่าเหตุที่ห้ามรถจักรยานยนต์ใช้ทางลอดแยกมไหสวรรย์ เพราะระยะทางในอุโมงค์ยาวถึง 1.5 กิโลเมตร อีกทั้งไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับรถจักรยานยนต์ เกรงว่าจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย อีกทั้งโดยปกติรถจักรยานยนต์จะห้ามใช้อุโมงค์ทั้งหมดอยู่แล้ว
สำหรับทางลอดแยกมไหสวรรย์ เป็นอุโมงค์ขนาด 4 ช่องจราจร กว้าง 17 เมตร ยาว 1,515 เมตร ลึกจากพื้นดินประมาณ 5 เมตร ในทิศทางถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน ทั้งขาเข้าและขาออก ใช้งบประมาณ 969 ล้านบาท โดยมี บริษัท กรุงธนเอนยิเนียร์ จำกัด เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง เริ่มต้นสัญญาเมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2554 ที่ผ่านมา การก่อสร้างเป็นไปอย่างล่าช้า กระทั่งถูกตั้งฉายาว่าเป็นอุโมงค์เจ็ดชั่วโคตร โดยอุปสรรคสำคัญ คือ การรื้อย้ายสาธารณูปโภค และการก่อสร้างทางน้ำลอดคลองบางน้ำชน ที่ลึกจากอุโมงค์ลงไปอีก ปัจจุบันเปิดให้สัญจรไปมาตั้งแต่วันที่ ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. 2559 ที่ผ่านมา
