xs
xsm
sm
md
lg

ชาวเน็ตแฉ “เพจดาร์ค” ไม่โปร่งใส แจงบัญชีบริจาคปนขายของไม่ได้ - “แหม่มโพธิ์ดำ” เสียใจ-ลั่นเลิกสังฆกรรม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ชาวเน็ตพบความผิดปกติของเพจดาร์คเพจหนึ่ง ใช้บัญชีอ้างว่าเป็นทีมงานจิตอาสา แต่พบเป็นคนเดียวกับที่ทำธุรกรรมขายของให้กับเพจมาตลอด แถมใช้บัญชีปนกัน ถามกลับโปร่งใส ตรวจสอบได้หรือไม่ ระบุที่ให้การกับตำรวจว่าเป็นเพียงแค่ลูกเพจดูขัดกัน ด้าน “แหม่มโพธิ์ดำ” เสียใจ คดีเก่ายังไม่จบ คดีใหม่มาเพิ่ม ลั่นต่อไปนี้จะไม่ยุ่งกับการบริจาคใครอีก

จากกรณีที่เฟซบุ๊กเพจสายดาร์คเพจหนึ่ง (ขอสงวนชื่อ) ได้โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ระบุว่า นางคารีนา พวงเดช อาจารย์โรงเรียนดอนยางวิทยา อ.เมือง จ.เพชรบุรี ได้ร้องขอความช่วยเหลือให้กับ ด.ญ.ลีลาวดี สุขเลิศ นักเรียนชั้น ม.1 เนื่องจากพบสภาพความเป็นอยู่ย่ำแย่ บ้านพักมีสภาพทรุดโทรม ไม่มีฝาผนังทั้ง 4 ด้าน ห้องน้ำซึ่งใช้อาบน้ำและขับถ่าย เป็นสังกะสี ผุพังเป็นรูโหว่ ลักษณะวางประกบ เกรงว่าจะเป็นอันตราย และขอความช่วยเหลือจากผู้มีจิตศรัทธาทางโลกโซเชียล ให้บริจาคโดยโอนเงินบริจาคเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย อ้างว่าเป็นบัญชีทีมงาน เพราะเด็กไม่มีบัญชี

ต่อมา นายสุรพล นาคนคร อายุ 57 ปี ผู้สื่อข่าวภูมิภาค หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ประจำจังหวัดเพชรบุรี ประกาศทางเฟซบุ๊กของตน ไปยังเพื่อนสมาชิก ให้ระวังการบริจาคเงินและสิ่งของต่างๆ กับกลุ่มบุคคลที่อาจเป็นการกระทำของกลุ่มมิจฉาชีพ ก่อนที่เพจดังกล่าวลบโพสต์ข้อความขอรับบริจาค และอ้างว่าจะมีบัญชีเป็นของตัวเอง แต่ไม่ปรากฏว่า มีเลขบัญชีของ ด.ญ.ลีลาวดี ขึ้นมาปรากฏแต่อย่างใด กระทั่งวันที่ 19 มิ.ย. นายสุรพล ได้ทดลองโอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าว พบว่ายังสามารถโอนเงินเข้าไปได้ และได้เก็บหลักฐานการโอนเงินพร้อมชื่อบัญชีให้พนักงานสอบสวน สภ.เพชรบุรี ดำเนินคดีฐานฉ้อโกงประชาชนเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.

กระทั่งเพจดังกล่าวได้โพสต์ข้อความโจมตีนายสุรพลให้เสื่อมเสียชื่อเสียง จึงได้แจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองเพชรบุรี ข้อหาหมิ่นประมาทและผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ต่อมาวันที่ 20 มิ.ย. เพจดังกล่าวได้มีการโอนเงินจากบัญชีกสิกรไทย ไปยังบัญชีธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี เงินทุนเพื่อการศึกษา จำนวน 50,000 บาท กระทั่งวันที่ 21 มิ.ย. ได้มีการเชิญตัวเจ้าของบัญชีธนาคารกสิกรไทย ซึ่งเป็นพนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.เพชรบุรี อ้างว่าเป็นแฟนคลับของเพจดังกล่าว แต่ไม่มีเจตนาฉ้อโกง ก่อนจะปล่อยตัวไป

รายงานข่าวแจ้งว่า เฟซบุ๊กเพจ “Piti Torprasert” ได้ตั้งข้อสังเกตพบความผิดปกติของเฟซบุ๊กเพจดังกล่าว เมื่อวันที่ 7 ก.ค. ระบุว่า เริ่มมีการระบายสินค้าของเพจออกมา โดยพบว่ามีการปล่อยหมวก 100 ใบสุดท้ายก่อนปิดเพจ ใบละ 299 บาท นอกจากนี้ จากการตรวจสอบพบว่า บัญชีที่อ้างว่าเป็นทีมงานอาสา กลายเป็นบัญชีเดียวกับที่ขายของ ชื่อบัญชี น.ส.ศิรัสวยา (ขอสงวนนามสกุล) เป็นพนักงานบริษัทตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ใน จ.เพชรบุรี จึงสงสัยว่า เจ้าของบัญชีที่เป็นทีมงานอาสานั้น เป็นเจ้าของรายได้จากการขายหมวก ขายเสื้อ พวงกุญแจด้วยหรือไม่ หรือเป็นแค่คนให้ใช้บัญชี พร้อมถามกลับว่า โปร่งใส ตรวจสอบได้หรือไม่ อีกทั้งทราบว่าเป็นบัญชีเงินเดือน จึงไม่น่าจะเป็นการเปิดบัญชีให้ผู้อื่นใช้ และไม่ใช่เป็นการที่เจ้าของบัญชีถูกร้องของมาเฉพาะเรื่อง เพิ่งให้เลขบัญชีไป แต่ได้ทำธุรกรรมกับทางเพจมาตลอด

นอกจากนี้ เจ้าของบัญชี ที่เพจอ้างว่าเป็นจิตอาสาที่คัดสรรมาเฉพาะกิจนั้น เป็นคนเดียวกับที่ทำธุรกรรมให้กับเพจมาตลอด ทั้งการขายของในเพจ และการรับบริจาค อีกทั้งตนได้ทดสอบด้วยการโอนเงิน 1 บาทไปยังเลขที่บัญชีที่ใช้ในการสั่งสินค้าอีกบัญชีหนึ่ง พบว่าเป็นชื่อบัญชีเดียวกัน สิ่งที่ให้การไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ว่าเป็นลูกเพจที่มีความชื่นชอบในเพจธรรมดา แอดมินขอให้ช่วยเพราะเป็นคนพื้นที่ จึงให้เลขบัญชีไป จึงขัดกันแน่นอน

ด้านเฟซบุ๊กเพจ “แหม่มโพธิ์ดำ” เพจสายดาร์คชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ยอมรับว่าไม่รู้มาก่อน ว่าเพจหนึ่งที่ตนเคยปกป้องใช้บัญชีระดมทุนเดียวกับร้านค้า ก่อนหน้านี้ทางเพจส่งรายละเอียดเรื่องการโอนมาให้ว่ามีเงินเข้าส่วนหนึ่ง มีการโอนไปทำห้องน้ำให้เหยื่อเรียบร้อย ทางนี้ก็ตำหนิไปว่า ไประดมทุนทำไม อยากขายของไรก็ขายไป หักกำไรมาทำบุญ เพื่อความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และไม่ผิดกฎหมาย

ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวสืบเนื่องมาจากเพจดังกล่าวยอมรับว่าผิดไปแล้ว แต่ไม่ได้โกง ถูกใส่ร้าย อีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้สื่อข่าวปลอมเป็นคนถูกฉ้อโกง โจมตีว่าโกงเงินทำบุญ เกิดเป็นสงครามขึ้นมา ผ่านไปนานจึงรู้ว่า อาสาที่ออกมาปกป้อง ใช้ชื่อบัญชีเดียวกับร้านค้า ทุกอย่างดูมีพิรุธไม่โปร่งใส ค้านกับสิ่งที่ตนสนับสนุนให้ทำบัญชีให้ถูกต้อง อยากขาย เอาส่วนกำไรตามใจ แต่ถ้าส่วนไหนทำบุญต้องชัดเจน และส่งตรงให้เหยื่อทั้งหมด

เจ้าของเพจ “แหม่มโพธิ์ดำ” กล่าวอีกว่า เสียใจที่ถูกหลอกใช้ อยากเขียนเรื่องราวเพื่ออธิบายก็จะกลายเป็นรังแกคนที่กำลังล้ม พอเงียบหายไปก็มองว่าเป็นความรับผิดชอบอย่างหนึ่ง ไปสู้กันในทางกฎหมาย และทำทุกอย่างให้จบ ให้ชัดเจน อยู่ดีๆ กลับมาขายของที่ค้างสต๊อค มาช่วยเพจการแพทย์ที่เขายึดมั่นทำดี ตนจึงถามว่า กำลังทำอะไรอยู่ คดีเก่ายังไม่จบ อันใหม่ก็มาเพิ่ม แต่ก็ไม่สนใจ

“สรุปไม่แคร์คนที่เคยปกป้อง เคยช่วยกันมา บอกได้คำเดียวว่าผิดหวังและเสียใจ ไม่ได้บอกว่านางโกง เพราะนางก็ช่วยคนเยอะมาก แต่ในเมื่อไม่กางบัญชี ชี้แจงละเอียด ก็พูดยากว่านางบริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ครั้งนี้คงเงียบไม่ได้แล้ว ถ้าตนยังคิดจะยืนอยู่ในการเป็นแอดมินเพจดาร์ค ถูกผิดต้องแยกได้ ไม่ว่าคนที่ทำผิดก็เป็นมิตรหรือศัตรู ถ้ายังไม่พูดอะไรเลย ก็กลายเป็นละทิ้งอุดมการณ์ และปกป้องคนผิด แบบนี้ตนจะต่างอะไรกับโจร” เจ้าของเพจ “แหม่มโพธิ์ดำ” กล่าว และว่า ส่วนในอนาคต จะไม่ยุ่งกับการบริจาคใครอีก ไม่ต้องส่งมา ใครจะทำอะไรไม่ต้องมายุ่ง ถ้าตนจะขายของ ตนขายเอง จะเอาเงินให้ใครเรื่องของตน เพราะตนรับผิดชอบ และชี้แจงเรื่องของตนได้ ส่วนคนอื่นในเมื่อคุมไม่ได้ก็ไม่ยุ่ง



ด้านเฟซบุ๊กเพจ “The Dark Knights X” ได้กล่าวว่า เจ้าของเพจหนึ่งยังไม่ออกมาแจงอีกหรือ มองว่าถ้าทำดีเเล้วมีผลประโยชน์ตบท้าย แม้ไม่ผิดแต่จะกลายเป็นการตลาด ไม่ใช่จิตอาสา ไม่ใช่ฮีโร่ เรียกว่าการพีอาร์ธุรกิจ ถามว่าละอายใจไหมในวันที่สังคมเกิดข้อกังขา แล้วไม่ออกมาชี้แจง แต่พอคนอื่นเค้าทำผิด ก็ไปวอร์ (ทำสงคราม) ล่าแม่มดเขาสารพัด อย่าสองมาตรฐาน

“สุดท้ายคำว่าเพจดาร์ค คิดว่าแค่ถ่อยแล้วเท่ห์ หยาบแล้วได้ไลก์เหรอ ทำอะไรแรงๆ เอาใจโซเชียลห้าวๆ เเล้วดังเหรอ เข้าใจอารมณ์ต้องหนีหัวซุกหัวซุน ต้องเสียสละตัวเอง ต้องเสี่ยงตีน เสี่ยงคุก เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง แถมเอาหมายศาลมาคล้องคอ เข้าใจอารมณ์นั้นไหม นี่อะไร ขายของกันรึ่มๆ แล้วเเต่นะสำหรับเพจอื่น ที่ไม่ได้เอาชื่อเดอะดาร์คไนท์ไป เพราะไม่นับ หากจะมีแนวทางเฉพาะตัว ถ้าไม่มาแจงเรื่องเงินบริจาคเขา ตนจะขุดละนะ” เจ้าของเพจ “The Dark Knights X” กล่าว



เขากล่าวอธิบายว่า เรื่องเกิดขึ้นเมื่อปลายปี 2559 ได้สร้างเพจขึ้นมา เริ่มจากเป็นเพจข่าวก่อน มีการทำสงครามบ้างพร้อมกับเพจสายดาร์คอื่นๆ แตกหน่อมาหลังจากเพจ Red Skull (โหลกแดง) ปิดตัว ช่วงแรกก็ทำสงครามและดรามา ได้ยอดไลค์ดี ประกอบกับอ้างชื่อ TDK ซึ่งเป็นสังกัดเดิมจนคนเข้าใจว่าเป็นตัวจริง ทำอยู่สักพัก พอยอดไลค์เยอะขึ้น เริ่มทำตัวเป็นเพจจิตอาสา ซึ่งตนก็ไม่ได้ว่าอะไร เป็นเรื่องดี รวมถึงเพจอื่นๆ ด้วย ต่อมามีการจัดตั้งโครงการ Street Hero Project วัตถุประสงค์คือการแบ่งรายได้ รวมเงินบริจาคต่างๆ เป็นโครงการจิตอาสา ด้วยความที่ว่าเป็นกระแส เจ้าของเพจดังกล่าวก็สร้างผลิตภัณฑ์ออกมาขาย โดยบอกว่า เพื่อการกุศลช่วยเหลือโครงการที่เป็นจิตอาสา

ที่พลาดตอนหลัง คือ อยู่ๆ เอาโครงการไปอ้างว่าขายของนำเงินช่วยโครงการ โดยโครงการไม่รู้เห็นว่าเรื่องอะไร สุดท้ายผู้สื่อข่าวสำนักหนึ่งออกมาตีแผ่ ตัวเองก็ดิ้น ยิ่งดิ้นยิ่งตาย เพราะถ้าเจตนาไม่ดีอยู่เเล้วยังไงก็ไม่รอด ถึงกับสร้างข่าวล่าหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าว ตามเพื่อนเพจดาร์กพากันไปทำสงคราม เพื่อหาแพะรับบาป สุดท้ายตัวเองทนไม่ไหวเอง เเพ้ภัยตัวเอง ต้องหนีปิดเพจ เพราะยิ่งขุดก็ยิ่งเจอ ขายของกันเป็นล่ำเป็นสัน แถมเอาคำว่า TDK ไปแอบอ้าง ทั้งที่ไม่รู้จักกันเลย เมื่อรู้ว่ามีคนเอาชื่อไปหากินเรื่องเงินทอง ออกมาหากิน เป็นล่ำเป็นสั่น จนเป็นการตลาด นิยามมันผิดเพี้ยนไปหมดเเล้ว

“ไล่วอร์ (ทำสงคราม) เขา ลุแก่อำนาจ ด้วยอุดมการณ์ ความยุติธรรม สุดท้ายทำซะเอง เพราะไม่ได้มีเจตนาตั้งใจจะช่วยสังคมห่วยๆ นี้หรอก เเต่เจตนาเข้ามาหากิน สร้างชื่อจากตัวละคร สุดท้ายก็แค่คอนเทนท์ตลาดๆ รูปแบบหนึ่งก็แค่นั้น เดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็ทำ บอกให้ว่า ถ้าไม่ออกมายอมรับ แจงรายละเอียด จะถูกเพจหนึ่งขุดจริงๆ แน่ ในสงครามโซเชียลกลายเป็นทำดีแล้วขายของ หวดดราม่า ตามวอร์คนไม่ถูกใจ แทกเรียกทนายเกิดผล (แก้วเกิด ทนายความชื่อดัง) เฮโลกันตามประสา วนลูปเดิมๆ กลายเป็นว่าหลายปีมานี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย แย่กว่าเดิมอีก เดาว่าตอนนี้ไม่มีอะไร นอกจากเร่งขายของในสต็อกให้หมด พร้อมหอบเงินหนี กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ” เจ้าของเพจ “The Dark Knights X” กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น