ประชาชนจากทั่วสารทิศเดินทางมาร่วมกราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างต่อเนื่อง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
วันนี้ (29 มิ.ย.) สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระราชานุญาต ให้เครือข่ายองค์กรวิชาชีพสื่อ ประกอบด้วย สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย, สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ, สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย, สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์, สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย, สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์, สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย, สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ, สมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย, เครือข่ายบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นภาคเหนือ, เครือบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นภาคใต้, เครือข่ายบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นภาคอีสาน, เครือข่ายบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ภาคกลาง - ตะวันออก, สมาคมช่างภาพสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย, สมาคมผู้ประกอบวิชาชีพวิทยุท้องถิ่นไทย, สมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (ประเทศไทย), สมาคมผู้สื่อข่าวบันเทิงแห่งประเทศไทย, สมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย, สมาคมผู้สื่อข่าวไทย - จีน, ชมรมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์อาวุโส, ชมรมนักข่าวสิ่งแวดล้อม, ชมรมนักข่าวสายเทคโนโลยี, ชมรมเพื่อเพื่อนช่างภาพสื่อมวลชน ร่วมเป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรม ถวายพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 239 ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง
ด้าน นายปราเมศ เหล็กเพ็ชร์ นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวภายหลังร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายพระบรมศพ ว่า พวกเราในฐานะตัวแทนสื่อมวลชนไทย ต่างรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่มีต่อวงการสื่อมวลชนอย่างใหญ่หลวง โดยเฉพาะการที่พระองค์ท่านไม่ทรงลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพื่อเพิ่มโทษหมิ่นประมาท ด้วยโฆษณา หรือเพิ่มค่าเสียหายให้สูงกว่าเดิม ตามที่รัฐบาลสมัยนั้นเสนอในปี 2535 ซึ่งสื่อมวลชนทุกแขนง หากกระทำละเมิด จะต้องชดใช้ให้ผู้เสียหายในคดีหมิ่นประมาท อย่างต่ำ 4 ล้านบาท เมื่อไม่ทรงลงพระปรมาภิไธย สภาและรัฐบาลขณะนั้นก็ไม่กล้ายืนยันใช้กฎหมายฉบับนี้ ทั้งนี้ หากประกาศใช้กฏหมายฉบับนั้น จะกลายเป็นอุปสรรค ขัดขวางการทำงานของสื่อ จะทำให้ไม่กล้าไปตรวจสอบใคร เนื่องจากหากพลาดพลั้งไป ต้องโดนโทษทั้งอาญาและแพ่งอย่างหนัก เพราะการทำหน้าที่ตรวจสอบของสื่อ คือประโยชน์ของประชาชน นอกจากนี้ ตลอดระยะการทรงครองราชย์ 70 ปี พระองค์มีพระราชประสงค์ให้ประชาชน อยู่ดีมีสุข และอยู่ได้อย่างยั่งยืนโดยถ้วนหน้า จึงทรงงานอย่างหนัก พวกเราทุกคนต่างน้อมนำพระบรมราโชวาทที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีต่อสื่อมวลชนไทย ให้เสนอข่าวอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีความเท็จ เป็นหลักจริยธรรมในการเป็นสื่อมวชนที่ดี และจะร่วมกันสืบสานพระราชปณิธาน ด้วยการทำให้คนไทยด้วยกันเข้าใจประเทศไทย ร่วมกันพัฒนาชุมชนสังคมและประเทศชาติต่อไปให้ยั่งยืน
ด้าน น.ส.กานดา ร่วมเกตุ อายุ 27 ปี และ น.ส.จิตรลดา รุ่นเรือง อายุ 25 ปี ชาวนครราชสีมา ที่มาอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ร่วมกันกล่าวภายหลังจากได้เข้ากราบพระบรมศพ ว่า พักอยู่ย่านบางแค ออกเดินทางแต่เช้าตรู่เพื่อมาเข้าแถวรอเวลา 07.00 น. ในหลวงรัชกาล ๙ ทรงเปรียบเสมือนพ่อคนหนึ่ง การได้มาน้อมรำลึกถึงพระองค์ในวันนี้เทียบไม่ได้กับที่ท่านทรงงานอย่างหนักมาตลอดพระชนม์ชีพ เสด็จพระราชดำเนินไปทุกที่ที่ยากลำบาก เพื่อพัฒนาพื้นที่และคุณภาพชีวิตราษฎร การที่ได้มาครั้งแรกตื่นเต้นแล้วมาครั้งที่ 2 ก็ยังตื่นเต้นและตื้นตันใจ เพราะตั้งแต่เกิดไม่เคยมีโอกาสได้รับเสด็จฯ ใกล้ๆ เลย มีแต่ไปรอริมทางโบกธงขณะที่ขบวนเสด็จฯแล่นผ่าน แต่แค่นี้ก็ปลื้มใจมากแล้ว “บรรยากาศการเข้ากราบสักการะพระบรมศพดูอบอุ่น ได้เจอผู้คนมากมายที่มาจากทั่วสารทิศแต่มีใจหนึ่งเดียวคือมาหาพ่อ ทำให้รู้ว่าคนไทยรักพระองค์แค่ไหน ที่โคราชมีโครงการพระราชดำริหลายอย่าง แต่ที่ประทับใจคือโครงการแก้มลิงบึงตาหลั่ว ในอำเภอเมือง ช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วม ใช้น้ำทำการเกษตรได้ในหน้าแล้ง นอกจากนี้ยังปรับปรุงพื้นที่รอบๆ เป็นสวนสาธารณะ และที่ออกกำลังกาย เป็นประโยชน์หลายด้าน ตอนนี้พวกเราสอบข้าราชการครูไว้ รอเรียกบรรจุตามลำดับอยู่ก็จดจำพระราชดำรัสของพระองค์เกี่ยวกับครูได้ดีว่า...เป็นครูใช่ไหม ฝากเด็กๆ ด้วย สอนให้เขาเป็นคนดี...ถ้าได้เรียกบรรจุอยากดำเนินตามคำสอนของท่าน หลายๆ อย่างที่พระองค์ทรงทำสะท้อนว่าทรงเป็นคนที่อยู่บนที่สูงแต่ก็ลงมาบนดินทรงคลุกคลีกับชาวบ้านอย่างไม่ถือพระองค์ ทำให้รู้ว่าพระองค์ทรงรักประชาชนมาก” น.ส.กานดา กล่าวด้วยความซาบซึ้ง