xs
xsm
sm
md
lg

แก๊งคอลเซ็นเตอร์! หลอกเป็น “ไปรษณีย์ไทย กด 9” ระบาด เหยื่อรายล่าสุดสูญเป็นแสน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


พบผู้เสียหายถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แอบอ้างเป็นไปรษณีย์ไทย มีพัสดุตกค้าง หลอกถามชื่อและเลขที่บัตรประชาชน ก่อนโอนสายแอบอ้างเป็นตำรวจ ยกแบงก์ชาติระบุสงสัยพัวพันยาเสพติด ให้ไปที่ตู้เอทีเอ็ม ทำธุรกรรมแล้วฉีกสลิปตามคำแนะนำ เมื่อรู้ตัวว่าถูกหลอกก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะหลักฐานถูกทำลายไปแล้ว

จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ มีกลุ่มมิจฉาชีพโทรศัพท์เข้ามาที่มือถือของลูกค้า โดยจะมีเสียงว่า “ท่านมีพัสดุที่ยังไม่ได้รับจากไปรษณีย์ไทย กรุณากด 9 เพื่อสอบถามรายละเอียด” เมื่อผู้ตกเป็นเหยื่อกดก็จะบอกว่า เป็นการแจ้งเตือนแบบใหม่ ถ้าต้องการทราบรายละเอียดพัสดุ กรุณาแจ้งชื่อ ที่อยู่ หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งก่อนหน้านี้ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (มหาชน) ได้ออกมาเตือนครั้งหนึ่ง ยืนยันว่าไม่มีบริการในรูปแบบนี้ และแนะนำว่าให้ทำการวางสายทันที

ล่าสุด เกิดขึ้นกับผู้ใช้เฟซบุ๊ก Supachok Thongprasit เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ระบุว่า มีสายแปลกโทรเข้ามา ปลายสายเป็นเสียงคอลเซ็นเตอร์ อ้างว่ามาจากไปรษณีย์ไทย ระบุว่า “คุณศุภโชค มีพัสดุตกข้างไม่ถึงมืออยู่กล่องหนึ่ง ต้องการทราบรายละเอียด กด 9” เมื่อกดแล้วได้โอนสายไปยังหญิงรายหนึ่ง ระบุว่า มีพัสดุที่เราเป็นคนส่ง ค้างอยู่ที่ไปรษณีย์ไทยหลักสี่ ส่งถึง นางวิไล จันทวงศ์ แต่ที่อยู่จังหวัดทางใต้ เพื่อความปลอดภัยในรายละเอียดและเป็นกฎให้แสดงตัวโดยบอกชื่อกับเลขที่บัตรประชาชน

อย่างไรก็ตาม ผู้เสียหายระบุว่า ตนไม่เคยส่งพัสดุดังกล่าว แต่ได้บอกชื่อและหมายเลขบัตรประชาชน จากนั้นปลายสาย อ้างว่า ในพัสดุนั้น เป็นบัญชีเงินฝากจำนวนหนึ่ง และ เงินอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นการผิดพระราชบัญญัติไปรษณีย์ และปลายสายอ้างว่า จะโอนสายไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นปลายสายก็เป็นเสียงของชายรายหนึ่ง อ้างว่า เป็นตำรวจยศร้อยตำรวจเอก ประจำอยู่ที่ตำรวจภูธรภาค 6 ซึ่งระหว่างนั้นได้ค้นหาชื่อในกูเกิลก็พบว่ามีชื่ออยู่จริง จึงคิดว่าเป็นเรื่องจริง

ปลายสายชายที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจ ระบุว่า นางวิไล จันทวงศ์ ที่ไม่มารับเพราะถูกจับข้อหามีส่วนพัวพันกับการฟอกเงินขบวนการค้ายาเสพติด และในบัญชีจำนวนดังกล่าวที่อยู่ในพัสดุมีบัญชีนึงตรงกับชื่อของตน จึงอยากขอตรวจสอบทรัพย์สิน แม้เริ่มแปลกใจว่าจังหวัดที่ส่งไปรษณีย์ และตำรวจที่รับเรื่องมันคนละที่กันหมด แต่ก็ตอบไปว่าไม่อนุญาต ปลายสายจึงได้ทำการหว่านล้อมเล่าถึงวิธิการต่างๆ ในชั้นสืบสวน และท้าให้จดหมายเลขโทรศัพท์ โทรศัพท์ไปที่หมายเลข 1133 ถามหาหมายเลขโทรศัพท์ตำรวจภูธรภาค 6 เพื่อตรวจสอบว่าเบอร์ที่ให้จดไปตรงกันหรือไม่ ซึ่งเป็นอุบายของมิจฉาชีพอย่างหนึ่ง ก่อนวางสายไป

เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ ตรวจสอบไปที่หมายเลข 1133 แล้วพบว่าตรงกัน สายแปลกโทรเข้ามาอีกครั้ง ชายที่อ้างว่าเป็นนายตำรวจก็อ้างว่า การตรวจสอบนี้ต้องให้แบงก์ชาติ (ธนาคารแห่งประเทศไทย) ระงับบัญชีทั่งหมดที่มี แล้วทำการตรวจสอบ ซึ่งจะกินเวลานานมาก ไม่สามารถทำธุรกรรมใดๆ ได้เลย แล้วแนะนำให้ผู้เสียหายถอนเงินแล้วใส่ตู้โอนเงินเพื่อตรวจสอบ โดยอ้างว่าจะคุยกับแบงก์ชาติให้ตัดสัญญาณแล้วเปลี่ยนสัญญาณตู้นั้นเป็นระบบส่งเข้า เพื่อแยกทรัพย์สินเราไว้ตรวจสอบ

จากนั้น ปลายสายได้แนะนำให้ผู้เสียหายดังกล่าวทำธุรกรรม มีทั้งการโอนแบบถอนแล้วมาใส่ตู้โอน รวมถึงเสียบบัตรแล้วกดโอน รวมทั้งสิ้นกว่า 1 แสนบาท จากนั้นปลายสายยังอ้างว่า พูดถึงชั้นสอบสวน และเล่าถึงการโกง โดยการนำสลิปที่มีอยู่ไปใช้โกง จึงสั่งให้ฉีกสลิปเอทีเอ็มทั้งหมด ซึ่งผู้เสียหายก็ฉีกจนละเอียด แล้วทิ้งถังขยะ ปลายสายจึงพูดย้ำว่า จะทำการตรวจสอบบัญชีแล้วจะโทรกลับไป ระหว่างนี้ห้ามทำธุรกรรมใดๆ ทั้งสิ้น แล้ววางสายไป

เมื่อตนรู้ตัวว่าถูกมิจฉาชีพหลอกลวง จึงไปที่ธนาคาร จากการคุยกับทั้งธนาคารที่โอน และธนาคารปลายทางได้ความว่า ไม่มีอำนาจยกเลิกธุรกรรมในลักษณะนี้ได้ เพราะไม่ใช่การโอนผิดบัญชี ซึ่งหากเป็นการโอนผิดบัญชีต้องมีบัญชีอ้างอิง และเลขบัญชีต้องผิดเพียง 1-2 ตัว ทางธนาคารจะช่วยติดต่อทางบัญชีที่ผิดเพื่อขอให้โอนเงินคืนให้ แต่นี้ไม่ใช่ ทำได้เพียงแจ้งความ และเมื่อแจ้งความกับตำรวจ ก็ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียหายหลายราย บางรายเสียหายไป 7-8 แสนบาท ระหว่างลงบันทึกประจำวัน ตำรวจก็ถามถึงเลขบัญชีปลายทาง ก็บอกฉีกแล้วทิ้งไป แล้วไปโกยกลับมาแล้วแต่ต่อกลับไม่ได้ และเมื่อตรวจสอบแอปพลิเคชันจึงพบว่า ไม่มีรายการโอน แต่เป็นรายการถอน จึงทำได้แค่บันทึกแจ้งความเท่านั้น


กำลังโหลดความคิดเห็น