ประชาชนจากทั่วสารทิศเดินทางมาร่วมกราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างต่อเนื่อง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
วันนี้ (19 มิ.ย.) บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 229 ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ อย่างต่อเนื่อง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
นางสาวชัญนัน จันทร์สุข อายุ 46 ปี ชาวกรุงเทพฯ อาชีพพนักบัญชี กล่าวว่า มากราบสักการะพระบรมศพมากกว่าหนึ่งครั้งแล้ว และทุกครั้งที่ได้กราบพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศนั้นล้วนเต็มไปด้วยความปลาบปลื้มใจ และน้ำตาก็ไหลทุกครั้ง ที่ผ่านมาในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อปวงชนชาวไทยเป็นล้นพ้น ทรงทุ่มเทพระวรกายอย่างหนักเพื่อทำให้ประชาชนของพระองค์อยู่ดีกินดี ทุกแห่งหนที่พระองค์เสด็จฯ ไป พื้นที่เหล่านั้นล้วนทีความเจริญตามมาทุกครั้ง และพระองค์ก็ทรงดำรงพระองค์เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ปวงชนชาวไทย ทุกคำสอนที่ทรงวางแนวทางไว้ล้วนนำมาใช้ได้เป็นอย่างดีในชีวิตประจำวัน
“ทุกวันนี้เราได้นำคำสอนเรื่องความซื่อสัตย์มาเป็นหลักในการดำเนินชีวิตประจำวันและการทำงาน โดยเฉพาะเรื่องงานเพราะงานที่ทำเป็นงานด้านตัวเลขอย่างงานบัญชี นอกจากเราจะต้องอาศัยความรอบคอบในการทำงานแล้ว อีกสิ่งที่ต้องใช้เป็นหลักยึดในใจ คือ ความซื่อสัตย์ เราต้องมีความซื่อสัตย์ทั้งต่อตัวเองและลูกค้า ต้องไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัว เราต้องเป็นคนคิดดีและทำดี เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สังคมไทยน่าอยู่ เพียงเท่านี้ก็เป็นการทำความดีถวายในหลวง รัชกาลที่ ๙ ได้แล้ว” นางสาวชัญนัน กล่าว
ด้าน นางสาวกรรณิกา ศิริแสน อายุ 37 ปี พยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน กทม. กล่าวภายหลังเดินทางเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ ๙ ว่า วันนี้พาแม่กับหลานสาวซึ่งเดินทางมาจาก จ.บุรีรัมย์ เข้ากราบด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงเป็นทุกอย่าง ทั้งเรื่องความเสียสละ วิริยะ อดทน ท่านทรงเป็นแบบอย่างทั้งทางโลกและทางธรรมให้กับพสกนิกรชาวไทยอย่างแท้จริง พระองค์ทรงทำทุกอย่างเพื่อทุกคน และที่ตั้งใจมาในวันที่ 19 มิ.ย. นี้เพราะตรงกับวันเกิดพ่อของตนเอง จึงถือโอกาสนี้มากราบพระองค์ท่านด้วย เพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ
“หนูก็ยึดพระองค์ท่านเป็นแบบอย่างในการทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงาน ทั้งความเสียสละอดทน และการให้ หนูเคยไปเที่ยวในช่วงฤดูหนาวที่ ทีลอซู จ.ตาก เห็นนักเรียนยากจนไม่มีเสื้อกันหนาวใส่ จึงถอดหมวกและผ้าพันคอให้เด็ก และให้เงินจำนวนหนึ่งแก่ครู และคิดมาตลอดว่าสักวันจะกลับมาโรงเรียนนี้อีกครั้ง หลังจากนั้น ก็ร่วมกับเพื่อนพยาบาล จัดโครงการแฮปปี้ฟอร์กิ๊ฟ เพื่อช่วยเหลือเด็กนักเรียนยากจน ด้วยการทำเสื้อยืดจำหน่ายได้เงิน 8 หมื่น นำเงินไปซื้ออุปกรณ์การเรียน และที่เหลือจัดเป็นทุนการศึกษา 30 ทุนๆ ละ 1,000 และ 500 บาท โดยนำไปมอบให้กับ ผอ.โรงเรียนบ้านห้วยหินฝน อ.แม่สอด จ.ตาก เมื่อ ธ.ค. 59 ที่ผ่านมา ส่วนปีนี้กำลังเตรียมโครงการช่วยเหลือเด็กที่ขาดอุปกรณ์และขาดทุนทรัพย์ทางการศึกษาในภาคเหนือ ที่หนูอยากทำโครงการนี้เพื่อตามรอยพ่อและเพื่อพระองค์ท่าน เพราะท่านไปทุกที่แม้ในถิ่นทุรกันดาร” พยาบาลสาว กล่าว
