สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ปรับปรุงแนวปฏิบัติ 3 เรื่อง ให้ทันสถานการณ์ พร้อมประกาศใช้ ประกอบด้วย แนวปฏิบัติเรื่องการเสนอข่าวและภาพข่าวเกี่ยวกับชาติพันธุ์-ศาสนา-สถานะทางเพศ การเสนอข่าวและภาพข่าวเกี่ยวกับผู้หญิงและเด็กที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ และการเสนอข่าวและภาพข่าวเกี่ยวกับผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์
การประชุมคณะกรรมการสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ เมื่อวันที่ 16 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้มีมติรับรองแนวปฏิบัติ 3 เรื่อง คือ แนวปฏิบัติเรื่องการเสนอข่าวและภาพข่าวเกี่ยวกับชาติพันธุ์ ศาสนา และสถานะทางเพศ เรื่องการเสนอข่าว เนื้อหาข่าว การแสดงความคิดเห็น และภาพข่าว ผู้หญิงและเด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศ และเรื่องการเสนอข่าวและภาพข่าวเกี่ยวกับผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ซึ่งแนวปฏิบัติทั้ง 3 เรื่องดังกล่าว เป็นแนวปฏิบัติเดิมที่ประกาศใช้มาเป็นเวลานาน แต่เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ปัจจุบัน สภาการหนังสือพิมพ์ฯ จึงหยิบยกขึ้นปรับปรุงใหม่
นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ กล่าวว่า เดิมสภาการหนังสือพิมพ์ฯ มีแนวปฏิบัติ 3 เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ขณะนี้บางเรื่องก็ไม่ครอบคลุมสถานการณ์ในปัจจุบัน จึงมอบหมายให้คณะกรรมการจริยธรรมแก้ไขใหม่ รวมทั้งมีการรับฟังความคิดเห็นทั้งจากนักวิชาการ ภาคประชาชน และสื่อมวลชนจนแล้วเสร็จ
ประเด็นหลักที่มีการแก้ไขในแนวปฏิบัติเรื่องการเสนอข่าวและภาพข่าวเกี่ยวกับชาติพันธุ์ ศาสนา และสถานะทางเพศ คือ การขยายคำจำกัดความ คำว่า “ชาติพันธุ์” ให้ครอบคุลุมไปถึงกลุ่มคนที่มีวัฒนธรรมร่วมกัน มีขนบธรรมเนียม ประเพณี และภาษาพูดเดียวกัน มีลักษณะทางเผ่าพันธุ์ที่สืบเชื้อชาติหรือชนเผ่าเดียวกัน นอกจากนี้ ยังเพิ่มคำจำกัดความเรื่อง “สถานะทางเพศ” ซึ่งหมายถึง เพศหญิง เพศชาย หรือผู้มีอัตลักษณ์แตกต่างจากอวัยวะเพศโดยกำเนิด ที่แนวปฏิบัติฉบับเดิมไม่ได้กำหนดไว้
ส่วนแนวปฏิบัติเรื่องการเสนอข่าว เนื้อหาข่าว การแสดงความคิดเห็น และภาพข่าว ผู้หญิงและเด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศ ได้ปรับเน้นประเด็นหนังสือพิมพ์ต้องไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ชื่อ ชื่อสกุล ตำบลที่อยู่ สถานศึกษา หรือที่ทำงาน ของผู้หญิงและเด็กที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่ากรณีใดๆ เว้นแต่กรณีที่ผู้หญิงและเด็กที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต จะสามารถเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวได้เพื่อประโยชน์ต่อสาธารณะเท่านั้น เช่น การเปิดเผยชื่อ หรือภาพขณะยังมีชีวิต เพื่อติดตามหาญาติ
ขณะที่แนวปฏิบัติเรื่องการเสนอข่าวและภาพข่าวเกี่ยวกับผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ได้ปรับแก้โดยเน้นในเรื่องการอยู่ร่วมกันในสังคมระหว่างผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ กับคนปกติ และทำความเข้าใจว่าประชาชนทุกคนสามารถตรวจหาการติดเชื้อและเข้ารับการรักษาการติดเชื้อเอชไอวีได้ตามระบบหลักประกันสุขภาพทุกระบบโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
นายชวรงค์ กล่าวว่า คณะกรรมการจริยธรรมยังอยู่ระหว่างการปรับปรุงแก้ไขแนวปฏิบัติเรื่องอื่นๆ ที่ใช้มานานแล้วอีกหลายฉบับ อาทิ แนวปฏิบัติเรื่องการปฏิบัติตนของผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ และแนวปฏิบัติเรื่องการเสนอข่าวกีฬา ฯลฯ เมื่อแล้วเสร็จจะประกาศให้ประชาชนทราบต่อไป