พสกนิกรจากทั่วสารทิศเดินทางมาร่วมกราบถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างเนืองแน่น ทุกคนยังอยู่ในความโศกเศร้า ต่อการสวรรคตของในหลวงผู้เป็นที่รักและเคารพยิ่งในชีวิต
วันนี้ (26 ธ.ค.) บรรยากาศการเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท นั้น เจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี ในเวลา 04.50 น. ก่อนเปลี่ยนเข้าทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน เวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทางประตูวิเศษไชยศรี
ทั้งนี้ พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาด้วยไว้แนบอกตลอดเวลา ด้วยความเศร้าอาดูร ต่อการสวรรคตของในหลวง รัชกาลที่ 9 ผู้เป็นที่รักและเคารพยิ่งในชีวิต
น.ส.วิภาวดี โสสุทธิ์ อายุ 36 ปี อาชีพเสริมสวย พร้อมด้วย นางวาริน พรหมรังษี อายุ 35 ปี และ น.ส.พรทิพย์ ฤกษ์ศรี อายุ 32 ปี โดยทั้ง 3 มีอาชีพเดียวกัน ร่วมกันกล่าวว่า ตนทั้ง 3 คน พึ่งเรียนเสริมสวยสำเร็จ และได้ทำงานร้านเสริมสวยที่เดียวกัน อยู่ที่เคหะเมืองใหม่บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังเลิกงานเมื่อคืนนี้ (25 ธ.ค.) แล้ว ก็เตรียมตัวกันมาเลย โดยวันนี้ขอหยุดงาน 1 วัน ตั้งใจเดินทางมากราบถวายบังคมพระบรมศพในหลวง ร.๙ สักครั้ง โดยมาถึงท้องสนามหลวงเวลา 03.00 น. เพื่อมารอเข้าคิวขึ้นกราบถวายบังคมพระบรมศพ
“พวกหนูตื่นเต้นมาก พึ่งมาเป็นครั้งแรก พอก้าวเข้าประตูพระบรมมหาราชวัง ได้ยินเสียงปี่พาทย์ เสียงกลองดัง ก็จุกแล้ว น้ำตาไหล คิดถึงพระองค์ ตื้นตันใจที่ได้มา และดีใจที่เห็นคนไทยมากราบพระองค์ท่านเยอะมาก ที่ผ่านมา ก็ได้น้อมนำคำสอนของพระองค์มาใช้ โดยเฉพาะหลักเศรษฐกิจพอเพียง ที่บ้านต่างจังหวัดของพวกหนูก็ปลูกผักเลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ไว้กินเอง ประทับใจพระองค์ท่านในเรื่องความประหยัด ในการใช้ยาสีฟัน ที่พระองค์ท่านทำเป็นแบบอย่าง ซึ่งพวกเราก็ได้นำมาปรับใช้ และภูมิใจที่ในหลวง ร.๙ ได้ทรงสร้างสิ่งต่างๆ ไว้หลายอย่าง และมีโครงการในพระราชดำริหลายอย่างขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือคนไทยได้ใช้ดำเนินชีวิตที่สุขสบาย บอกไม่ถูกว่ารักในหลวง ร.๙ แบบไหน รู้แต่ว่ารักพระองค์มาก รักแบบพ่อที่ประเสริฐที่สุดที่คอยดูแลลูกๆ ก็ขอให้พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย และอยากให้คนไทยรักกันและรู้หน้าที่ของตนเองเหมือนกับที่พระองค์ท่านยังอยู่” 3 สาวร่วมกันกล่าวด้วยน้ำตา
ด้าน ด.ช.ณัฐวุฒิ เหมือนวดี อายุ 12 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนวัดโพธิ์ทอง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เขต 1 จ.นครศรีธรรมราช กล่าวระหว่างนั่งรอเพื่อเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ ว่า ตนเดินทางมาพร้อมกับคุณครู 7 คน และเพื่อนๆ นักเรียนรวม 20 คน เดินทางมาตั้งแต่ตี 5 ของวันที่ 25 ธ.ค.และมาถึงท้องสนามหลวง ในเวลาตี 2 เพื่อเข้าคิวรอเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ
“รู้สึกดีใจมากที่ได้เดินทางมาวังของในหลวง ร.9 และได้เขียนเรียงความ เรื่อง การทำความดี เช่น การมีจิตอาสา การแบ่งปัน การมีความขยันอดทน และมีความพยายาม ทำอะไรต้องมีความอดทน ผมจะนำคำสอนของพระองค์มาปรับใช้ เช่น ความพอเพียง สิ่งไหนไม่ควรซื้อก็ไม่ต้องซื้อ ผมอยากให้มีในหลวงแบบนี้ตลอดไป ไม่อยากเสียในหลวงไป ส่วนโตขึ้นมาอยากเป็นทหารจะได้ปกป้องประเทศชาติ” ด.ช.ณัฐวุฒิ กล่าว
นางสุภาพร โยธี อายุ 42 ปี พร้อมสามี นายชันชา บุญโย อายุ 47 ปี อาชีพทำนา และลูกสาว ด.ญ.สุพิชญา โยธี อายุ 9 ปี ชาวเผ่าเยอ อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่า ได้รวมตัวเผ่าเยอกว่า 50 คน ด้วยใจที่อยากจะกราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ ที่ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงมีต่อพวกเราชาวเผ่าเยอ ดังหลักฐานทางภาพถ่ายและวิดีโอ ที่พระองค์ทรงเสด็จฯ ทอดกฐิน ที่วัดปราสาทเยอ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เป็นการส่วนพระองค์ เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2514 สร้างความร่มเย็นให้กับพวกเราชาวเผ่าเยอจนถึงทุกวันนี้ สำหรับวันนี้เป็นความตื้นตันที่ได้รับข้าวเปลือกพระราชทาน โดยจะนำไปบูชาและอีกส่วนหนึ่งนำไปหว่านในนาของตัวเองเพื่อความเป็นสิริมงคล
น.ส.เก็จวดี กลขุนทศ อายุ 20 ปี ชาวเผ่าเยอ กำลังศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เผยว่า ตนชื่นชมในหลวง ร.๙ ในเรื่องของความซื่อสัตย์ เมื่อครั้งที่พระองค์ทรงแข่งเรือใบ โดยพระองค์ทรงออกเรือก่อน เพราะทรงเข้าพระราชหฤทัยสัญญาณผิด และเมื่อรู้ว่าผิดจึงทรงกลับมาเริ่มต้นใหม่ ทำให้ตนประทับใจและยึดถือเรื่องความซื่อสัตย์ไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน