สื่อมวลชนและนักเขียนอิสระ เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี วอนส่งเสริมให้ประชาชนหันมาสนใจการอ่าน ทั้งการลดหย่อนภาษี ตั้งกองทุนนักเขียนและคนทำงานศิลปะ รวมทั้งให้ทุนก้อนแรกจัดพิมพ์หนังสือ หลังสิ่งพิมพ์พากันปิดตัว ผู้คนในแวดวงวรรณกรรมพากันตกงาน
เฟซบุ๊ก “สุมิตรา จันทร์เงา” สื่อมวลชนและนักเขียนอิสระ ได้โพสต์จดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุถึงความเดือดร้อนในการปิดตัวของนิตยสาร ที่ทำให้กระทบชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในแวดวงวรรณกรรม โดยเฉพาะนักเขียนนับร้อยชีวิตต้องตกงาน วอนส่งเสริมให้ประชาชนหันมาสนใจการอ่าน เสนอนำใบเสร็จจากการซื้อหนังสือลดหย่อนภาษีได้เหมือนช้อปช่วยชาติ เที่ยวช่วยชาติ อุดหนุนการพิมพ์หนังสือ รวมทั้งจัดตั้งกองทุนนักเขียนและคนทำงานศิลปะ และให้ทุนก้อนแรกจัดพิมพ์หนังสือเหมือนในหลายประเทศ และระบุว่า ในขณะนี้อนาคตทางด้านศิลปวัฒนธรรม ศิลปะวรรณกรรม ทัศนศิลป์อยู่ในความมืดมน
สำหรับจดหมายเปิดผนึกดังกล่าวระบุข้อความดังนี้
“กราบเรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
การจากลาของนิตยสารหนึ่งเล่ม ในเชิงธุรกิจอาจหมายถึงการหยุดเลือดไม่ให้ไหลเพื่อรักษาชีวิตเจ้าของธุรกิจเอาไว้ แต่ในเชิงวัฒนธรรมนี่คือ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างขนาดใหญ่ของโลกการอ่านการเขียนซึ่งรัฐบาลจะทำตัวเป็นไม่รู้ไม่เห็นแบบนี้ไม่ได้
นักเขียน บรรณาธิการ ผู้สร้างสรรค์ศิลปะวรรณกรรมทุกรูปแบบ คนออกแบบภาพประกอบ คนจัดหน้าหนังสือ พนักงานพิสูจน์อักษร งานพิมพ์ ช่างพิมพ์ล้วนได้รับผลกระทบในชีวิตความเป็นอยู่ถ้วนหน้า
นิตยสารตายไปหนึ่งเล่ม เจ้าของหนังสือยังอยู่ได้ แต่นักเขียนนับสิบนับร้อยชีวิตต้องหมดพื้นที่ทำมาหากิน สิ่งนี้คือโศกนาฏกรรมที่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายยังปิดตาข้างหนึ่งทำเป็นมองไม่เห็น
รัฐบาลอุดหนุนให้ชาวบ้าน Shopping ซื้อของกันเยอะแยะ ส่งเสริมให้คนออกเที่ยวไปใช้จ่ายตามโรงแรมรีสอร์ตเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวแล้วเอาใบเสร็จไปลดหย่อนภาษีได้ บอกว่านี่คือการช่วยประเทศชาติ แต่รัฐบาลไม่เคยสนใจเรื่องการอ่านเลย
ชาตินี้จะได้ยินไหมว่าถ้าใครเอาใบเสร็จซื้อหนังสือรวมกันเยอะๆ สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ หรือจะได้ยินไหมว่ารัฐบาลอุดหนุนการพิมพ์หนังสือด้วยวิธีการต่างๆ
จะมีโอกาสได้ยินไหมว่ารัฐบาลอุดหนุนผู้สร้างสรรค์ศิลปะวรรณกรรมด้วยงบประมาณก้อนใหญ่ให้เป็นกองทุนนักเขียนและคนทำงานศิลปะซึ่งส่วนใหญ่กำลังจะอดตาย
จะฝันมากเกินไปไหมสำหรับยุคสมัยแห่งความรุ่งโรจน์ที่เราเฝ้ารอว่ากำลังจะมาถึงนั้น กระทรวงศึกษาธิการ และ กระทรวงวัฒนธรรม จะใส่ใจเรื่องส่งเสริมการเขียนการอ่านและการเรียนรู้ในกิจกรรมที่เป็นประโยชน์มากกว่าการจัดอีเวนต์แบบโง่เขลาใช้เงินเป็นล้านๆ บาท มาละลายทิ้งข้างถนน
จะเป็นไปได้ไหมว่าสำหรับนักเขียนหน้าใหม่ทุกคนที่มีผลงานสร้างสรรค์ควรได้รับการเผยแพร่ โดยรัฐบาลจะมีทุนก้อนแรกจัดพิมพ์หนังสือให้พวกเขาเหมือนที่ทำกันอยู่ในหลายประเทศ
คงต้องยอมรับว่าเรากำลังอยู่กับการใช้อำนาจจัดระเบียบสังคม แต่เราทำมันได้แค่ปัดกวาดความสกปรกบนถนนและริมทางเท้า เรามิได้สนใจเติมปุ๋ยบำรุงรากเหง้าศิลปะ วัฒนธรรม ของประเทศชาติเลย
เราแค่กวาดขยะจากถนนลงไปในท่อระบายน้ำ แล้วปล่อยให้น้ำท่วมเมืองเวลาฝนตก ก่นด่าเมื่อน้ำท่วมขัง พอผ่านฤดูฝนคนก็ลืมเรื่องน้ำท่วมสิ้น
เป็นแบบนี้ซ้ำซากมาทุกปีและมันคงจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป
อนาคตทางด้านศิลปวัฒนธรรม ศิลปะวรรณกรรม ทัศนศิลป์ ช่างมืดมนเสียจริง ความหวังเดียวที่ยังเหลืออยู่เป็นแสงริบหรี่ก็คือความช่วยเหลือจากรัฐบาลนี้
กราบเรียนมาด้วยความเคารพรักในฐานะคนเขียนหนังสือคนหนึ่ง
นางสาวสุมิตรา จันทร์เงา
วันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๙”