พสกนิกรชาวไทยหลังทราบข่าวการขึ้นทรงราชย์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ต่างมาจับจองพื้นที่บริเวณหน้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อเฝ้าฯรับเสด็จฯ ในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัญญาสมวาร ถวายพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ ๙
วันนี้ (2 ธ.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากที่พสกนิกรชาวไทยทราบข่าวการขึ้นทรงราชย์ ของ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เมื่อคืนวานนี้ มีพสกนิกรจำนวนหนึ่งต่างมาจับจองพื้นที่บริเวณถนนหน้าพระลาน ฝั่งตรงข้ามประตูวิเศษไชยศรี หน้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อเฝ้าฯรับเสด็จฯพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑๐ และพระบรมวงศานุวงศ์ ที่เสด็จฯมาในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัญญาสมวารถวายพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
ด้าน นายสุนันท์ สุรีวรพิทักษ์ วัย 65 ปี ชาวจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า ภายหลังทราบข่าวว่า ประเทศไทยได้มีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เป็นรัชกาลที่ ๑๐ ตนรู้สึกปลาบปลื้มใจมาก เนื่องจากพระองค์เปรียบเสมือนเป็นเสาหลัก และเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจของตน ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ตนยังคงรู้สึกโศกเศร้าที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จสวรรคต แต่ก็ได้เข้าไปร่วมถวายสักการะพระบรมศพถึง 4 ครั้ง เมื่อได้เห็นพระบรมโกศทุกครั้งก็รู้สึกประทับใจมาก เพราะงดงามอย่างสมพระเกียรติ
“ผมเดินทางเพื่อมารับเสด็จฯในทุกวัน วันไหนมีเวลาว่างก็จะใช้โอกาสนี้มารับเสด็จฯ ซึ่งในครั้งนี้อาจพิเศษกว่าทุกครั้ง เพราะเรามีรัชกาลที่ ๑๐ แล้ว และอยากขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ประเทศไทยไปนานแสนนาน” นายสุนันท์ กล่าวอย่างซาบซึ้ง พร้อมเบ่งเสียงทรงพระเจริญ
ด้าน นางสาวบุษกร กลิ่นน้อย อายุ 49 ปี ชาวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เดินทางมาพร้อมเพื่อนหญิง กล่าวว่า ตนและเพื่อนได้ร่วมกันรับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ตั้งแต่ประทับอยู่โรงพยาบาลศิริราชแล้ว เคยรับเสด็จฯพระองค์หลายครั้ง ทุกครั้งก็รู้สึกปลาบปลื้ม และเป็นพระมหากรุณาที่ได้เสด็จฯออกมาเยี่ยมประชาชน แต่หลังจากทราบข่าวสวรรคตแล้ว ตนรู้ใจสึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก เพราะจากที่รออยู่บริเวณนี้ทุกวัน ก็ไม่ได้นั่งรอรับเสด็จฯตรงนั้นอีกแล้ว ตนและเพื่อนจึงชักชวนกันมารอรับเสด็จฯเกือบทุกวันเป็นขาประจำ หรือไม่ก็หาโอกาสเข้าไปถวายสักการะพระบรมศพซึ่งก็เป็นจำนวน 9 ครั้งแล้ว เพื่อให้ได้อยู่ใกล้ชิด หรือเห็นพระบรมศานุวงศ์พระองค์ใดก็ได้ ก็รู้สึกซาบซึ้งใจที่สุดแล้ว
“ยิ่งได้ทราบข่าวเมื่อคืนว่า เราได้มีรัชกาลที่ ๑๐ แล้ว ตนยิ่งรู้สึกปลาบปลื้มใจ เพราะเหมือนเราขาดสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจไปชั่วขณะ แต่ครั้งนี้เหมือนคนไทยได้รับขวัญกำลังใจอีกครั้ง ทั้งนี้ อยากบอกว่าพวกเรารักในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ไม่แพ้กับในหลวง รัชกาล ๙” นางสาวบุษกร กล่าว
ด้าน นางเอมอร จรัสโชติ อายุ 61 ปี ชาว อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา เจ้าของธุรกิจโรงสีข้าว กล่าวว่า ดีใจที่ประเทศไทยมีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ ๑๐ แล้ว เพราะประเทศต้องมีพระมหากษัตริย์ คงอยู่กับประเทศไทยตลอดชั่วกาลนาน ปลาบปลื้มใจมากที่จะได้รับใช้พระองค์ ก็ขอเป็นข้ารองบาททุกรัชกาลทุกพระองค์ รักรัชกาลทุกพระองค์ เชื่อว่า ทั่วโลกก็จะดีใจกับคนไทยกว่า 70 ล้านคนด้วย
ขณะที่ นางวันเพ็ญ พรหมมา อายุ 44 ปี เขตหนองแขม กทม. กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นพระองค์ไหนก็จะรักและเทิดทูนทุกพระองค์ เพราะเราเป็นคนไทย เกิดในแผ่นดินไทย เราโชคดีที่ไม่ได้เป็นทาสใคร ก็จะขอทำความดีทดแทนสถาบันพระมหากษัตริย์
นางวันเพ็ญ กล่าวด้วยว่า ตนทราบว่า วันนี้สำนักพระราชวังปิดให้ประชาชนเข้ากราบสักการะพระบรมศพ ระหว่างวันที่ 1 - 2 ธ.ค. แต่ก็อยากเดินทางมาเพื่อรับเสด็จฯพระบรมวงศานุวงค์ ที่ผ่านมา ตนเข้าลงนามถวายความอาลัยแล้ว 3 ครั้ง และมาเข้าคิวกราบสักการะพระบรมศพบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท แล้ว 17 ครั้ง ตั้งเป้าว่าจะให้ได้ 19 ครั้ง แต่ถ้าเข้ากราบสักการะได้ 89 ครั้ง ก็ถือว่ากำไรชีวิต และทุกครั้งหลังที่มาก็จะไปร่วมเป็นจิตอาสาช่วยเหลือตามเต็นท์ต่างๆ เพื่อทำความดีถวายเป็นพระราชกุศลในหลวง รัชกาลที่ ๙ ด้วย
ส่วนบรรยากาศรอบพระบรมมหาราชวังกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ปรับภูมิทัศน์ด้วยการนำดอกไม้ประดับ ได้แก่ ดอกดาวเรืองสีเหลือง ดอกพุดพิชญาสีขาว และกระเช้าดอกกล้วยไม้สีขาว สลับกับสีฟ้าอย่างงดงามโดยรอบ
