MGR Online - ทบทวนความทรงจำเหตุการณ์สะเทือนขวัญฆ่าโหด 5 ศพ เจ้าของร้านอาหารไวท์เฮาส์และเพื่อน ที่ จ.สระบุรี ที่เชื่อมโยงไปถึงเหตุทำร้ายร่างกายนายทหารระดับนายพันของกองพันทหารม้าที่ 24 และผู้ใต้บังคับบัญชา จนได้รับบาดเจ็บสาหัสเมื่อปี 2552
จากกรณีที่เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2559 นายอิศราชนุวัฒน์ วรรคาวิสันต์ หรือ เจมส์บอนด์ อายุ 23 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยพายัพ ลูกชาย พล.ต.วิทยา วรรคาวิสันต์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 38 จังหวัดน่าน ถูกการ์ดร้านอาหารมาลินสกาย ถนนห้วยแก้ว ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ทำร้ายร่างกายระหว่างที่ดาราชื่อดังและกลุ่มเพื่อนเข้าไปสังสรรค์ จนเป็นข่าวครึกโครม โดยเด็กหนุ่มลูก ผบ.มทบ.38 ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยต้องนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลลานนาในตัวเมืองเชียงใหม่ ในสภาพตาข้างซ้ายปิด ดั้งจมูกหัก กรามร้าวผิดรูป ฟันโยก เยื่อหูฉีก
จากเรื่องดังกล่าวได้มีผู้ย้อนอดีตไปกล่าวถึงเหตุการณ์ในปี 2552 ในกรณีเหตุสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นกับเจ้าของร้านอาหารไวท์เฮาส์ และกลุ่มเพื่อนรวม 5 คน ซึ่งถูกสังหารโหดเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2552
“ชวลิต ทิพยเศวต อายุ 42 ปี ส.ท.เมืองสระบุรี วรพล ชาจิรัสย์ อายุ 50 ปี ปัญญา มหาแก้ว อายุ 45 ปี เสี่ยรับเหมาก่อสร้าง อารมณ์ อุดมสันต์ อายุ 27 ปี เจ้าของร้านอาหารไวท์เฮาส์ และ ส.ท.เมืองสระบุรี และ ปราโมทย์ สานิชวรรณกุล อายุ 43 ปี เสี่ยรถบรรทุก บริษัท อรพรรณขนส่ง จำกัด ถูกคนร้ายยิงด้วยปืนขนาด 9 มม. และ .38 ในระยะประชิดตามมุมต่างๆ ในบ้านเลขที่ 149 หมู่ 4 ต.แค อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี เมื่อกลางดึกวันที่ 2 ต่อเนื่อง 3 ตุลาคม 2552
“บ้านเกิดเหตุเป็นบ้านทรงไทย มีรั้วรอบขอบชิด มีสวนหย่อมปลูกต้นไม้ไว้ดูร่มรื่น มีบ้านอยู่ในอาณาบริเวณ 2 หลังใหญ่ หลังแรกเป็นบ้านชั้นเดียว หลังที่สองเป็นบ้านสองชั้น หลังบ้านปลูกต้นไม้ไว้อีกกว่า 10 ไร่ ก่อนเกิดเหตุทั้ง 5 คน ไปดื่มกินกันที่ร้านอาหารริมคลองชลในตัวเมือง ก่อนจะซื้อเหล้าและกับแกล้มมากินต่อที่บ้านตอนเที่ยงคืน พอตี 2 ชาวบ้านก็ได้ยินเสียงปืนดังติดต่อกันหลายนัด แต่ไม่คิดว่าจะมีเหตุร้าย เนื่องจากเจ้าของบ้านมักซ้อมยิงปืนเป็นประจำ จึงไม่มีใครสนใจ กระทั่งรุ่งเช้าจึงพบว่า ทั้ง 5 คน ได้กลายเป็นศพไปเสียแล้ว” เว็บไซต์หนังสือพิมพ์คมชัดลึก บันทึกเหตุการณ์ในเวลา
นอกจากนี้ ยังมีผู้บันทึกรายละเอียดความสยดสยองไว้ด้วยว่า “บ้านหลังนั้นเป็นบ้านคนมีฐานะ สร้างรั้วรอบขอบชิด ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 10 ไร่ ภายในปลูกบ้านไว้ 2 หลัง เป็นบ้านหลังใหญ่ภูมิฐานชั้นเดียว กับสองชั้น ที่ลานจอดรถหน้าบ้านหลังแรก พบรถเก๋งโตโยต้า อัลติส สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กก 1888 สระบุรี จอดอยู่หน้าทางเข้าประตูบ้าน ด้านท้ายรถพบศพ นายชวลิต หรือ “เชษฐ์” ทิพยเศวต อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30/1 ถนนเทศบาล 7 ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี สมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) เมืองสระบุรี เจ้าของร้านอาหารริมคลองชล ร้านชื่อดังใน จ.สระบุรี สภาพศพถูกยิงเข้าไหล่ซ้ายกระสุนฝังใน ไปตุงอยู่ข้างหลังด้านขวา ศพนั่งพิงผนังปูนสูง 2 ฟุต มีรอยหยดเลือดไปตามพื้นเข้าไปในบ้านชั้นเดียว ลักษณะเหมือนถูกยิงในบ้านและวิ่งหนีออกมา
“ศพแรกนอนตายอยู่ตรงลานจอดรถ - ส่วนที่บ้านชั้นเดียว ห้องนอนเล็กพบศพนายปราโมทย์ สานิชวรรณกุล อายุ 43 ปี เจ้าของบ้าน และเป็นเจ้าของกิจการรถบรรทุก บริษัท อรพรรณขนส่ง จำกัด นอนตายที่พื้นข้างเตียงนอน ถูกยิงเข้าท้ายทอย กระสุนฝังใน มีปืนขนาด 9 มม. อยู่ข้างๆ กระสุนถูกยิงไปแล้ว 3 นัด ยังมีคาอยู่อีก 3 นัด จากห้องนอนเล็กเป็นห้องนั่งเล่น พบศพ นายวรพล หรือ “เบิ้ม” ชาจิรัสย์ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 169 ซ.พระนคเรศ แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กทม. ถูกยิงเข้าคิ้วขวากระสุนทะลุกกหูขวา ข้างๆ ศพมีปืนลูกโม่ 1 กระบอก กระสุนถูกยิงออกไปจนหมดลูกโม่ วางทับบนปืนแม็กกาซีนขนาด 11 มม. ที่ยังไม่ได้ยิง ซึ่งในห้องนี้บนโต๊ะอาหารมีขวดเหล้า จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ เรดเลเบิ้ล กินหมดไปครึ่งขวด และแก้วเปล่า 1 ใบ
“จากห้องนั่งเล่นถัดไป เป็นห้องนอนใหญ่ ที่พื้นห้องใกล้เตียงนอนพบศพ นายปัญญา หรือ “แขก” มหาแก้ว อายุ 40 ปี เสี่ยรับเหมา ถูกยิงเข้าขมับซ้าย กระสุนทะลุท้ายทอย ที่จมูกซ้ายมีรูกระสุนอีก 1 นัด กระสุนฝังใน ถัดไปเป็นเตียงนอน พบศพ นายอารมณ์ อุดมศักดิ์ สมาชิกสภาเทศบาลเมืองสระบุรี และเจ้าของร้านอาหารไวท์เฮาส์ ในเมืองสระบุรี ถูกยิงเข้าที่หน้าอกซ้าย ตัดขั้วหัวใจ กระสุนทะลุหลัง และที่ขมับขวาอีก 1 นัด นอนตายเป็นศพสุดท้ายอยู่ใกล้ๆ กัน
“ตรวจค้นในบ้านไม่มีร่องรอยการต่อสู้แต่อย่างใด ที่ห้องครัวมีขวดเหล้าเรดเลเบิ้ล ยังไม่ได้แกะกล่อง 1 ขวด ไก่ย่าง 1 ตัว แกะกระดาษฟอยล์ออกแล้ว มีถุงกับข้าวและถุงขนมยังอยู่ในถุงหิ้ววางไว้
“คนร้ายไม่ได้ประสงค์อะไรนอกจากชีวิต!! - พยานเล่าว่า ไม่เห็นภาพนาทีเกิดเหตุ รู้แต่ว่าก่อนพบจุดจบทั้งหมดไปดื่มกินกันที่ร้านอาหารริมคลองชล เมืองสระบุรี และซื้อเหล้าพร้อมกับแกล้มมากินกันต่อที่บ้านดังกล่าว โดยออกจากร้านอาหารประมาณเที่ยงคืน พอตอนตี 2 ชาวบ้านได้ยินเสียงปืนดังหลายนัด คิดว่ายิงปืนเล่นกัน เพราะปกติบ้านหลังนี้มักจะเอาปืนมายิงเล่นกันบ่อยครั้ง เสียงปืนที่ดังจึงไม่มีใครรู้ว่าเป็นเสียงปืนส่งวิญญาณ การสังหารครั้งนี้เป็นคดีใหญ่ท้าทายกฎหมาย พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบก.ป. นำทีมตำรวจกองปราบปรามร่วมคลี่คลาย เบื้องต้นสันนิษฐานว่าคนร้ายมีหลายคน และเชี่ยวชาญในการใช้อาวุธเป็นอย่างดี
ขนาดเหยื่อยิงสู้ยังถูกเป่าคาที่!?! - นอกจากนี้ คนร้ายยังทำงานแบบมืออาชีพ ไม่ทิ้งหลักฐานอะไรไว้เลย นอกจากปลอกกระสุนและหัวกระสุนขนาด .38, 9 มม. และ 11 มม. ที่ใช้สังหารเหยื่อ ซึ่งในชั้นนี้ตำรวจตั้งประเด็นสังหารไว้กว้างๆ ทั้งเรื่องความขัดแย้งการเมืองท้องถิ่น เรื่องหักหลังธุรกิจ และเรื่องส่วนตัว ...”
ชนวนเหตุการเสียชีวิตของชายทั้ง 5 คน ถูกเชื่อมโยงไปยังเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น 9 วัน ในวันที่ 24 กันยายน 2552 ซึ่ง เว็บไซต์มติชน บันทึกไว้ดังนี้ “รายงานข่าวจากจังหวัดทหารบกสระบุรี เปิดเผยว่า ในช่วงวันเกิดเหตุมีนายทหารยศพันตรี 2 นาย และยศร้อยโทอีก 2 นาย ได้ไปนั่งรับประทานอาหารอยู่ภายในร้านไวท์เฮาส์ ในพื้นที่ จ.สระบุรี แต่ในช่วงที่มีการชกต่อยกันภายในร้าน ทางจังหวัดทหารบกสระบุรียังไม่ทราบข้อเท็จจริง ทราบแต่เพียงนายทหารยศพันตรี และนายทหารยศร้อยโท ถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้ง 4 นาย โดยทั้ง 4 นาย ประกอบด้วย รองผู้บังคับการกองพันทหารม้าที่ 24 (รอง ผบ.ม.พัน.24) นายทหารยุทธการ และการฝึกกรมทหารม้าที่ 5 ซึ่งนายทหารทั้งสองมียศเป็นพันตรี ส่วนยศร้อยโทอีก 2 คน คือ ผู้บังคับกองร้อยทหารม้าที่ 23 และอีก 1 คน เป็นนายทหารรับใช้ผู้ใหญ่
“ทั้งนี้ ภายหลังจากนายทหารยศพันตรี 2 นาย และนายทหารยศร้อยโทอีก 2 นาย ถูกทำร้ายร่างกายจนเจ็บปางตาย ทราบภายหลังว่าผู้ทำร้ายเป็นกลุ่มและพรรคพวกของสมาชิกสภาเทศบาลเมืองสระบุรี ที่ถูกยิงเสียชีวิตรวม 5 คน โดยกลุ่มของสมาชิกสภาเทศบาล จ.สระบุรี ได้ให้ พล.ต.เมธี ธรรมรังสี นายกเทศมนตรีเมืองสระบุรี ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงไปเคลียร์ปัญหาดังกล่าว โดยเบื้องต้น พล.ต.เมธี ได้ตกลงจ่ายค่าเสียหายพร้อมค่ารักษาพยาบาลให้กับนายทหารยศพันตรี พร้อมพวกเป็นเงิน 1 ล้านบาท แต่ทหารกลุ่มดังกล่าวปฏิเสธที่จะรับเงิน อย่างไรก็ตาม การเสียชีวิตของทั้ง 5 คน จะเชื่อมโยงกันหรือไม่ ต้องรอผลการสอบสวนอีกครั้ง”
คดีนี้กลายเป็นข่าวครึกโครม และลุกลามไปจนถึงขั้นที่ผู้บัญชาการทหารบกในเวลานั้น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ต้องให้รองโฆษกกองทัพบกออกมาให้สัมภาษณ์ถึง การติดตามตัวทหารยศพันตรี ผู้ต้องสงสัยในคดีฆ่าโหด 5 ศพ ว่า ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ตรวจสอบกับผู้บังคับหน่วยทหารในพื้นที่ และให้นโยบายว่า ไม่ว่าจะเป็นใครหรือเป็นกำลังพลคนใดของกองทัพบก หากเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่ามีการดำเนินการสิ่งใดที่เกี่ยวข้อง ตำรวจสามารถดำเนินคดีได้ตามกฎหมาย และหากตำรวจขอความช่วยเหลือ กองทัพบกพร้อมให้ความช่วยเหลือเต็มที่ ส่วนเรื่องการสอบสวนเป็นเรื่องของตำรวจ กองทัพรับฟังการร้องขอจากตำรวจ
“ผบ.ทบ. สั่งการให้ ผบ.จทบ.สระบุรี และหน่วยต้นสังกัดของทหารที่ถูกทำร้ายร่างกายติดตามเรื่องนี้ไปรวบรวมรายละเอียดข้อเท็จจริงในคดีที่ถูกแจ้งความ หากตำรวจร้องขออะไรให้ดำเนินการไปตามนั้น ผบ.ทบ. ย้ำว่า หากใครทำผิดและมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีทางหน่วยต้องให้ความร่วมมือกับตำรวจอย่างเต็มที่” รองโฆษกกองทัพบกกล่าวในตอนนั้น
อ่านเพิ่มเติม :
• ลำดับเลือด...ฆ่าดับแค้น 5 ศพสระบุรี เว็บไซต์คมชัดลึก 6 ต.ค. 2552
• กองปราบเร่งสางคดีสังหารโหด ส.ท.สระบุรี และเพื่อนรวม 5 ศพเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ 5 ต.ค. 2552
• ผบ.ทบ.ขึงขังสั่งรวบรวมข้อมูลใครผิดว่าตามผิดคดี “ฆ่า 5 ศพ” กองปราบฯ มุ่งปมทะเลาะวิวาทในกลุ่มคนมีสี เว็บไซต์มติชน 5 ต.ค. 2552