พสกนิกรทุกหมู่เหล่าทุกเชื้อชาติ สวมชุดดำไว้ทุกข์ เดินทางมาร่วมแสดงความจงรักภักดี เข้าถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ต่อเนื่องเป็นวันที่ 22
วันนี้ (19 พ.ย.) เป็นวันที่ 22 ในการพระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ตั้งแต่เวลา 05.00 - 21.00 น. ที่สำนักพระราชวังได้เปิดให้ประชาชนขึ้นสักการะพระบรมศพ โดยตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมามีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศสวมชุดดำไว้ทุกข์ เดินทางมาต่อแถวอย่างเป็นระเบียบเพื่อสักการะพระบรมศพอย่างเนืองแน่น ไม่ต่างจากวันแรกแม้แต่น้อย
ชนเผ่ากะเหรี่ยง หรือ ปกาเกอะญอ จาก อ.แม่ละหมาด จ.ตาก ที่เหมารถตู้ออกเดินทางมาตั้งแต่ 6 โมงเย็นของวันศุกร์ และมาถึงสนามหลวงตอนตี 2 พร้อมเข้าคิวเพื่อเข้าสักการะพระบรมศพในทันที
นางสาริกา ศรีวนาตระกูล อายุ 32 ปี ชาวปกาเกอะญอ พร้อมลูกสาว ด.ญ.รุ่งตะวัน ศรีวนาตระกูล อายุ 11 ปี และ นางอรชร ตระกูลพงอนุชิต อายุ 28 ปี ที่กำลังต่อคิวอย่างใจจดใจจ่อด้วยชุดท้องถิ่นสุภาพ โดยบอกว่ามาทั้งหมด 12 คน ทุกคนพร้อมใจกันมาสักการะในหลวง รัชกาลที่ ๙
นางสาริกา กล่าวขณะนั่งรอคิว ว่า ทุกคนในหมู่บ้านอยากจะมา โดยเฉพาะผู้เฒ่าผู้แก่ที่สูงอายุ แต่ลำบากเรื่องการเดินทาง ครั้งนี้จึงรวมตัวเฉพาะผู้ที่สามารถเดินทางได้สะดวกก่อน หากถามว่าทำไมถึงต้องมานั้น เรามาด้วยความรักที่อยากจะตอบแทนพระองค์ที่ทรงมอบความรักให้กับพวกเราโดยไม่แบ่งเชื่อชาติ ศาสนา ทรงทำงานหนักเพื่อราษฎรมาอย่างยาวนาน ซึ่งเราในฐานะชาวปกาเกอะญอก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์ท่าน ทำให้เราอยู่ดีกินดีมาอย่างยาวนาน ต้องขอบคุณพระองค์ท่านจริงๆ
นายเจมส์ ไพเดอร์ อายุ 53 ปี ชาวอังกฤษซึ่งย้ายถิ่นฐานปักหลักอยู่ในประเทศไทย จังหวัดบุรีรัมย์ นาน 15 ปี เพราะความรักในบรรยากาศสบายแบบไทย ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้ม อากาศ และอาหารไทย เดินทางมาพร้อมกับภรรยา นางสาวจารุณี ทองด้วง อายุ 37 ปี เล่าว่า ตั้งใจเดินทางมาสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพราะที่ประเทศอังกฤษมีสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ขณะเดียวกัน ประเทศไทยก็มีกษัตริย์ และตลอดเวลาที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ก็ได้รู้จักพระองค์ผ่านการทรงงานในด้านต่างๆ มาตลอด 70 ปี ทั้งโครงการพระราชดำริ, เสด็จฯเยี่ยมราษฎรในถิ่นทุรกันดาร โดยเฉพาะในภาคอีสาน นอกจากนี้ ยังไม่ใช่แค่โครงการพระราชดำริต่างๆ แต่ยังมีพระบรมราโชวาท รวมถึงภูมิปัญญาต่างๆ เวลาที่พระองค์ทรงสอนสิ่งใดประชาชนก็จะปฏิบัติตาม ทำให้ได้เห็นถึงความรักความผูกพันระหว่างสถาบันกษัตริย์กับประชาชนได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการเดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพในครั้งนี้ ว่า ประสบปัญหาติดขัดหรือไม่ เนื่องจากเป็นวันแรกที่มีการปรับเปลี่ยนจุดเข้าแถว เพื่อเข้ากราบสักการะพระบรมศพ นายเจมส์ ไพเดอร์ กล่าวว่า ได้เห็นข่าวจากในทีวีมาบ้างเหมือนกัน แต่เมื่อตั้งใจมาแล้วก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากการต่อคิวและรอ โดยตนเองเดินทางมาจากจังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่เมื่อวาน (18 พ.ย.) แล้วเข้าพักแถวเขตดุสิต จากนั้นในช่วงเช้าจึงเดินทางมาที่สนามหลวงตอนเวลา 05.00 น. ก่อนได้เข้าสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในช่วงสาย ซึ่งถือว่าเป็นเวลาที่เร็วดี โดยเฉพาะระบบการจัดการข้างในพระบรมมหาราชวังนั้นการจัดการรวดเร็วยอดเยี่ยมมาก
ด้านสำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 19 พ.ย. หลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ไห้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 23.10 น. จากเดิมที่กำหนดในเวลา 21.00 น. เนื่องจากมีประชาชนต่อแถวรอเข้าสักการะที่บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวงเป็นจำนวนมาก ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 40,737 คน รวม 22 วัน มี 675,785 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 2,947,458.75 บาท รวม 22 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 48,109,596.50 บาท