กระแสข่าว "พิธีกรแกรมมี่" ชกต่อยผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ พร้อมบังคับให้ "กราบรถกู" ดรามายอดฮิต กลายเป็นกระแสให้ชาวเน็ตผุดความคิดสร้างสรรค์จำนวนหนึ่ง "วัน อยู่บำรุง" บอก "อยากเจอ เก่งเหลือเกิน" นักแสดงตลกระบุ กลัวถูกต่อย
กรณีที่เจ้าของรถเก๋งซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นนายอัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล หรือน็อต พิธีกรและนักแสดง สังกัดบริษัท จีเอ็มเอ็ม ทีวี จำกัด ผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ กระชากคอเสื้อชายที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ชี้ไปยังรถเก๋งมินิ คูเปอร์ สีเหลืองดำ ทะเบียน ญย 8585 กรุงเทพมหานคร โดยอ้างว่าชนแล้วหนี ก่อนที่จะชกต่อย 3 ครั้ง แล้วพูดคำว่า “กราบรถกู” บังคับให้กราบรถของตน แล้วมีคลิปถูกแชร์บนโลกโซเชียล สร้างปรากฎการณ์ที่คนในโลกโซเชียล ต่างมีการทำภาพตัดต่อ ทำเพลง ทำคลิปเลียนแบบ และมีคนดังเข้ามาร่วมออกความเห็นจำนวนมาก
เช่น เฟซบุ๊ก "ก๊ากกล้วย - Gakguay" ได้โพสต์วีดีโอคลิปเลียนแบบเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างตลกขบขัน, ยูทูป "ตี๋คุงครีเอถีบนอกโลก" ได้แต่งเพลงชื่อว่า "ก้มกราบรถกู" และยูทูป "Park Malody" ได้แต่งเพลงแปลง กราบรถกู ที่เลียนทำนองเพลง ฉันก็รักของฉัน ของนิว จิ๋ว, ลุงเนลสัน หรือ เนลสัน ฮาวอ์ (Nelson Howe) อาจารย์ที่เคยทำคลิปเสียดสีโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า I have to practice this since there are many yellow cars in New York. เป็นต้น
ขณะที่เฟซบุ๊กเพจ "MINI-TH" ได้โพสต์ข้อความและภาพระบุว่า "เราไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ต้องกราบเรานะ"
ด้านนายวัน อยู่บำรุง บุตรชาย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความระบุว่า "ผมอยากเจอคนนี้จังเลย ... เก่งเหลือเกิน ป.ล. ผมไม่เคยรังแกคน สมัยก่อนที่มีข่าวผมบ่อย ๆ ก็เพราะเจอคนแบบนี้"
ส่วนนายเกริก ซิลเลอร์ นักแสดงตลกชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเพจ Kirk Schiller ระบุว่า "ถ้าพี่ขับรถเฉี่ยวรถน้องดาราคนนั้น น้องเค้าจะต่อยพี่มั้ยอ่ะ นี่แค่รถมินินะ ถ้าเค้าขับรถเบ็นซ์จะเป็นไงวะ! พี่รู้สึกกลัวและไม่ปลอดภัยยังไงก็ไม่รู้สิ ต่อยเอาๆ กราบด้วย พี่กลัวอ่ะ!!!"
ส่วนเฟซบุ๊ก "ยุทธพล ศรีสมพงษ์" ของ จ.ส.ต.ยุทธพล ศรีสมพงษ์ หรือชาวโซเชียลรู้จักกันดีในชื่อ มือปราบจอนนี่ โพสต์ข้อความเกี่ยวกับข้อกฎหมาย ระบุว่า "เห็นคลิป กราบรถกู อุบัติเหตุ เป็นเรื่องขาดเจตนา ผู้ทำร้ายเขาก่อน ไม่มีสิทธ์ อ้างบันดาลโทสะ เพราะการอ้างบันดาลโทษะ ตามมาตรา 72 บัญญัติว่า
มาตรา 72 ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้
หมายความว่า ต้องกระทำต่อผู้ข่มเหง การข่มเหง ต้องมีเจตนา ไม่ใช่อุบัติเหตุ
การข่มเหง หมายถึง รังแก แกล้ง หรือทำให้รู้สึกอับอาย หรือข่มเหงน้ำใจ เช่น ด่าว่าแม่ของผู้กระทำผิดเป็นโสเภณี (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2770/2544), เอาเท้าพาดศีรษะผู้อื่นแล้วลูบเล่น (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3315/2522), พูดเย้ยหยันว่าเคยฆ่าบิดาจำเลยมาแล้ว วันนี้จะมาฆ่าจำเลยซึ่งเป็นลูกอีก (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7774/2544), ทำร้ายร่างกายผู้อื่น (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5189/2531), แอบดูลูกสาวผู้อื่นอาบน้ำ ถือเป็นการข่มเหงบิดา (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3649 - 3650/2547), หญิงอื่นไปนอนกับสามีคนอื่นในห้องนอน แม้ไม่ได้ร่วมประเวณีกันก็เป็นการข่มเหงภริยา (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3955/2547)
การข่มเหงเป็นการกระทำของผู้เสียหายเอง และเป็นการกระทำของผู้เสียหายฝ่ายเดียว เป็นเรื่องที่ผู้เสียหายต้องรับผิดชอบฝ่ายเดียว เช่น ผู้เสียหายตบศีรษะจำเลยก่อน จำเลยร้องห้ามก็ไม่ฟัง จำเลยจึงทำร้ายผู้เสียหาย (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 816/2517) กรณีนี้ เมื่อเป็นเรื่องร้ายแรง จำเลยก็สามารถอ้างเหตุบันดาลโทสะได้
ดังนั้นคนขับรถมอเตอร์ไซค์ สามารถป้องกันตัวได้ สวนได้ ตามกำลัง พอสมควร"