พสกนิกรจากจังหวัดต่างๆ ทั่วทุกภูมิภาค เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ร่วมกราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 ทุกคนต่างปลื้มปริ่ม น้อมนำแนวพระราชดำริมาใช้ในการดำเนินชีวิต
วันนี้ (5 พ.ย.) เมื่อเวลา 05.00 น. ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง มีการเปิดให้ประชาชนเดินทางเข้าสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นวันที่ 8 ตลอดทั้งวันพสกนิกรของไทยของในหลวงรัชกาลที่ ๙ จากทั่วทุกภูมิภาค ทั่วทุกจังหวัดของประเทศ พร้อมใจมุ่งตรงสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ด้วยยานพาหนะทุกอย่างที่หาได้ ทั้งนี้ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ของลูกผู้ภักดีต่อพ่อหลวงของปวงชน ด้วยการคุกเข่าน้อมกายเข้ากราบถวายบังคม สักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ แล้วรับภาพพระบรมโกศ พระบรมศพ นำกลับไปบูชาเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณยิ่งใหญ่ ที่ทรงมีตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชย์
นางดารานัย นิลวงศ์ วัย 63 ปี เดินทางมาจากบ้านพักย่านนนทบุรี กล่าวว่า นัดแนะกับญาติๆ เดินทางมาจากบ้านตั้งแต่ตี 3 ครึ่ง เมื่อมาถึงสนามหลวงจึงไม่ต้องรอคิวนานมากนัก
“ตั้งใจอยากมากราบพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ หลายวันก่อนมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ไม่สามารถเข้าไปกราบสักการะได้ วันนี้จึงตั้งใจมาอีกครั้ง พอได้ขึ้นไปกราบดีใจมาก รู้สึกว่าเราโชคดีที่เกิดมาบนแผ่นดินนี้ พระองค์ท่านทรงเป็นตัวอย่างที่ดี ทั้งช่วยสร้างฝาย สร้างเขื่อน รวมถึงด้านการเกษตรมากมาย โดยส่วนตัวยังได้น้อมนำแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวันด้วย แต่ละเดือนจะใช้จ่ายอย่างประหยัด ไม่โลภ หากมีพอก็จะช่วยเหลือผู้อื่นบ้าง” นางดารานัย กล่าว
ด้าน นายประสิทธิ์ ขำเกิด อายุ 66 ปี เดินทางมากับคณะ อสม. อำเภอปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ประมาณ 50 คน เล่าให้ฟังว่า ออกเดินทางด้วยรสบัสมาจากบ้านตั้งแต่เมื่อตี 3 ของวันศุกร์แล้วมาพักค้างคืนที่วัดหทัยนเรศวร์ จ.นครปฐม แล้วเดินทางต่อมาถึงสนามหลวงเมื่อช่วงเช้าตรู่ประมาณตี 3
“ตั้งใจมากราบพระบรมศพพระองค์ท่านเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต ตอนกราบพระองค์ท่านได้อธิษฐานขอให้พระองค์ท่านไปสบาย ไปสู่สวรรคาลัย ส่วนลูกอยู่ข้างหลังจะขอดำเนินรอยตามพ่อ อย่างเช่นที่ผ่านมา ก็ดำเนินตามพระองค์ท่านด้วยการใช้ชีวิตแบบพอเพียงมาตลอดกับอาชีพประมง จะทำแบบพออยู่พอกิน ไม่โลภ” ลุงประสิทธิ์ บอกด้วยความซาบซึ้ง
ส่วน นายสมคิด แจ้งกระจ่าง อายุ 49 ปี ชาว จ.นครสวรรค์ มาต่อแถวพร้อมลูกๆ และญาติ ตั้งแต่เวลา 03.30 น. กล่าวว่า ตั้งใจอยากมาถวายสักการะพระองค์ โดยเดินทางด้วยรถไฟมาตั้งแต่เมื่อเย็นวานถึงก็มาต่อแถวเลย ได้เข้าไปก็รู้สึกปลื้มใจมาก ตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก อีกทั้งเกือบได้เข้าไปถวายสักการะในระหว่างพระพิธีธรรมเช้าที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ทั้งนี้ ตนและชาว จ.นครสวรรค์ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระองค์ที่ทรงคิดค้นโครงการฝนหลวง เพราะระยะหลังฝนไม่ตกตามฤดูกาล ก็มีฝนเทียมนี่แหละที่ช่วยให้ราษฎรมีน้ำกินและใช้ แม้จะเป็นช่วงหน้าแล้ง รวมถึงโครงการชลประทานต่างๆ โดยเฉพาะเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ที่ทำให้ชาว จ.นครสวรรค์ ที่อยู่เหนือเขื่อนมีน้ำใช้ อย่างไรก็ดี ตน ลูกหลาน และญาติ จะกลับมาถวายสักการะอีกแน่นอน
ขณะที่ นายอนุวัฒน์ อริยะมนตรี อายุ 34 ปี ชาว จ.นครราชสีมา มายืนต่อแถวพร้อมภรรยาตั้งครรภ์ 5 เดือน ตั้งแต่เวลา 04.00 น. ได้เข้าตอน 09.00 น. กล่าวว่า ติดตามพระองค์จากข่าวพระราชสำนักในโทรทัศน์ตลอด เห็นภาพที่พระองค์เสด็จฯไปหลายพื้นที่เพื่อช่วยเหลือดูแลราษฎร ทำให้รู้สึกประทับใจและรักพระองค์อย่างมาก จึงพากันนั่งรถทัวร์กันมา ซึ่งแม้จะยืนต่อแถวหลายชั่วโมงเพื่อให้ได้เข้าถวายสักการะ ตนและภรรยาก็อดทนได้ อีกทั้งยังรู้สึกประทับใจและหายเหนื่อยเมื่อได้สมดังหวัง ทั้งนี้ แม้ลูกของตนจะไม่ได้เกิดในรัชกาลที่ ๙ แต่เราจะสอนให้ลูกรู้จักพระองค์ น้อมนำคำสอนมาปฏิบัติใช้ในชีวิต โดยเฉพาะการทำความดี และการเป็นคนเก่ง