ชาวนาตำบลสะกาด แก้ปัญหาข้าวราคาต่ำสุดในรอบ 50 ปี นำร่องตัดวงจรพ่อค้าคนกลาง รวมกลุ่มสีข้าวขายเองผ่านเฟซบุ๊กเป็นข้าวคุณภาพดี ราคาไม่แพง หลายฝ่ายตื่นตัวเข้าร่วมสนับสนุนเพียบ
จากกรณีทุกข์ชาวนาขายข้าวเปลือกให้พ่อค้าคนกลางได้ราคาต่ำสุดในรอบ 50 ปี ข้าวหอมมะลิ กข 15 กิโลกรัมละ 5 - 6 บาท สูงสุดไม่เกิน กก. ละ 6.5 บาท หรือ ราคาเพียงตันละ 6,200 - 6,300 บาท เมื่อหักค่าความชื้นและสิ่งเจือปน ชาวนาจะได้รับเงินเพียงตันละไม่เกิน 6,000 บาท ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน
ชาวตำบลสะกาด อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ได้นำร่องผ่าวิกฤตราคาข้าวด้วยการรวมกลุ่มสีข้าวหอมมะลิขายเอง โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ประกาศผ่านเฟซบุ๊กผู้สนใจสามารถสั่งซื้อได้ที่ นายเมธา ขอชัย ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลสะกาด เบอร์โทร.ติดต่อ 098-121-8398 หรือ 093-4545-979, 096-416-9165 ปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็นที่ถูกอกถูกใจชาวเน็ตแห่แชร์สนับสนุนกันจำนวนมาก
เพจเฟซบุ๊ก “บุรีรัมย์เมืองน่าอยู่น่าเที่ยว” โพสต์ความเคลื่อนไหว ว่า ตัวอย่างเริ่มแล้ว จากผู้ผลิตถึงผู้บริโภค เห็นที่ไหนสนับสนุนครับ ช่วยกันเองก่อน ใครมีการรวมกลุ่มต้องการขายข้าวทางเรายินดีช่วยประชาสัมพันธ์เต็มที่ ราคาไม่แพง แถมได้ข้าวคุณภาพดี ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ร่วมด้วยช่วยกันชาวนาคือคนส่วนใหญ่ของประเทศ คนละไม้คนละมือครับ
2 วันผ่านไป ความช่วยเหลือและความเคลื่อนไหว “ลูกชาวนา” ซับน้ำตาพ่อแม่ หลั่งไหลกันเข้ามาเพียบ ผมขอบพระคุณมาก ๆ ครับ ผมขอเล่าให้ฟังโดยสรุปดังนี้ ครับ
1. ผู้บริโภคจำนวนมากมีความพร้อมในการช่วยสนับสนุน และพร้อมซื้อทันที แต่ความต้องการของแต่ละท่านอาจแตกต่างกัน เราจะต้องออกแบบระบบข้อมูลการขายและการสั่งซื้อ
2. ลูกชาวนาจำนวนหนึ่งได้แจ้งผมมาแล้วว่าสนใจจะดำเนินการในรูปแบบดังกล่าว โดยมีทั้งลูกชาวนาที่มีประสบการณ์ช่วยพ่อแม่ขายข้าวมาก่อน และไม่มีประสบการณ์มาก่อนเลย และมีทั้งที่ทำงานแล้วและเป็นนิสิตครับ
สำหรับลูกชาวนา เราจะนัดพบกันว่า อาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม 2559 เวลา 13.00 - 16.00 น. ที่อาคาร 5 (หรืออาคารปฏิบัติการ) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน นะครับ
3. เพื่อน ๆ ที่มีธุรกิจโรงสีบางท่าน เสนอตนช่วยรับสีข้าวในพื้นที่ใกล้เคียง แต่เพื่อลดต้นทุนค่าขนส่งของลูกชาวนา เรายังต้องการความช่วยเหลือจากโรงสีใจบุญเพิ่มขึ้นนะครับ
4. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จะเปิดพื้นที่ให้นิสิตและนักศึกษาขายข้าวของพ่อแม่นะครับ แถมยังมีทุนหมุนเวียนบางส่วนช่วยเหลือด้วย นอกจากนั้น หน่วยงานหลายแห่งเสนอเปิดพื้นที่ให้ลูกชาวนาไปขายข้าวช่วยพ่อแม่ด้วยเช่นกัน
5. เพื่อให้การประสานงานในอนาคต มีความราบรื่นมากยิ่งขึ้น มีเพื่อนกำลังทำเพจเพื่อประสานงานกันระหว่างลูกชาวนาและผู้บริโภคนะครับ
6. ในแง่การสื่อสารกับสาธารณะ มีเพื่อน ๆ ช่วยกันทำสรุปย่อของแนวคิดลูกชาวนา และจัดทำขึ้นมาเป็นแผนภาพสรุปย่อครับ แถมยังมีคนจะช่วยทำเป็นเพลง และอินโฟกราฟิก และคลิปวิดีโอต่อไปครับ
ด้าน ดร.เดชรัต สุขกำเนิด หัวหน้าภาควิชาเศรษฐศาสตร์เกษตรและทรัพยากร คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “Decharut Sukkumnoed” ระบุ “ตื่นเต้นครับ จะได้พบกับลูกชาวนาแล้ว ตอนนี้ ทางกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โทร.มาแจ้งว่า จะมาร่วมด้วย และยินดีช่วยเหลืออย่างเต็มที่ครับ ขอขอบพระคุณครับ
ล่าสุด เพื่อน ๆ นักข่าวแจ้งว่า ฝ่ายความมั่นคง (ทหาร) จะมาเข้าร่วมฟังการประชุมวันที่ 30 ต.ค. นี้ ด้วยครับ ผมว่าเยี่ยมมากเลยครับ เพราะเรื่องราคาข้าวที่ตกต่ำลงขนาดนี้ ย่อมจะกระทบกับ “ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ” ของพี่น้องเศรษฐกิจฐานรากแน่นอนครับ ถ้าไม่แก้ไขจะกระทบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมด้วย และหากปล่อยไว้ระยะยาว จนชาวนาถอดใจขายที่ดินกันหมด ก็จะกระทบกับ “ความมั่นคงทางอาหาร” ของประเทศแน่นอนครับ ดีใจครับที่ฝ่ายความมั่นคงที่ได้มองปัญหาความมั่นคงในมิติอื่น ๆ ไม่ใช่แค่เรื่องการเมืองครับ
นอกจากนี้ น้องทหารเกณฑ์จำนวนไม่น้อยก็เป็น “ลูกชาวนา” ถ้าฝ่ายทหารเข้ามาร่วมโครงการลูกชาวนา ย่อมช่วยชาวนาได้มากทีเดียว ขณะเดียวกัน ค่ายทหารก็ต้องบริโภคข้าวอยู่แล้ว ถ้าได้ซื้อข้าวโดยตรงจากทหารเกณฑ์ “ลูกชาวนา” ในราคาที่เป็นธรรมจะดีมากเลยครับ แถมฝ่ายทหารก็ยังมีสถานที่จัดเก็บข้าวและแรงงานในการช่วยคัดคุณภาพข้าว บรรจุถุง และส่งมอบสินค้า เพราะฉะนั้น นอกจากจะบริโภคเองแล้ว ยังอาจช่วยเป็นศูนย์ในการกระจายสินค้าของแต่ละจังหวัดได้อีกด้วย
นอกจากทหารแล้ว หน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ที่ซื้อและบริโภคข้าว เช่น เรือนจำ โรงพยาบาล โรงเรียน และอื่น ๆ จะเปิดรับซื้อข้าวจากชาวนาและลูกชาวนาก็ยิ่งดีเลยครับ ถ้าเพื่อน ๆ ท่านใดมีคำแนะนำบอกได้เลยนะครับ ขอบพระคุณมากครับ สำหรับทุก ๆ ความช่วยเหลือ คำแนะนำ และกำลังใจ 30 ต.ค. นี้ พบกันครับ”