อดีตแกนนำ นปช. เผย เบื้องหลังเหตุเพลิงไหม้คฤหาสน์หรูในซอยเสือใหญ่อุทิศ ระบุกำลังนั่งสมาธิ แต่ได้ยินเสียงของตก ก่อนที่ได้ยินเสียง ไฟไหม้ จึงอุ้มลูกสาวลงชั้นล่างแล้วตักน้ำจากสระว่ายน้ำในบ้านมาดับไฟ คาด เพราะอุปกรณ์ไฟฟ้าไม่ได้มาตรฐาน ซึ้งใจชาวบ้านมาช่วย พร้อมระบุ “ไม่ว่าจะเกิดกี่ชาติ ก็จะขอเป็นข้ารองพระบาทของพระองค์ทุกชาติไป”
วิดีโอคลิปเฟซบุ๊ก “อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แฟนคลับ” โพสต์คลิปการสัมภาษณ์ของ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง ถึงเบื้องหลังเหตุเพลิงไหม้บ้านเลขที่ 342/2 ซอยรัชดาภิเษก 36 หรือ ซอยเสือใหญ่อุทิศ แยก 9-3 ถนนรัชดาภิเษก แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กทม. ทำให้ห้องพระชั้น 3 ได้รับความเสียหาย เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่า “คือ ตอนนั้นเนี่ยผมก็กำลังนั่งสมาธิ แล้วก็สวดมนต์ เพราะว่าในช่วงนี้ เป็นช่วงที่คนไทยของเราโศกเศร้า แล้วก็สูญเสีย สูญเสียยิ่งใหญ่มาก เราก็เลยคิดว่าสิ่งที่เราทำได้เราก็จะตอนเช้า ๆ เราก็ไปสวดมนต์ แล้วก็นั่งสมาธิ แล้วก็นึกถึงพระองค์ท่าน”
เมื่อถามว่า นั่งสมาธิห้องอีกห้องหนึ่ง นายอริสมันต์ ตอบว่า “ใช่ ห้องอีกห้องหนึ่ง ในขณะนั้นเนี่ย ก็ได้ยินเสียงว่า เหมือนกับสิ่งของหนัก ๆ ตกลงมา แล้วก็มีคนตะโกนเรียกลูกสาว ผมก็เลยวิ่งขึ้นไป ก็ไปเห็นไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่ ซึ่งตอนนั้นก็น่ากลัวมากนะ แต่ในใจผมนะ ผมบอกว่าผมเอาอยู่ ผมต้องสู้แล้วต้องเอาให้อยู่ แล้วต้องดับไฟให้ได้ เพราะว่าเราสร้างทุกสิ่งทุกอย่างมาด้วยน้ำพักน้ำแรงอยู่แล้ว เราจะให้ความประมาทเลินเล่อเล็ก ๆ น้อย ๆ เนี่ยมาเผาผลาญบ้านของเราไม่ได้ อันนี้ก็เป็นอันตรายพอสมควรนะ ผมก็เอาลูกสาวลงมาข้างล่างก่อน พอเอาลูกสาวลงมาข้างล่างเสร็จปั๊บผมก็ใช้น้ำเนี้ย น้ำในสระ ก็วิ่งขึ้นไป เอาไปสาดทีละกระป๋อง ทำอย่างนี้ซัก 3 เที่ยว ก็จะมีชาวบ้านเข้ามาช่วย ซึ่งมันเป็นการแสดงออกซึ่งน้ำใจที่ยิ่งใหญ่มากของชาวบ้านแถวนี้นะ ซึ่งผมเองก็รู้จักบ้าง ไม่รู้จักบ้าง แล้วก็ท่านอดีตปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ท่านก็มาช่วย ช่วยดู ช่วยเอาน้ำตักตรงโน้นตรงนี้ จนกระทั่งไฟสงบ พอไฟสงบก็มีเจ้าหน้าที่ของดับเพลิงลาดพร้าวเข้ามาถึง เขาก็เอาถังน้ำยาดับเพลิงมาฉีดบล็อกไว้ข้างหลัง แล้วก็ตรวจสอบว่าสูญเสียอะไรบ้าง ก็ประมาณสักครึ่งชั่วโมง แล้วก็ไฟก็สงบลง ผมเองก็ตอนที่ทำการดับด้วยตัวเองเนี่ย เราก็ไม่ได้ใส่ถุงเท้า เพราะอยู่ในบ้าน แล้วก็เวลามันไม่ทัน แล้วเราก็ต้องรีบ แล้วก็ชาวบ้านก็มาช่วย ถ้าไม่มีชาวบ้าน ผมก็คงจะดับเองไม่ได้ แล้วก็มีไฟ ฝ้า ตกลงมาที่หลัง แล้วก็เท้าก็บาดเจ็บนิดหน่อย หมอก็บอกว่าให้พักซัก 7 วัน แล้วก็ดูแลเรื่องการไม่ให้ติดเชื้อ แล้วก็ป้องกันบาดทะยัก ผมเองต้องกราบขอบพระคุณทุกท่านที่มีน้ำใจ แล้วก็ได้ช่วยดับไฟในบ้านผม”
เมื่อถามถึงสาเหตุน่าจะมาจากอะไร นายอริสมันต์ กล่าวว่า “สาเหตุน่าจะเป็นเรื่องของหลอดของพวกธูปเทียนที่เป็นไฟฟ้า ซึ่งโดยปกติผมจะมีบทสวดมนต์ของผมอยู่แล้ว คนเค้าจะเปิดให้ในห้องพระ แต่บังเอิญวันนี้เขาก็ไปเสียบปลั๊กไฟ ก็คงจะเสียบตั้งแต่เช้า แล้วก็ช่วงนั้นก็มีลมแรง ก็อาจจะล้ม ล้มไปแล้วก็คงจะไปโดนพรม ก็ทำให้เกิดประกายไฟแล้วก็ลุกขึ้นมา”
เมื่อถามถึงมูลค่าความเสียหาย นายอริสมันต์ กล่าวว่า “มูลค่าก็ไม่เท่าไหร่นะ เพราะคิดว่าความสามารถที่จะทำเองได้ เพราะว่าบ้านก็สร้างขึ้นมาเอง แล้วก็มีลูกน้อง หลานตัวเองเป็นอินทีเรีย ก็มาช่วยกัน พี่คิดว่าคงไม่มาก และก็อยากจะฝากไปถึงทุก ๆ คนด้วยว่า เรื่องของห้องพระเป็นสิ่งที่ต้องระวังมาก เพราะว่าบางครั้งบางที เราอาจจะประมาทเลินเล่อ แล้วก็การซื้อใช้ของที่เป็นอุปกรณ์ที่มันไม่ได้มาตรฐานทั้งหลาย ตรงนี้ทำให้เราสูญเสียตรงนี้เยอะ ซึ่งจริง ๆ แล้วถ้าหากว่าผมมาส่งลูกข้างล่างแล้ว ลูกผมบอกว่า “ป๊าเอาไม่อยู่หรอก ไฟมันแรงมาก” แต่เราก็ต้องสู้กับมัน อยู่ไม่อยู่เราก็ต้องสู้มัน แล้วก็เอาน้ำขึ้นไป ที่สำคัญ น้ำที่ยิ่งใหญ่คือน้ำใจของชาวบ้าน มันก็เลยทำให้เราสามารถดับไฟได้”
นายอริสมันต์ ยังได้พูดถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ว่า “กราบสักการะดวงพระวิญญาณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พวกเราเป็นพสกนิกรของท่าน ตั้งใจทำความดีมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนก็ตาม วันนี้ผมได้เห็นรอยยิ้มของพ่อบนสรวงสวรรค์ ได้เห็นคนไทยกลับมารักกันอีกครั้งหนึ่ง ผมดีใจครับ แล้วก็อยากจะบอกกับพระองค์ท่านว่า ไม่ว่าจะเกิดกี่ชาติ ก็จะขอเป็นข้ารองพระบาทของพระองค์ทุกชาติไป”