ชีวิตติดๆ ขัดๆ อยู่ใช่ไหม? หรือทำอะไรก็ดูจะไม่สำเร็จอย่างถึงที่สุดใช่หรือเปล่า? บางทีอาจเป็นเพราะ “พลังงานบางอย่าง” ที่คุณมองไม่เห็น ซ่อนเร้นอยู่ในอดีต ฝังแน่นอยู่ในเบื้องลึกของจิตใต้สำนึก ซึ่งถ้าไม่ “ปลดล็อก” ชีวิตก็จะยังคง “ติดล็อก” อยู่เช่นนั้น
เชิญทำความรู้จักกับหลักการแห่งศาสตร์ “ย้อนรอยอดีตชาติบำบัด” (Past Life Regression Therapy) หรือ PLRT ที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนให้ดีขึ้น ศาสตร์ดังกล่าวนี้เป็นที่รู้จักและยอมรับ พร้อมทั้งมีการปฏิบัติและได้ผลจริงมานานแล้วในต่างประเทศ ทำให้ผู้รับการฝึกอบรมได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของตนเอง ผ่านการย้อนรอยอดีตจากความทรงจำระยะยาว และการทำเข้าใจความเป็นไปและการสืบเนื่องของจิตใต้สำนึก

แม้ PLRT หาอ่านหนังสือยาก หรือหาผู้รู้ได้ยาก แต่ “ดร.ทายาท ศรีปลั่ง” ก็ใช้ความเพียรพยายาม ศึกษาและนำเทคนิคนี้มาบูรณาการกับวิถีพุทธ รวมประสบการณ์จริง เปรียบเทียบจิตวิเคราะห์ของตะวันตก ร่วมกับพุทธธรรมของตะวันออก ทำให้เราเข้าใจได้ง่ายขึ้น และหยิบมาใช้ได้ง่ายขึ้น
“ดร. ทายาท ศรีปลั่ง” เป็นผู้ที่มีความรู้แตกฉานด้าน “คน” เนื่องจากทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านบริหารและพัฒนาบุคลากรให้กับองค์กรภาคเอกชนและภาครัฐไม่น้อยกว่า 25 ปี ประสบความสำเร็จในวงการเรื่องการบริหารคน ถือเป็นมือฉมังคนหนึ่งของวงการ
ดร. ทายาท ศึกษาเรื่องการย้อนรอยอดีตชาติบำบัด จากศูนย์อนัมคาราเพื่อปัญญา เมตตาและสันติสุข ซึ่งดำเนินการสอนโดยรองศาสตราจารย์นายแพทย์ธวัชชัย กฤษณะประกรกิจ และอาจารย์ผ่องพรรณ กฤษณะประกรกิจ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดวิชา PLRT นี้มาจากนายแพทย์ ไบรอัน แอล.ไวส์ (Brian L. Weiss, M.D.) ประเทศสหรัฐอเมริกา ดร.ทายาท เพิ่มความสนใจในศาสตร์นี้และได้ใช้ PLRT บำบัดเพื่อนและผู้ที่สนใจ และพบว่า PLRT นี้เป็นเทคนิคที่ได้ผลจริง เขาได้เรียนรู้อดีตจากจิตใต้สำนึกของตนเอง ภาพและเหตุการณ์พร้อมกับอารมณ์ตกค้าง ที่ปรากฏในจิตใต้สำนึกของเขาเอง ทำให้ความเก็บกดในจิตใต้สำนึกจางหายไป
ดร. ทายาท เป็นหนึ่งในผู้ที่เลื่อมใสในหลักธรรมของพระพุทธศาสนา จึงคิดจะต่อยอดหลักเทคนิคจิตวิทยานี้เข้ากับศาสตร์แห่งจิตของพุทธศาสนา จึงเข้าศึกษาต่อปริญญาเอก ด้านพุทธศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต สาขาพุทธจิตวิทยา มหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) แล้วทำการวิจัยกึ่งทดลอง (quasi-experimental research) โดยใช้เทคนิค PLRT นี้มาบูรณาการร่วมกับหลักธรรมในพระพุทธศาสนา โดยเน้นเรื่อง กฎแห่งกรรม พรหมวิหารธรรม และบุญกิริยาวัตถุ เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น
ประสบการณ์การบำบัดผู้คนจำนวนมากที่ผ่านมา ทำให้เขาค้นพบเทคนิคที่น่าสนใจเรื่องการทำงานของจิตในระดับต่างๆ มากขึ้น และเข้าใจในเรื่อง “กฎแห่งกรรม” และ “การสร้างบุญใหม่” เพื่อเจือจางผลของกรรมร้ายมากขึ้นกว่าเดิม จนกลายมาเป็นหนังสือที่ชื่อว่า “อดีตชาติบำบัด พลิกกรรม เปลี่ยนชีวิต” ซึ่งอยากจะถ่ายทอดให้ผู้อ่านได้นำไปใช้พัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีกว่าเดิมในทุกด้าน เทคนิค PLRT ช่วยบำบัดในระดับจิตใต้สำนึก อันเป็นรากเหง้าของอวิชชาในจิตใจ ทำให้ถอนรากถอนโคนสาเหตุของความทุกข์ระดับมนุษย์ปุถุชน

• ขอถามในเบื้องต้นนี้ครับอาจารย์ว่า “อดีตชาติบำบัด” คืออะไร
อธิบายแบบย่อๆ นะครับ อดีตชาติบำบัดคือการบำบัดทางจิตประเภทหนึ่ง ซึ่งเป็นการปลดปล่อยพลังงานตกค้างและติดลบ เพื่อปลดล็อกชีวิต รวมถึงการนำความรู้เกี่ยวกับกฎแห่งกรรมมาใช้ เป็นการบูรณาการระหว่างจิตวิทยาตะวันตกกับพระพุทธศาสนาครับ
• ทุกวันนี้มีศาสตร์ในการพัฒนาตนเองหรือยกระดับคุณภาพชีวิตเยอะแยะมากมาย ถามว่า “อดีตชาติบำบัด” มีความแตกต่างจากศาสตร์อื่นๆ อย่างไรครับ
“อดีตชาติบำบัด” ถูกวิจารณ์จากคนบางกลุ่มว่า เป็นเรื่องหลอกลวง เพราะมีการอ้างว่า คนที่ระลึกได้จะต้องสำเร็จอภิญญาเท่านั้น แล้วเหตุใดคนที่ไม่ได้สำเร็จอภิญญาอะไรเลยทำไมถึงระลึกชาติได้ แถมบำบัดความเจ็บป่วยได้ด้วย ผมขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ว่า ศาสตร์นี้ไม่ใช่ศาสตร์ที่คนบำบัดเป็นคนมีตาทิพย์หรือผู้วิเศษ แต่ต้องการให้มุ่งไปที่ประเด็น “การเรียนรู้เรื่องราวของตนเองด้วยตนเอง จากการรื้อฟื้นความทรงจำในอดีต”
วิชานี้ ผู้บำบัดเป็นเสมือน “โค้ช” ในการปรับให้จิตรู้คิดของผู้รับการบำบัดทำงานช้าลงหรือหยุดคิดไปชั่วขณะ เพื่อเป็นให้จิตเป็นอิสระจากกความคิดเกี่ยวกับสิ่งอื่นๆ เพื่อเปิดประตูการรับรู้จิตใต้สำนึกของตนเองและด้วยตนเอง โดยผู้บำบัดหรือโค้ช จะใช้ภาษาพูด และผู้รับการบำบัดต้องร่วมมือในการหยุดความคิดของตนชั่วขณะ เขาจึงจะเห็นเรื่องราวต่างๆของจิตใต้สำนึกของตนเองได้ ส่วนการระลึกชาติของอริยะสงฆ์ ไม่ใช่ประเด็นของหนังสือเล่มนี้
หนังสือเล่มนี้แตกต่างจากหนังสือเล่มอื่นๆ และหนังสือแปลต่างประเทศ เพราะเป็นการบูรณาการความรู้จากโลกตะวันออกและโลกตะวันตก ผู้อ่านจะได้ทราบ “การบำบัดจิตใต้สำนึก ด้วยการย้อนรอยอดีต” (PLRT) ซึ่งเชื่อมโยงกับความรู้เกี่ยวกับจิตประเภทต่างๆ กรรมประเภทต่างๆ และวิธีปลดปล่อยพลังลบ เพื่อ “ปลดล็อก” ชีวิตและความสำคัญของพฤติกรรมที่มีต่อชีวิต และวิธีการปรับพฤติกรรมเพื่อสร้างชีวิตใหม่ และประการสุดท้าย พลังแห่งศรัทธาที่นำพาชีวิตสู่การเดินทางเส้นใหม่

• เห็นว่าอาจารย์เคยทดลองใช้วิธีนี้ในการช่วยเหลือผู้คนมาแล้วใช่ไหมครับ
ใช่ครับ อย่างเมื่อปีที่แล้ว ผมไปทำทดลองที่บริษัท ICC International ซึ่งมีคุณบุญเกียรติ โชควัฒนา เป็นประธาน ท่านก็เมตตาให้ทำ ตอนนั้นผมไปอ่านวิจัยเรื่องจิตบำบัดจากประเทศแคนนาดา จริงๆ อ่านทั่วโลก แต่ประทับใจของแคนนาดา บวกกับอ่านพระไตรปิฎก แล้วนำมาผสมผสานกัน ขณะที่เรื่องการวัดผล เราวัดผลคุณภาพจิต เราใช้แบบประเมินของกรมสุขภาพจิตประเทศไทย และแบบประเมินของกรมสุขภาพจิตแห่งประเทศไทยก็อ้างอิงกับของอินเตอร์ ดังนั้น ถือว่ามีความน่าเชื่อถือ
ผลลัพธ์ปรากฎว่า หลังจากเข้าคอรส์แล้ว คุณภาพของคนดีขึ้น ดีทางด้านไหนบ้าง หนึ่ง ถ้าใครมีปัญหาด้านจิต จิตใจไม่สงบสุข อันนี้บำบัดได้จริงๆ เพราะว่ามันปลดล็อกไปเลย สอง ใครมีปัญหาทางกาย เช่น แขนเจ็บ ขาเจ็บ ไม่รู้ตัว ทำไมถึงเจ็บ กินยาก็หายนะแต่หมดฤทธิ์มันก็เป็นอีก ให้หมอสแกน ก็ไม่รู้เหมือนกัน ประมาณนี้ สาม ความสัมพันธ์ในครอบครัว เพื่อนฝูง ที่ทำงาน เพราะจริงๆ พอเราทำที่บริษัทซึ่งเน้นเรื่องการทำงาน ผมเน้นมนุษย์ทำงาน เราทำมาหากิน ไม่ใช่แค่เลี้ยงตัวเองนะ เลี้ยงพ่อแม่ คู่ครองคู่รัก และลูกๆ ของเราด้วย ดังนั้น ถ้าเรามีคุณภาพชีวิตในปัจจุบันดี เราก็จะสามารถเจริญได้ดี ผลของปัจจุบันมันเกิดจากเหตุในอดีต อันที่หนึ่ง อดีตมีทั้งเรื่องบาปและบุญ มีเรื่องของจิตด้วย
• เห็นชื่อรองของหนังสือ “พลิกกรรม เปลี่ยนชีวิต” ที่ผ่านๆ มา เราได้ยินคำว่า “แก้กรรม” ประจำ แล้ว “พลิกกรรม” มันต่างอย่างไรครับ
กรรมมันแก้ไม่ได้นะ แต่มันทำให้เจือจางได้ แต่ถ้าเราจางกรรมได้และดึงพลังลบออกไป กรรมมันจะเริ่มพลิกเป็นด้านบวก คือมนุษย์เรา มีทั้งกรรมดีกรรมชั่ว กรรมดีเรียกว่า “กุศลกรรม” กรรมไม่ดีเรียกว่า “อกุศลกรรม” เราก็พยายามสร้างกุศลกรรมให้เหนือกว่าอกุศลกรรม มันก็จะเกิดการพลิกด้าน
ทีนี้ กรรมก็มีเรื่องเวลามาเกี่ยวข้อง อย่างที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ มี 3 ประเภท คือ หนึ่ง กรรมที่ทำชาตินี้ ออกผลชาตินี้เลย สอง กรรมที่ทำชาตินี้แล้วไปออกผลชาติหน้าไปเรื่อยๆ และสามคือ กรรมหมดอายุ กรรมสิ้นสุด คำนี้ผมไม่อยากใช้มาก เพราะคนไทยใช้เป็นคำพ้อง กรรมหมดอายุ หรือพุทธองค์ใช้ว่า อโหสิกรรม แปลว่า กรรมนั้นสิ้นสุดลง ไม่ได้เกิดจากการเรากล่าวอโหสิกรรมแล้วกรรมจะสิ้นสุดนะครับ แต่เราตั้งคำพ้องขึ้นมา และเราก็เลยคิดว่า พอพูดอโหสิกรรม เดี๋ยวกรรมมันจะยุติ มันไม่เกี่ยวกันเลย เพราะตามหลัก พุทธองค์บอกว่า กรรมมันจะสิ้นสุด เมื่อมันได้ออกผลแล้ว

• เล่าถึงวิธีการในแบบอดีตชาติบำบัดแบบคร่าวๆ ได้ไหมครับว่าทำอย่างไร
วิธีนี้ เราจะเข้าไปในระดับจิต หรือความทรงจำในระยะยาว ซึ่งเรื่องราวมันจะถูกรื้อฟื้น เราจะเห็นเรื่องราวของตนเอง เห็นพฤติกรรมของเราที่ทำกับคนอื่น พฤติกรรมบางอย่างอนุมานได้ว่าอาจจะก่อกรรม เราก็จะพยายามอิงกับหลักพระพุทธศาสนา มีพระสูตรบทหนึ่งซึ่งพระพุทธองค์ได้ตรัสไว้กับพราหมณ์ ชื่อพระสูตรว่า “จูฬกัมมวิภังคสูตร” ซึ่งกล่าวถึงว่า การที่เราประสบกับอะไรต่างๆ ในทางไม่ดี มันเป็นเพราะว่าในอดีต เราน่าจะไปสร้างกรรมอะไรบ้าง ซึ่งวิบัติมาปรากฏในปัจจุบัน แล้วทีนี้ พระองค์ได้ตรัสถึงสิ่งที่เรียกว่า “การเจือจางกรรม” เป็นวิธีเจือจางกรรม แต่เราไม่ค่อยได้ยิน
ตอนนี้มีชอบพูดว่า “แก้กรรม” ที่ไปแปลมาจากคำที่เกิดขึ้นในการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 3 พระเจ้าอโศกได้พูดคำที่เป็นบาลีคำหนึ่งซึ่งคนไทยเราแปลว่า “แก้กรรม” ซึ่งไม่ใช่นะ ถ้าจะเอาให้ตรงกับสิ่งที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ ก็คือ “การเจือจางกรรม”
• การเจือจางกรรม ด้วยหลักอดีตชาติบำบัด เห็นว่าต้องปฏิบัติลึกลงไปถึงระดับจิตใต้สำนึก ตรงนี้คืออย่างไรครับ
เรื่องจิตใต้สำนึกถูกค้นพบเมื่อประมาณ 100 ปีที่แล้ว เหมือนกับภูเขาน้ำแข็ง จิตใต้สำนึกอยู่ข้างล่าง จิตสำนึกอยู่ข้างบน จิตสองแบบนี้คือจิตดวงเดียวกันนะครับ ถ้าเรารู้ทันมัน เราก็นึก ไม่รู้ทัน เราก็ไม่นึก มีทั้ง 2 สภาวะในปัจจุบัน
• แล้วมันพลิกกรรมด้วยจิตใต้สำนึกได้อย่างไรครับ
เรื่องกรรมไม่เกี่ยวกับจิตนะครับ จิตเราไปบันทึกเกี่ยวกับปมต่างๆ ก็เกิดพลังงานสับสน คลื่นสมองในส่วนนั้นมันจะยุ่งเหยิงมากเลย นี่คือจิต คือเรื่องของพลังงานตกค้าง กรรมก็คือเรื่องการกระทำที่เป็นบาป กรรมดีก็เป็นบุญ ดังนั้น มันเป็นสองเรื่องที่คู่ขนานกัน ปัจจุบันพอเราใช้ศาสตร์ตะวันตก มันก็ไปแก้เรื่องของจิต แล้วก็ปลดล็อคสิ่งตกค้าง ตอนนี้มีท่านที่บอกว่า ทำบุญเยอะๆ แพงๆ ก็ได้บุญเยอะ อันนี้ก็แบบนึง แต่แบบที่ผมเขียนไว้หนังสือ ไม่ใช่อย่างนั้น แต่ใจความสำคัญคือ ทำบุญให้ถูกกับบาปพอแล้ว นั่งสมาธิก็ได้ ตักบาตรก็ได้ บริจาคคนจนก็ได้ มันแล้วแต่ว่าเรามีบาปประเภทไหน

• สุดท้ายนะครับอาจารย์ “อดีตชาติบำบัด พลิกกรรม เปลี่ยนชีวิต” นี่น่าจะช่วยในเรื่องของการยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น เหมาะสำหรับคนที่กำลังท้อแท้สิ้นหวัง มองหาทางออกให้กับชีวิต
จริงๆ คือผม เป้าหลักคือกลุ่มนี้เลยนะครับ ท้อแท้ สิ้นหวัง แล้วก็ยังหาทางออกไม่ได้ ส่วนใหญ่คนเริ่มโทรมาหา คนรวยๆ ก็เป็นนะ บางคนชอบบอกว่าคนรวยมักจะสบาย แต่จริงๆ ไม่ใช่เลย ปัญหาเยอะมาก (ลากเสียง) บางคนรวยด้วย ฉลาดมากด้วย แต่ปัญหาความทุกข์ เยอะมาก เพื่อนๆ ของผมก็เป็น ผมก็บอกพวกเขาว่า คนจนเขาอิจฉาพวกแกรู้หรือเปล่า ดังนั้น จะบอกว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับฐานะ มันเกี่ยวกับการกระทำ รวมถึงความคิด มันมีกายกับจิต การกระทำและความคิด มันคือตัวสร้างปัญหา ไม่มีทางออก มาคุย ไม่ใช่ว่าผมชักชวนมาทำอดีตชาติบำบัดนะครับ บางเรื่องแค่คุยถูกหลัก ก็ช่วยให้ตั้งชีวิตได้ ตกงานก็หางานได้ คือจัดการกับกรรมให้ถูกจุด มีสติ และทำสิ่งที่ถูกต้องกับปัญหาของเรา
เรื่อง : ทีมข่าวสัมภาษณ์
ภาพ : วชิร สายจำปา
เชิญทำความรู้จักกับหลักการแห่งศาสตร์ “ย้อนรอยอดีตชาติบำบัด” (Past Life Regression Therapy) หรือ PLRT ที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนให้ดีขึ้น ศาสตร์ดังกล่าวนี้เป็นที่รู้จักและยอมรับ พร้อมทั้งมีการปฏิบัติและได้ผลจริงมานานแล้วในต่างประเทศ ทำให้ผู้รับการฝึกอบรมได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของตนเอง ผ่านการย้อนรอยอดีตจากความทรงจำระยะยาว และการทำเข้าใจความเป็นไปและการสืบเนื่องของจิตใต้สำนึก
แม้ PLRT หาอ่านหนังสือยาก หรือหาผู้รู้ได้ยาก แต่ “ดร.ทายาท ศรีปลั่ง” ก็ใช้ความเพียรพยายาม ศึกษาและนำเทคนิคนี้มาบูรณาการกับวิถีพุทธ รวมประสบการณ์จริง เปรียบเทียบจิตวิเคราะห์ของตะวันตก ร่วมกับพุทธธรรมของตะวันออก ทำให้เราเข้าใจได้ง่ายขึ้น และหยิบมาใช้ได้ง่ายขึ้น
“ดร. ทายาท ศรีปลั่ง” เป็นผู้ที่มีความรู้แตกฉานด้าน “คน” เนื่องจากทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านบริหารและพัฒนาบุคลากรให้กับองค์กรภาคเอกชนและภาครัฐไม่น้อยกว่า 25 ปี ประสบความสำเร็จในวงการเรื่องการบริหารคน ถือเป็นมือฉมังคนหนึ่งของวงการ
ดร. ทายาท ศึกษาเรื่องการย้อนรอยอดีตชาติบำบัด จากศูนย์อนัมคาราเพื่อปัญญา เมตตาและสันติสุข ซึ่งดำเนินการสอนโดยรองศาสตราจารย์นายแพทย์ธวัชชัย กฤษณะประกรกิจ และอาจารย์ผ่องพรรณ กฤษณะประกรกิจ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดวิชา PLRT นี้มาจากนายแพทย์ ไบรอัน แอล.ไวส์ (Brian L. Weiss, M.D.) ประเทศสหรัฐอเมริกา ดร.ทายาท เพิ่มความสนใจในศาสตร์นี้และได้ใช้ PLRT บำบัดเพื่อนและผู้ที่สนใจ และพบว่า PLRT นี้เป็นเทคนิคที่ได้ผลจริง เขาได้เรียนรู้อดีตจากจิตใต้สำนึกของตนเอง ภาพและเหตุการณ์พร้อมกับอารมณ์ตกค้าง ที่ปรากฏในจิตใต้สำนึกของเขาเอง ทำให้ความเก็บกดในจิตใต้สำนึกจางหายไป
ดร. ทายาท เป็นหนึ่งในผู้ที่เลื่อมใสในหลักธรรมของพระพุทธศาสนา จึงคิดจะต่อยอดหลักเทคนิคจิตวิทยานี้เข้ากับศาสตร์แห่งจิตของพุทธศาสนา จึงเข้าศึกษาต่อปริญญาเอก ด้านพุทธศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต สาขาพุทธจิตวิทยา มหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) แล้วทำการวิจัยกึ่งทดลอง (quasi-experimental research) โดยใช้เทคนิค PLRT นี้มาบูรณาการร่วมกับหลักธรรมในพระพุทธศาสนา โดยเน้นเรื่อง กฎแห่งกรรม พรหมวิหารธรรม และบุญกิริยาวัตถุ เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น
ประสบการณ์การบำบัดผู้คนจำนวนมากที่ผ่านมา ทำให้เขาค้นพบเทคนิคที่น่าสนใจเรื่องการทำงานของจิตในระดับต่างๆ มากขึ้น และเข้าใจในเรื่อง “กฎแห่งกรรม” และ “การสร้างบุญใหม่” เพื่อเจือจางผลของกรรมร้ายมากขึ้นกว่าเดิม จนกลายมาเป็นหนังสือที่ชื่อว่า “อดีตชาติบำบัด พลิกกรรม เปลี่ยนชีวิต” ซึ่งอยากจะถ่ายทอดให้ผู้อ่านได้นำไปใช้พัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีกว่าเดิมในทุกด้าน เทคนิค PLRT ช่วยบำบัดในระดับจิตใต้สำนึก อันเป็นรากเหง้าของอวิชชาในจิตใจ ทำให้ถอนรากถอนโคนสาเหตุของความทุกข์ระดับมนุษย์ปุถุชน
• ขอถามในเบื้องต้นนี้ครับอาจารย์ว่า “อดีตชาติบำบัด” คืออะไร
อธิบายแบบย่อๆ นะครับ อดีตชาติบำบัดคือการบำบัดทางจิตประเภทหนึ่ง ซึ่งเป็นการปลดปล่อยพลังงานตกค้างและติดลบ เพื่อปลดล็อกชีวิต รวมถึงการนำความรู้เกี่ยวกับกฎแห่งกรรมมาใช้ เป็นการบูรณาการระหว่างจิตวิทยาตะวันตกกับพระพุทธศาสนาครับ
• ทุกวันนี้มีศาสตร์ในการพัฒนาตนเองหรือยกระดับคุณภาพชีวิตเยอะแยะมากมาย ถามว่า “อดีตชาติบำบัด” มีความแตกต่างจากศาสตร์อื่นๆ อย่างไรครับ
“อดีตชาติบำบัด” ถูกวิจารณ์จากคนบางกลุ่มว่า เป็นเรื่องหลอกลวง เพราะมีการอ้างว่า คนที่ระลึกได้จะต้องสำเร็จอภิญญาเท่านั้น แล้วเหตุใดคนที่ไม่ได้สำเร็จอภิญญาอะไรเลยทำไมถึงระลึกชาติได้ แถมบำบัดความเจ็บป่วยได้ด้วย ผมขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ว่า ศาสตร์นี้ไม่ใช่ศาสตร์ที่คนบำบัดเป็นคนมีตาทิพย์หรือผู้วิเศษ แต่ต้องการให้มุ่งไปที่ประเด็น “การเรียนรู้เรื่องราวของตนเองด้วยตนเอง จากการรื้อฟื้นความทรงจำในอดีต”
วิชานี้ ผู้บำบัดเป็นเสมือน “โค้ช” ในการปรับให้จิตรู้คิดของผู้รับการบำบัดทำงานช้าลงหรือหยุดคิดไปชั่วขณะ เพื่อเป็นให้จิตเป็นอิสระจากกความคิดเกี่ยวกับสิ่งอื่นๆ เพื่อเปิดประตูการรับรู้จิตใต้สำนึกของตนเองและด้วยตนเอง โดยผู้บำบัดหรือโค้ช จะใช้ภาษาพูด และผู้รับการบำบัดต้องร่วมมือในการหยุดความคิดของตนชั่วขณะ เขาจึงจะเห็นเรื่องราวต่างๆของจิตใต้สำนึกของตนเองได้ ส่วนการระลึกชาติของอริยะสงฆ์ ไม่ใช่ประเด็นของหนังสือเล่มนี้
หนังสือเล่มนี้แตกต่างจากหนังสือเล่มอื่นๆ และหนังสือแปลต่างประเทศ เพราะเป็นการบูรณาการความรู้จากโลกตะวันออกและโลกตะวันตก ผู้อ่านจะได้ทราบ “การบำบัดจิตใต้สำนึก ด้วยการย้อนรอยอดีต” (PLRT) ซึ่งเชื่อมโยงกับความรู้เกี่ยวกับจิตประเภทต่างๆ กรรมประเภทต่างๆ และวิธีปลดปล่อยพลังลบ เพื่อ “ปลดล็อก” ชีวิตและความสำคัญของพฤติกรรมที่มีต่อชีวิต และวิธีการปรับพฤติกรรมเพื่อสร้างชีวิตใหม่ และประการสุดท้าย พลังแห่งศรัทธาที่นำพาชีวิตสู่การเดินทางเส้นใหม่
• เห็นว่าอาจารย์เคยทดลองใช้วิธีนี้ในการช่วยเหลือผู้คนมาแล้วใช่ไหมครับ
ใช่ครับ อย่างเมื่อปีที่แล้ว ผมไปทำทดลองที่บริษัท ICC International ซึ่งมีคุณบุญเกียรติ โชควัฒนา เป็นประธาน ท่านก็เมตตาให้ทำ ตอนนั้นผมไปอ่านวิจัยเรื่องจิตบำบัดจากประเทศแคนนาดา จริงๆ อ่านทั่วโลก แต่ประทับใจของแคนนาดา บวกกับอ่านพระไตรปิฎก แล้วนำมาผสมผสานกัน ขณะที่เรื่องการวัดผล เราวัดผลคุณภาพจิต เราใช้แบบประเมินของกรมสุขภาพจิตประเทศไทย และแบบประเมินของกรมสุขภาพจิตแห่งประเทศไทยก็อ้างอิงกับของอินเตอร์ ดังนั้น ถือว่ามีความน่าเชื่อถือ
ผลลัพธ์ปรากฎว่า หลังจากเข้าคอรส์แล้ว คุณภาพของคนดีขึ้น ดีทางด้านไหนบ้าง หนึ่ง ถ้าใครมีปัญหาด้านจิต จิตใจไม่สงบสุข อันนี้บำบัดได้จริงๆ เพราะว่ามันปลดล็อกไปเลย สอง ใครมีปัญหาทางกาย เช่น แขนเจ็บ ขาเจ็บ ไม่รู้ตัว ทำไมถึงเจ็บ กินยาก็หายนะแต่หมดฤทธิ์มันก็เป็นอีก ให้หมอสแกน ก็ไม่รู้เหมือนกัน ประมาณนี้ สาม ความสัมพันธ์ในครอบครัว เพื่อนฝูง ที่ทำงาน เพราะจริงๆ พอเราทำที่บริษัทซึ่งเน้นเรื่องการทำงาน ผมเน้นมนุษย์ทำงาน เราทำมาหากิน ไม่ใช่แค่เลี้ยงตัวเองนะ เลี้ยงพ่อแม่ คู่ครองคู่รัก และลูกๆ ของเราด้วย ดังนั้น ถ้าเรามีคุณภาพชีวิตในปัจจุบันดี เราก็จะสามารถเจริญได้ดี ผลของปัจจุบันมันเกิดจากเหตุในอดีต อันที่หนึ่ง อดีตมีทั้งเรื่องบาปและบุญ มีเรื่องของจิตด้วย
• เห็นชื่อรองของหนังสือ “พลิกกรรม เปลี่ยนชีวิต” ที่ผ่านๆ มา เราได้ยินคำว่า “แก้กรรม” ประจำ แล้ว “พลิกกรรม” มันต่างอย่างไรครับ
กรรมมันแก้ไม่ได้นะ แต่มันทำให้เจือจางได้ แต่ถ้าเราจางกรรมได้และดึงพลังลบออกไป กรรมมันจะเริ่มพลิกเป็นด้านบวก คือมนุษย์เรา มีทั้งกรรมดีกรรมชั่ว กรรมดีเรียกว่า “กุศลกรรม” กรรมไม่ดีเรียกว่า “อกุศลกรรม” เราก็พยายามสร้างกุศลกรรมให้เหนือกว่าอกุศลกรรม มันก็จะเกิดการพลิกด้าน
ทีนี้ กรรมก็มีเรื่องเวลามาเกี่ยวข้อง อย่างที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ มี 3 ประเภท คือ หนึ่ง กรรมที่ทำชาตินี้ ออกผลชาตินี้เลย สอง กรรมที่ทำชาตินี้แล้วไปออกผลชาติหน้าไปเรื่อยๆ และสามคือ กรรมหมดอายุ กรรมสิ้นสุด คำนี้ผมไม่อยากใช้มาก เพราะคนไทยใช้เป็นคำพ้อง กรรมหมดอายุ หรือพุทธองค์ใช้ว่า อโหสิกรรม แปลว่า กรรมนั้นสิ้นสุดลง ไม่ได้เกิดจากการเรากล่าวอโหสิกรรมแล้วกรรมจะสิ้นสุดนะครับ แต่เราตั้งคำพ้องขึ้นมา และเราก็เลยคิดว่า พอพูดอโหสิกรรม เดี๋ยวกรรมมันจะยุติ มันไม่เกี่ยวกันเลย เพราะตามหลัก พุทธองค์บอกว่า กรรมมันจะสิ้นสุด เมื่อมันได้ออกผลแล้ว
• เล่าถึงวิธีการในแบบอดีตชาติบำบัดแบบคร่าวๆ ได้ไหมครับว่าทำอย่างไร
วิธีนี้ เราจะเข้าไปในระดับจิต หรือความทรงจำในระยะยาว ซึ่งเรื่องราวมันจะถูกรื้อฟื้น เราจะเห็นเรื่องราวของตนเอง เห็นพฤติกรรมของเราที่ทำกับคนอื่น พฤติกรรมบางอย่างอนุมานได้ว่าอาจจะก่อกรรม เราก็จะพยายามอิงกับหลักพระพุทธศาสนา มีพระสูตรบทหนึ่งซึ่งพระพุทธองค์ได้ตรัสไว้กับพราหมณ์ ชื่อพระสูตรว่า “จูฬกัมมวิภังคสูตร” ซึ่งกล่าวถึงว่า การที่เราประสบกับอะไรต่างๆ ในทางไม่ดี มันเป็นเพราะว่าในอดีต เราน่าจะไปสร้างกรรมอะไรบ้าง ซึ่งวิบัติมาปรากฏในปัจจุบัน แล้วทีนี้ พระองค์ได้ตรัสถึงสิ่งที่เรียกว่า “การเจือจางกรรม” เป็นวิธีเจือจางกรรม แต่เราไม่ค่อยได้ยิน
ตอนนี้มีชอบพูดว่า “แก้กรรม” ที่ไปแปลมาจากคำที่เกิดขึ้นในการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 3 พระเจ้าอโศกได้พูดคำที่เป็นบาลีคำหนึ่งซึ่งคนไทยเราแปลว่า “แก้กรรม” ซึ่งไม่ใช่นะ ถ้าจะเอาให้ตรงกับสิ่งที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ ก็คือ “การเจือจางกรรม”
• การเจือจางกรรม ด้วยหลักอดีตชาติบำบัด เห็นว่าต้องปฏิบัติลึกลงไปถึงระดับจิตใต้สำนึก ตรงนี้คืออย่างไรครับ
เรื่องจิตใต้สำนึกถูกค้นพบเมื่อประมาณ 100 ปีที่แล้ว เหมือนกับภูเขาน้ำแข็ง จิตใต้สำนึกอยู่ข้างล่าง จิตสำนึกอยู่ข้างบน จิตสองแบบนี้คือจิตดวงเดียวกันนะครับ ถ้าเรารู้ทันมัน เราก็นึก ไม่รู้ทัน เราก็ไม่นึก มีทั้ง 2 สภาวะในปัจจุบัน
• แล้วมันพลิกกรรมด้วยจิตใต้สำนึกได้อย่างไรครับ
เรื่องกรรมไม่เกี่ยวกับจิตนะครับ จิตเราไปบันทึกเกี่ยวกับปมต่างๆ ก็เกิดพลังงานสับสน คลื่นสมองในส่วนนั้นมันจะยุ่งเหยิงมากเลย นี่คือจิต คือเรื่องของพลังงานตกค้าง กรรมก็คือเรื่องการกระทำที่เป็นบาป กรรมดีก็เป็นบุญ ดังนั้น มันเป็นสองเรื่องที่คู่ขนานกัน ปัจจุบันพอเราใช้ศาสตร์ตะวันตก มันก็ไปแก้เรื่องของจิต แล้วก็ปลดล็อคสิ่งตกค้าง ตอนนี้มีท่านที่บอกว่า ทำบุญเยอะๆ แพงๆ ก็ได้บุญเยอะ อันนี้ก็แบบนึง แต่แบบที่ผมเขียนไว้หนังสือ ไม่ใช่อย่างนั้น แต่ใจความสำคัญคือ ทำบุญให้ถูกกับบาปพอแล้ว นั่งสมาธิก็ได้ ตักบาตรก็ได้ บริจาคคนจนก็ได้ มันแล้วแต่ว่าเรามีบาปประเภทไหน
• สุดท้ายนะครับอาจารย์ “อดีตชาติบำบัด พลิกกรรม เปลี่ยนชีวิต” นี่น่าจะช่วยในเรื่องของการยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น เหมาะสำหรับคนที่กำลังท้อแท้สิ้นหวัง มองหาทางออกให้กับชีวิต
จริงๆ คือผม เป้าหลักคือกลุ่มนี้เลยนะครับ ท้อแท้ สิ้นหวัง แล้วก็ยังหาทางออกไม่ได้ ส่วนใหญ่คนเริ่มโทรมาหา คนรวยๆ ก็เป็นนะ บางคนชอบบอกว่าคนรวยมักจะสบาย แต่จริงๆ ไม่ใช่เลย ปัญหาเยอะมาก (ลากเสียง) บางคนรวยด้วย ฉลาดมากด้วย แต่ปัญหาความทุกข์ เยอะมาก เพื่อนๆ ของผมก็เป็น ผมก็บอกพวกเขาว่า คนจนเขาอิจฉาพวกแกรู้หรือเปล่า ดังนั้น จะบอกว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับฐานะ มันเกี่ยวกับการกระทำ รวมถึงความคิด มันมีกายกับจิต การกระทำและความคิด มันคือตัวสร้างปัญหา ไม่มีทางออก มาคุย ไม่ใช่ว่าผมชักชวนมาทำอดีตชาติบำบัดนะครับ บางเรื่องแค่คุยถูกหลัก ก็ช่วยให้ตั้งชีวิตได้ ตกงานก็หางานได้ คือจัดการกับกรรมให้ถูกจุด มีสติ และทำสิ่งที่ถูกต้องกับปัญหาของเรา
สำหรับท่านที่สนใจ ในวันเสาร์ที่ 22 ตุลาคมนี้ ดร. ทายาท ศรีปลั่ง ร่วมกับสำนักพิมพ์บ้านพระอาทิตย์ จัดคอร์สอบรมเสวนาเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ “อดีตชาติบำบัด พลิกกรรม เปลี่ยนชีวิต โดย ดร.ทายาท ศรีปลั่ง และคณะ” ที่ห้อง Meeting Room 1 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งแต่เวลา 13:00 - 16:00 น. พิเศษสุด สำหรับผู้สั่งจองหนังสือ 2 เล่ม รับสิทธิ์จองที่นั่งอบรมฟรี 1 ที่นั่ง หรือ ชำระเงิน 190 บาท ต่อ 1 ที่นั่ง (สำนักพิมพ์จะบริจาคหนังสือในนามของท่าน 1 เล่ม ให้ห้องสมุดเครือข่าย มจร.) สามารถติดต่อได้ทาง 1. inbox : FB สำนักพิมพ์บ้านพระอาทิตย์ 2. ID Line : baan_athit 3. ID Line@ : @baan_athit |
เรื่อง : ทีมข่าวสัมภาษณ์
ภาพ : วชิร สายจำปา