MGR Online ขอนำเสนอ “Top 7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน” สรุปข่าวเด่นประเด็นฮอตที่พลาดไม่ได้ เป็นประจำทุกวันศุกร์ ทาง www.manager.co.th และเฟซบุ๊ก MGROnline Live
อันดับ 1 : รักน้องแต่ช่วยไม่ได้ “ประยุทธ์” โยนเผือกร้อนสอบ “ปรีชา” ผลประโยชน์ทับซ้อน
เสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับครอบครัวของ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม และ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) น้องชาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังเกิดขึ้นไม่หยุด หลังก่อนหน้านี้ มีการเปิดฝายชะลอน้ำ “ฝายแม่ผ่องพรรณพัฒนา” อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ที่ใช้ชื่อภรรยาของตัวเอง คือ นางผ่องพรรณ จันทร์โอชา เป็นชื่อฝาย และใช้เครื่องบินหลวง C130 เดินทางไปทำพิธีเปิดฝายอย่างเอิกเกริก จนสังคมมองว่าไม่เหมาะสม กระทั่งมาถึงกรณีที่ลูกชาย พล.อ.ปรีชา คือ นายปฐมพล จันทร์โอชา ไปตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัด คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น ในบ้านพัก แล้วเข้ามารับงานของกองทัพภาค 3 ที่พ่อเป็นแม่ทัพ ร่วมสิบกว่าโครงการ วงเงินรวมกว่า 150 ล้านบาท
เมื่อเปิดใบเสนอราคาบริษัทหลานนายกฯ พบว่า หลายโครงการที่มูลค่านับสิบล้านบาท นายปฐมพล เสนอราคามาต่ำกว่าราคากลางเพียงหมื่นกว่าบาท เช่น โครงการก่อสร้างโรงทหาร ห้องน้ำ และ ส้วมทหาร มณฑลทหารบกที่ 36 ค่ายพ่อขุนผาเมือง เสนอต่ำกว่าราคากลาง 15,000 บาท และโครงการสร้างอาหารกรมทหารราบที่ 14 ค่ายวชิรปราการ จ.ตาก ต่างกัน 15,000 บาท เช่นกัน ขณะเดียวกัน บางโครงการเป็นที่น่าสังเกตว่า มีความไม่ชอบมาพากลในขั้นตอนการประมูลงาน บริษัทที่จดทะเบียนมา 1 - 2 ปี ไม่เคยมีประวัติรับงาน จู่ ๆ สองปีหลังกวาดงานในพื้นที่สิบกว่าโครงการ นอกจากนี้ การใช้บ้านพักในค่ายทหารตั้งบริษัท ยังผิดกฎระเบียบสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยการพักอาศัยในอาคารที่พักอาศัยของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2555
ขณะที่ท่าที พล.อ.ประยุทธ์ โยนเผือกร้อนอย่างเห็นได้ชัด โดยกล่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 ก.ย. ว่า เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม และการตรวจสอบของ ป.ป.ช. ตนจะไม่ไปยุ่งเกี่ยว ถึงจะเป็นน้องชาย แต่ก็เป็นคนละคนกัน ส่วนเรื่องของบริษัทบุตรชาย พล.อ.ปรีชา นั้น ก็ให้ไปสอบมา ตนยังไม่รู้อะไร พร้อมมองว่าคำถามนี้ไร้สาระ ให้ไปถามกระบวนการที่ตรวจสอบ จะมาโยงที่ตนทำไม ตระกูลตนเสียหาย ทั้งที่คนละเรื่องคนละคน อีกทั้งยอมรับว่า จากกรณีดังกล่าว พล.อ.ปรีชา ได้มาขอโทษ แต่ก็ไม่ได้ยอมรับว่าทำความผิด แต่ยอมรับว่า บางอย่างอาจไม่สมควรไปบ้าง แต่ก็ยืนยันว่าได้เตรียมหลักฐานอย่างเต็มที่
อันดับ 2 : ปิดตำนาน “ปาร์คนายเลิศ” โรงแรมหรูคู่ถนนวิทยุ
นับเป็นการปิดฉากโรงแรมหรูใจกลางถนนวิทยุ ที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวมานานถึง 36 ปี สำหรับโรงแรมสวิสโฮเต็ล ปาร์ค นายเลิศ ซึ่งมี ท่านผู้หญิง เลอศักดิ์ สมบัติศิริ บุตรสาวของ พระยาภักดีนรเศรษฐ หรือ นายเลิศ เศรษฐบุตร เจ้าของรถเมล์ขาว เป็นผู้ก่อตั้ง เมื่อบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ที่มี นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ เจ้าของโรงพยาบาลกรุงเทพ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้ซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จาก นางสัณหพิศ สมบัติศิริ และ นางพิไลพรรณ สมบัติศิริ รวม 15 ไร่ มูลค่า 10,800 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการศูนย์สุขภาพแบบครบวงจร บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก โดยจะส่งมอบพื้นที่ในไตรมาส 2/2560
โดยทายาทเจ้าของโรงแรม นางณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร ซึ่งเป็นบุตรสาวของ นางสัณหพิศ ปิดประกาศแจ้งให้พนักงานเป็นการภายใน ว่า โรงแรมแห่งนี้จะปิดกิจการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 เป็นต้นไป เนื่องจากสถานการณ์ธุรกิจโรงแรมมีการแข่งขันสูง โรงแรมใหม่ ๆ เปิดตัวทั่วทุกมุมถนน คณะผู้บริหารประคับประคองสถานการณ์มาโดยตลอด แต่สุดท้ายทุกอย่างย่อมต้องมีการเปลี่ยนแปลง โดยพนักงานจะได้รับค่าชดเชยตามอัตราที่กฎหมายกำหนด พร้อมโบนัสอีก 1 เดือน และสินน้ำใจจากครอบครัวอีกจำนวนหนึ่ง รวมทั้งให้บริษัท แอคคอร์ฯ ซึ่งเป็นเจ้าของเชนโรงแรมสวิสโฮเต็ลฯ รับพิจารณาพนักงานที่สนใจเข้าสมัครงานโรงแรมในเครือ พร้อมขอความร่วมมือให้ช่วยกันทำงานในหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดจนวันสุดท้าย
ธุรกิจโรงแรมขนาดใหญ่ที่ปิดตัวลงไปไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรก แต่ส่งผลกระทบให้พนักงานนับร้อยคน ซึ่งมีอายุงานหลายปีกลายเป็นคนตกงาน ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน โรงแรมอิมพีเรียล ควีนส์ปาร์ค ซอยสุขุมวิท 22 ของอดีตเจ้าพ่อธุรกิจโรงแรมชื่อดัง นายอากร ฮุนตระกูล ที่เสียชีวิตไปเมื่อ 16 ปีก่อน หลังเปิดให้บริการมานานกว่า 22 ปี ที่สุดแล้ว บริษัท ทีซีซี โฮเทล แอสเสท แมนเนจเม้นท์ จำกัด บริษัทในกลุ่มของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ดำเนินนโยบายปิดปรับปรุงโรงแรมเป็นเวลา 2 ปี พร้อมเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “โรงแรมแมริออท มาร์ควิส แบงคอก ควีนส์ปาร์ค” บริหารจัดการภายใต้เครือแมริออท ทำให้พนักงานกว่า 800 คน ต้องถูกเลิกจ้างกะทันหัน โดยเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2557 เป็นวันสุดท้าย
อันดับ 3 : ภัยหอพักหญิง! จับเป็น “ไอ้หื่น” ปีนห้องข่มขืนผู้ช่วยพยาบาล อ้างถ่าย BIGO LIVE
เรียกได้ว่าเป็นการคลี่คลายคดีที่ปิดฉากลงอย่างน่าระทึก สำหรับคดีที่หญิงผู้ช่วยพยาบาลวัย 18 ปี ถูกคนร้ายสักรูปปลามังกรที่เอวขวา ปีนเข้าห้องแล้วชักปืน ข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ถึง 2 ครั้ง ในห้องพักชั้น 2 หอพักบ้านบัว ซอยศรีนครินทร์ 9 เขตสวนหลวง กทม. แล้วข่มขู่ให้เหยื่อบอกเบอร์โทรศัพท์และเฟซบุ๊ก อ้างว่าจะขนของมาอยู่ด้วย ก่อนหนีออกนอกหน้าต่าง เหตุเกิดเมื่อเช้ามืดวันที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา
กระทั่งบ่ายวันที่ 28 ก.ย. ชุดสืบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล บุกโรงแรมบารอสซา ซอยกิ่งแก้ว 25/1 อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อคนร้ายเห็นตำรวจ จึงใช้ปืนยิงปะทะ ก่อนหลบหนีเข้าไปในห้อง ตำรวจจึงทำการปิดล้อม โดยมีชุดปฏิบัติการพิเศษอรินทราช 26 เข้าสนับสนุน ก่อนบุกเข้าไปจับกุมคนร้ายได้เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ขณะกำลังหลบหนีออกทางฝ้าเพดานของโรงแรม ทราบชื่อคือ นายธนพล นิลพัตร์ หรือ ปอ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6/207 ซอยบางนา-ตราด 46 แขวงและเขตบางนา กทม.
ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ได้สมัครแอปพลิเคชันบีโก้ไลฟ์ (BIGO LIVE) ไว้ แต่ไม่รู้จะใช้ถ่ายอะไร วันเกิดเหตุได้เดินผ่านแล้วเห็นผู้เสียหายนอนอยู่ โดยไม่ได้ล็อกประตูด้านหลังไว้ จึงเข้าไปเพียงต้องการไปถ่ายบีโก้ไลฟ์ขณะผู้เสียหายกำลังนอนหลับอยู่ แต่ผู้เสียหายตื่นขึ้นมาก่อน จึงลงมือข่มขืน หลังเกิดเหตุได้หลบหนีไปอยู่บ้านที่ จ.นนทบุรี เบื้องต้นตำรวจดำเนินคดี 2 คดี ได้แก่ คดีข่มขืนกระทำชำเรา ในพื้นที่ สน.ประเวศ และคดีพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ครอบครองและพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะ ในพื้นที่ สภ.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ ก่อนนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
ผู้ต้องหาระบุว่า ในวันเกิดเหตุตนกินยาทามาดอนผสมยาแก้ไอ และ ดีไฟล์ ก่อนเรียกรถแท็กซี่มาลงบริเวณสุขุมวิท ตนก็ไม่รู้ว่าไปทางไหน เพราะมีอาการมึนเมา จึงเดินวนเข้าวนออกอยู่บริเวณซอยศรีนครินทร์ 9 และได้ปีนเข้าห้องของผู้เสียหาย ซึ่งไม่ได้ล็อกไว้เพื่อเข้าไปถ่ายบีโก้ไลฟ์ เมื่อผู้เสียหายตื่นขึ้นมาตนจึงลงมือข่มขืน โดยก่อนออกจากห้อง ตนได้นำเบอร์ของผู้เสียหายติดตัวมาด้วย หลังจากเกิดเหตุตนก็รู้สึกผิดอยากจะขอโทษผู้เสียหาย และยินดีจะรับผิดทุกอย่าง พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไว้ชีวิตตนขณะเข้าจับกุม
อันดับ 4 : PPAP เพลงบั่นทอนปัญญา “ปากกา แอปเปิล สับปะรด” แต่ดังทั่วโลก
คลิปวิดีโอความยาว 1 นาที 48 วินาที ได้มีชายคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดลายเสือสีเหลือง สวมแว่นตา และสวมสร้อยคอทองคำ ทั้งร้องทั้งเต้นด้วยเนื้อร้องง่าย ๆ เพียงไม่กี่คำ ตั้งแต่ ปากกา (Pen) แอปเปิล (Apple) และ สับปะรด (Pineapple) จนสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนดู แม้จะเผยแพร่ผ่านยูทิวบ์มานานตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค. ที่ผ่านมา แต่ก็มีคนดูเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ ถึงบัดนี้เข้าไปชมมากกว่า 11 ล้านวิว แล้วมีคนนำไปคัฟเวอร์เลียนแบบท่าเต้น รวมทั้งบรรดาคนบังเทิง ดารา นักร้อง และผู้ประกาศข่าว ต้องโชว์สเต็ปผ่านโลกโซเชียลจำนวนมาก
เบื้องหลังของเพลงฮิตข้ามโลกเพลงนี้ คือ นักแสดงตลกชาวญี่ปุ่น ที่ชื่อว่า “โคสะกะ ไดมาโอ” ซึ่งเป็นนามแฝงของ นายคาซุฮิโก โคสะกะ อายุ 43 ปี ชาวจังหวัดอะโอโมริ ซึ่งเป็นดีเจและนักแสดงตลก โดยตั้งตัวละครสมมติ “ปิโกะ ทาโร” เพื่อให้ร่วมแสดงกับเขาในการแสดงเดี่ยวไมโครโฟนตามเมืองต่าง ๆ ในญี่ปุ่น แต่งตัวด้วยชุดที่ได้แรงบันดาลใจมาจากการ์ตูนเรื่อง “วันพีช” และมีท่าเต้นยียวนกวนประสาท เขาได้เผยแพร่ผลงานเพลงของ “ปิโกะ ทาโร” ผ่านโลกออนไลน์เมื่อต้นเดือนสิงหาคม ถูกจุดกระแสต่อโดยสื่อไต้หวันและลุกลามเป็นกระแสทั่วโลก ได้รับความนิยมอย่างน่าแปลกใจจนเจ้าตัวยังแทบไม่เชื่อ
อันดับ 5 : ดรามา “ม้า อรนภา” พระอุ้มเด็กหญิง + ท้องก่อนแต่ง
กลายเป็นวิวาทะที่ทำเอาสังคมวิจารณ์อย่างกว้างขวาง สำหรับกรณีที่พิธีกรดัง “ม้า - อรนภา กฤษฎี” ออกมากล่าวกลางรายการ “ข่าวใส่ไข่” ทางช่องไทยรัฐทีวี เมื่อวันที่ 26 ก.ย. แสดงความเห็นกรณีที่มีภาพ พระธรรศภาคย์ ชี หรือ บี้ เคพีเอ็น อุ้มลูกสาว “น้องเป่าเปา” ขณะครองผ้าเหลือง เป็นที่วิจารณ์ว่าจะต้องอาบัติหรือไม่ โดยกล่าวโยงไปถึงกรณีที่แฟนสาวอย่าง “กุ๊บกิ๊บ - สุมณทิพย์ ชี” ท้องก่อนแต่งงาน อย่างตรงไปตรงมาว่า “เราจะไม่มีจารีตประเพณีใด ๆ ทั้งสิ้น หรือเราจะไม่มีกฎของสงฆ์ที่เราต้องเคารพกันแล้วใช่มั้ย หรือท้องก่อนแต่งคือสิ่งที่เราจะยอมรับแล้วใช่มั้ย ถ้ามันใช่ก็จะได้ทำใจ”
ก่อนหน้านี้ พระผู้ใหญ่รูปหนึ่งออกมาให้ความเห็นว่า แม้การอุ้มลูกสาวระหว่างอุปสมบททำไม่ได้ แต่ไม่ได้ผิดมากมายอะไร สามารถปลงอาบัติได้ เพราะเจตนาบริสุทธิ์มองเป็นเรื่องน่าเอ็นดูมากกว่า กุ๊บกิ๊บจึงโพสต์กล่าวว่า “คนโตแล้วก่อนทำต้องคิดมาอย่างดี เจ้าอาวาสที่วัดก็บอกว่าได้ เราคนต่างศาสนาก็เชื่อตามไม่มีความเห็นทุกอย่างต้องถามผู้รู้ แต่ที่แน่ ๆ เรารู้ว่าเราเห็นแต่ภาพสวยงามของความรักบริสุทธิ์ จงมองที่ความตั้งใจในการบวชเจตนาในการกระทำใช่สักแต่ติเตียนกระแหนะกระแหน ศาสนาควรเป็นแหล่งศูนย์รวมของความเมตตาเอ็นดู ชาวคริสต์เชื่ออย่างนั้น ชาวพุทธคงไม่ต่าง จริงไหมคะ จงเม้นอย่างมีสติ อย่าใส่อารมณ์ อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เดี๋ยวผมร่วง” แต่ทันทีที่ “ม้า อรนภา” กล่าวคำพูดที่แรงดังกล่าว ทำเอาฝ่ายภรรยาอย่างกุ๊บกิ๊บถึงกับโพสต์ข้อความตอบกลับ โพสต์ภาพที่มีข้อความ “ทัศนคติจะเลือกสังคมให้กับเรา” และข้อความประกอบว่า “คิดแบบไหนมองโลกแบบไหน เราก็จะได้อยู่ในสังคมกับโลกแบบนั้น สนับสนุนให้ทุกคนคิดบวก ให้ทุกคนคิดดี ให้ทุกคนมีทัศนคติที่มีเมตตาต่อผู้อื่นและเปิดกว้าง เราก็ตั้งใจทำอยู่ในทุก ๆ วันเช่นกัน จงช่วยกันทำ”
ด้าน พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ ได้โพสต์บนเฟซบุ๊กถึงข่าวดังกล่าว พร้อมระบุว่า “คนที่เป็นกะเทย ในยุคเมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว ซึ่งสังคมไม่ให้การยอมรับ ทั้งยังมองว่าเป็นพวกมีอาการทางจิต และต้องผ่านการพิสูจน์ตัวเองมาอย่างมากมาย จนมีวันนี้ได้ มีที่ยืนอยู่ในสังคมแบบมีหน้ามีตาได้ น่าจะมองเห็นถึงความไม่เป็นธรรม ความคร่ำครึจากการยึดจารีต เพื่อตัดสินความดีเลว หรือแม้แต่คุณค่าความเป็นคนของคนอื่น เพียงเพราะค่านิยมภายนอกนะ แต่ทำไมกับเรื่องพวกนี้โยมม้าถึงไม่เข้าใจ อาตมาก็งงเหมือนกัน เราควรมองคนอื่นด้วยความใจกว้าง ไม่ต่างจากที่เราอยากให้คนอื่นมองเรา ไม่ใช่หรอ”
อันดับ 6 : “ทรัมป์ - คลินตัน” ปะทะคารมครั้งแรก ศึกชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ศึกชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา แทน นายบารัค โอบามา ที่ดำรงตำแหน่งครบสองวาระ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 8 พ.ย. นี้ เป็นการชิงตำแหน่งระหว่าง นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จากพรรคเดโมแครต และ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานบริษัท ทรัมป์ ออร์กาไนเซชัน จากพรรครีพับลิกัน เริ่มเปิดฉากการพบกันครั้งแรกระหว่างสองผู้ท้าชิงเมื่อวันที่ 26 ก.ย. ในการแสดงวิสัยทัศน์ครั้งแรก จัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยฮอฟสตรา ในนครนิวยอร์ก และถ่ายทอดสดทางทีวีทั่วโลก
นายทรัมป์ ชูประเด็นที่ชาวอเมริกันต้องสูญเสียตำแหน่งงานให้แก่เม็กซิโก และ จีน ระบุว่า จำเป็นต้องเจรจาข้อตกลงการค้าเสียใหม่ และอย่ายอมให้ถูกขโมยบริษัทและตำแหน่งงานไปได้อีก พร้อมระบุว่า นางคลินตันไม่มีความแข็งแกร่งมากพอที่จะเป็นผู้นำสหรัฐฯ เป็นนักการเมืองต้นแบบ คือ พูดเก่ง แต่ไม่ลงมือทำ ฟังดูดี แต่ไม่เวิร์ก ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง ประเทศต้องเผชิญความยากลำบาก เพราะนางคลินตันตัดสินใจผิด ๆ ทั้งที่ทำงานการเมืองมา 30 ปี ทำไมเพิ่งมานึกแก้ไขเอาตอนนี้ ยืนยันว่าตนพร้อมจะเปิดเผยข้อมูลภาษีของตนเอง ถ้านางคลินตันยอมเผยแพร่อีเมล 33,000 ฉบับที่ลบทิ้งไป และชูนโยบายของตนจะเป็นประโยชน์ต่อคนผิวสีมากกว่า แต่ถ้านางคลินตันชนะศึกเลือกตั้งครั้งนี้ ก็พร้อมที่จะสนับสนุนเต็มที่
ด้าน นางคลินตัน กล่าวว่า นายทรัมป์เป็นคนที่มีพื้นเพโชคดีอย่างยิ่ง ขอให้ชาวอเมริกันตัดสินว่าใครที่ มีศักยภาพพอจะแบกรับความรับผิดชอบที่หนักอึ้งในการเป็นประธานาธิบดีได้ พร้อมระบุว่า นโยบายเศรษฐกิจแบบทรัมป์ มีจุดประสงค์เพื่อลดภาษีให้แก่คนรวยครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ นายทรัมป์ไม่ได้เข้าถึงหัวอกประชาชนอย่างแท้จริง และพร้อมที่จะพูดอะไรบ้า ๆ เพียงเพื่อให้ชนะการเลือกตั้ง เข้าสู่อาชีพนักการเมืองด้วยถ้อยคำโกหกเหยียดผิว อ้างว่าประธานาธิบดีผิวสีคนแรกไม่ใช่ชาวอเมริกัน ทั้งที่ไม่มีหลักฐานยืนยัน ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่าไม่มีความแข็งแกร่งพอนั้น ถ้านายทรัมป์เคยเดินทางไป 112 ประเทศ เจรจาข้อตกลงสันติภาพ ข้อตกลงหยุดยิง และการปล่อยตัวนักโทษการเมือง หรือใช้เวลา 11 ชั่วโมงชี้แจงต่อคณะกรรมการสภาคองเกรส ค่อยมาพูดเรื่องความแข็งแกร่ง
อันดับ 7 : ปิดตำนานเจ็ดชั่วโคตร! เปิดแล้ว “อุโมงค์แยกมไหสวรรย์”
ในที่สุด “อุโมงค์เจ็ดชั่วโคตร” ก็เปิดให้สัญจรไปมาเสียที สำหรับโครงการทางลอดแยกมไหสวรรย์ เขตธนบุรี เมื่อกรุงเทพมหานครเปิดใช้อุโมงค์ทางลอดแยกมไหสวรรย์ เพื่อบรรเทาปัญหาจราจร เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา หลังใช้เวลาก่อสร้างยาวนานกว่า 5 ปี โดยเริ่มต้นเปิดให้สัญจรไปมาตั้งแต่เวลา 05.00 - 22.30 น. และห้ามรถโดยสารประจำทาง รถบัส และรถบรรทุกตั้งแต่ 10 ล้อขึ้นไปเข้าใช้ทางลอด ก่อนที่จะปิดการจราจรเพื่อเก็บงาน โดยคาดว่าปลายปี 2559 จะแล้วเสร็จสมบูรณ์
สำหรับโครงการทางลอดแยกมไหสวรรย์ ของสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร เป็นอุโมงค์ขนาด 4 ช่องจราจร กว้าง 17 เมตร ยาว 1,515 เมตร ลึกจากพื้นดินประมาณ 5 เมตร ใช้งบประมาณ 969,142,655 บาท โดยมีบริษัท กรุงธนเอนยิเนียร์ จำกัด เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง เริ่มต้นสัญญาเมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2554 สิ้นสุดสัญญาในวันที่ 2 พ.ย. 2559 ที่ผ่านมาการก่อสร้างเป็นไปอย่างล่าช้า กระทั่งถูกตั้งฉายาว่าเป็น "อุโมงค์เจ็ดชั่วโคตร" โดยอุปสรรคสำคัญ คือ การรื้อย้ายสาธารณูปโภค และการก่อสร้างทางน้ำลอดคลองบางน้ำชน ที่ลึกจากอุโมงค์ลงไปอีก