ชาวป้อมมหากาฬ ร่วมภาคีคนรุ่นใหม่ จัดกิจกรรม คล้องแขนหน้าป้อม มหากาฬไม่โดดเดี่ยว แสดงพลังปกป้องชุมชนโบราณ พร้อมจ่อยื่นหนังสือนายกฯ ตั้งพหุภาคี หารือแผนพัฒนาชุมชน ดำรงความรู้ด้านประวัติศาสตร์
วันนี้ (10 ก.ย.) ชาวชุมชนป้อมมหากาฬ ร่วมกับ ภาคีเครือข่ายประชาชนร่วมทำกิจกรรม “คล้องแขนหน้าป้อม มหากาฬไม่โดดเดี่ยว” เพื่อแสดงพลังประชาชนปกป้องชุมชนโบราณกว่า 100 ปี โดยผู้จัดงานในครั้งเป็นเครือข่ายเยาวชนระดับมัธยมศึกษา จนถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ ในนามกลุ่มดินสอสี กลุ่มรักยิ้ม และกลุ่มรองเมือง เนืองยิ้ม ที่ต้องการบอกผู้บริหารของ กรุงเทพมหานคร (กทม.) ว่า ผู้คนและชุมชนเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ ที่สามารถอยู่ร่วมกันได้ เพียงใช้วิธีการจัดการที่เหมาะสม
นายธวัชชัย วรมหาคุณ ประธานชุมชนป้อมมหากาฬ กล่าวว่า หลังการเจรจาบันทึกข้อตกลงร่วมกันระหว่างชุมชนกับ กทม. เมื่อวันที่ 3 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยให้ กทม. ทำการรื้อในวันที่ 3 - 4 ก.ย. รื้อ 12 หลัง แต่ด้วยในระหว่างนั้น มี 4 หลังขอเวลาในการย้ายออก และ ทางฝ่ายโยธาได้ทำการรื้อบ้านเพิ่ม 5 หลัง ซึ่งเป็นบ้านร้างไป ทำให้ครบโควตาตามข้อตกลง โดย 4 หลังที่เดิมมีรายชื่อต้องรื้อถอน จะต้องเข้ากรอบการพิจารณาร่วมกันในคณะกรรมการพหุภาคี ซึ่งขอให้ทาง กทม. ดำเนินการตามสัญญาที่ตกลงไว้ โดยจะไม่สามารถรื้อถอนได้จนกว่าจะมีมติกรรมการทั้งสองฝ่าย
โดยหลังจากนี้ ทางชุมชนได้ส่งหนังสือถึงรัฐบาลให้นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งประธานกรรมการพหุภาคี โดยไม่ใช่ กทม. แต่ต้องเป็นหน่วยงานหรือบุคคลกลาง เพื่อหารือออกแบบวางแผนการพัฒนาชุมชน ให้อยู่ร่วมกับโบราณสถานได้ โดยให้คงองค์ความรู้ด้านประวัติศาสตร์ชุมชน