เปิดคำเล่าประสบการณ์ ผู้ป่วยมะเร็งตับ กับการใช้ “กัญชา” ในการรักษาเป็นเวลากว่าครึ่งปี จนสามารถพลิกวิกฤตชีวิตที่หมอบอกว่าจองโลงไว้ได้เลย กลับมาดีวันดีคืนอีกครั้ง พร้อมกับความหวังว่าจะหายขาด!
แม้ว่าปัจจุบันนี้ แนวคิดที่ว่า “กัญชารักษามะเร็ง” ได้นั้น จะมีงานวิจัยรองรับมากพอประมาณจากต่างประเทศ และบางประเทศมีการอนุญาตให้พืชชนิดนี้มาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการรักษาและกำจัดโรคร้ายดังกล่าว แต่เหรียญมักมีสองด้านเสมอ เพราะในสังคมทั้งในและนอกโลกออนไลน์ก็ยังมีการตั้งข้อสังเกตและข้อสงสัยอย่างต่อเนื่องว่า มันจะรักษาได้จริงหรือ แถมยังมีตัวกฎหมายมาเป็นอุปสรรคอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีผู้ป่วยโรคมะเร็งในบ้านเรา ก็ลองใช้วิธีการนี้มารักษาตัว จนได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ แม้จะยังดีขึ้นไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม แต่ “กัญชารักษามะเร็ง” ก็ดูคล้ายจะส่องแสงแห่งความหวังรังรอง
ทีมข่าวสัมภาษณ์ผู้จัดการออนไลน์ ได้สนทนากับบุคคลผู้หนึ่งซึ่งมีชื่อเรียกย่อๆ ว่า “คุณ น.” ... ขออภัย ใครจะกล้าบอกชื่อจริง ... แต่เขาคือผู้ป่วยมะเร็งตับจริงๆ คนหนึ่ง ซึ่งถ่ายทอดประสบการณ์การรักษาโรค ทั้งโดยแพทย์แผนปัจจุบัน และ “แพทย์แผนกัญชา” และผลลัพธ์ที่ออกมาก็ดูเหมือนว่า อย่างหลังจะให้ผลที่มหัศจรรย์อย่างยากจะเชื่อ!!
• อยากให้คุณเล่าถึงช่วงที่พบมะเร็งครั้งแรกหน่อยครับ
ผมตรวจเจอมะเร็งครั้งแรกเมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคมปีที่แล้วครับ ส่วนอาการในตอนพบครั้งแรกมันจะเสียดที่สีข้างด้านขวาครับ ตรงบริเวณไส้ติ่งนิดหน่อย แล้วมันจะเยื้องตรงช่วงซ้ายของลำตัว อาการก็จะจุกเสียดบริเวณแถวๆ นั้น ซึ่งก็คือบริเวณตับนั่นเอง แต่ก่อนหน้านี้ก็มีอาการแบบนี้ ผมก็คิดว่าหกล้มไงครับ คือผมไปแบกของหนักแล้วเกิดจากการนอน ไปนอนพลิกมันก็ไม่หายซักที ผมก็เริ่มเอะใจแล้ว แต่แค่ยังสงสัย ยังไม่ได้ไปหาหมอ จนอาการมันเริ่มเสียดขึ้นเรื่อยๆ เสียดจนเจ็บ หายใจก็เจ็บ เจ็บจนเดินตัวงอเลย จึงได้ไปโรงพยาบาลครั้งแรก พยาบาลก็สันนิษฐานว่า น่าจะเป็นบริเวณลำไส้อักเสบ เขาก็ให้ยาแก้ปวดและยาเคลือบกระเพาะมากินก่อน แล้วเขาบอกว่าให้เวลา 3 วัน ถ้าไม่ดีขึ้นก็ให้ไปหาหมออีก พอครบสามวันก็ได้พบแพทย์ เขาก็วินิจฉัยเหมือนกันเลย เขาก็ให้ยาตัวเดิมมา แล้วก็ให้ไปทานต่อ และพูดแบบเดิมเลย ถ้าไม่ดีขึ้น ใน 3 วันก็กลับมาใหม่อีก พอสามวันก็ไม่ดีขึ้น ผมก็กลับไปอีก คราวนี้หมอก็เริ่มมาจับมาแทะแล้ว หมอบอกว่าคราวนี้ไม่ใช่โรคกระเพาะแล้วล่ะ น่าจะเป็นที่เขาบอกว่าอะไรซักอย่างอักเสบนี่แหละ งั้นอีกอาทิตย์นึง หมอนัดอัลตราซาวด์
• ในระหว่างทาง คุณก็ยังคงมีอาการเจ็บปวดอยู่
ช่วงตรงนี้ก็เริ่มปวดมากแล้วนะ ทำอะไรก็ไม่ได้เลย คือเหมือนคุณต้องทำท่าเดิมๆ แล้วค่อยๆ ย่องไป ทำอะไรก็ตามก็ทำตัวแข็งๆ แล้วทำกิจกรรมไป มันเสียดมาก เหมือนคนโดนเตะชายโครงแล้วมันจะชาอยู่อย่างงั้นเลย แล้วพอดีแฟนกลับมาจากกรุงเทพฯ พอดี เขาก็มาคุยกับเราว่า เธอไม่ไหวแล้วนะ ถ้ารออาทิตย์นึงเนี่ย เขาก็เลยบอกว่า ไปคลินิกที่มันมีเครื่องมือดีกว่า เพราะพ่อตาผมเคยไปตรวจเจอมะเร็งที่คลินิกนี้ ก็เลยรู้ว่าเขามีการเจาะเลือด ซึ่งในช่วงอาทิตย์ที่หมอนัดนั้น หมอก็นัดเจาะเลือดด้วย ทำอัลตราซาวด์ด้วย มันทิ้งเวลานานไง ก็เลยตัดสินใจมาที่นี่ดีกว่า เพราะยังไงก็เสียเงินอยู่ดี แต่ได้เวลาที่เร็วกว่า ก็มาทำขั้นตอนที่ว่าเลย เขาก็เอาผลมาให้ดูเลยว่าตรงที่เกิดเหตุมันเป็นแผล เขาก็บอกว่าลักษณะทึบๆ คือลักษณะของแผลนะ เราก็ครับๆไป แต่ตอนดูนี่คือมันเป็นหลายจุดเลย พอเสร็จจากตรงนี้ก็เจาะเลือด เขาก็นัดฟังผลเลือดอีก 2 วัน
จนถึงวันที่กำหนดฟังผล ทางคลินิกสรุปว่า อาการมันอักเสบ แต่ผลเลือดมันดูไม่ค่อยดี คือตอนนั้นเรายังไม่ศึกษาในเรื่องค่าเลือดไงว่าเท่าไหร่ ผมก็ฟังๆ แต่ผมก็เข้าใจว่าค่าตัว AXP ที่บ่งชี้ตัวมะเร็งในเลือด ถ้าเป็นมะเร็งตับก็จะเป็นตัวนี้ มันเป็นค่า HP ซึ่งในค่าคนปกติ มันจะอยู่ที่ 0-10 มิลลิกรัมนี่แหละ แต่ของผมมันขึ้นมาที่ 200 กว่า ซึ่งพอฟังแล้วก็ไม่ซีเรียสนะ เพราะว่าเรายังไม่ได้ศึกษา แต่พอเข้าใจความรู้สึกของพ่อที่เพิ่งเสียไปประมาณ 2-3 ปี จากถุงน้ำดี คลินิกก็เลยบอกว่าจะทำใบส่งตัวกลับไปที่โรงพยาบาลต้นสังกัด ผมก็นำจดหมายนี้กลับมาที่โรงพยาบาลแรก พอยื่นไป หมอก็เรียกคุยแบบเครียดเลย แต่หมอที่คลินิกก็ถามเราและแฟนเราก่อนว่า ถ้าพูดอะไรไปจะรับได้หรือเปล่า ผมก็โอเคไม่ซีเรียส จนกลับมาที่โรงพยาบาล หมอก็พูดประมาณนี้เช่นกัน และบอกว่า มีแนวโน้มประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ ที่จะเป็นทางเนื้อร้าย ผมก็รับได้ แต่แฟนนี่คือน้ำตาซึมแล้ว
• แล้วลักษณะของมะเร็งนี่คือยังไงครับ
คุณหมออธิบายให้ฟังว่าที่เป็นรอยอักเสบมันมีอยู่ 2 จุดใหญ่ๆ และมีจุดเล็กๆ อีก จุดใหญ่มีขนาด 10 คูณ 6.4 แล้วมีอีกก้อน ประมาณ 6 คูณ 7 คือสรุปว่ามี 2 ก้อนใหญ่ๆ แต่สรุปว่าส่งต่อไปที่โรงพยาบาลศูนย์ใหญ่ของภาคเลย เราก็ไปที่นั่น หมอก็เอาฟิล์มมาดู แล้วบอกตรงๆอีกแล้วว่า ไม่สามารถผ่าตัดได้ เพราะทั้งสองก้อน ในทางการแพทย์ ตัวแผลมันจะต้องเขยิบไปอีก 3 เซนติเมตร สมมติว่าแผลเราเป็น 1 เซนติเมตร จากเส้นขอบ คุณก็ต้องบวกจากเส้นขอบไปอีก 3 เซนติเมตร ซึ่งทั้ง 2 ก้อนถ้าบวกไปมาแล้วมันคือตัดตับทิ้งไปเลยไม่สามารถผ่าตัดได้ แล้วถ้าจะทำรังสี ก็ไปทำลายเซลส์ตับอีก ประมาณ 3 เซนติเมตรเหมือนกัน คือส่วนดีก็โดนทำลายทิ้ง หากมาที่การรักษาแบบคีโม ผมก็ทำไม่ได้อีก เพราะตัวเซลส์มะเร็งไปกินเส้นเลือดใหญ่ ซึ่งถ้าทำคีโมไป ทางการแพทย์ก็ไม่กล้าเสี่ยงที่จะทำให้ เพราะว่าเปอร์เซ็นต์ที่จะอุดตัน มันมีสูง คือถ้าเคมีที่ฉีดเข้าไปแล้วมันตัน มันก็เท่ากับว่าไปหยุดตับเลย คือในเชิงความเห็นของแพทย์เขาบอกว่าไม่สามารถทำได้ เพราะอย่างที่บอก กล่าวโดยสรุปคือ ทั้งสามอย่างไม่ได้หมดทุกอย่าง ผมก็เลยถามเขาตรงๆ ว่า แล้วจะทำยังไง เขาก็บอกว่า เดี๋ยวผมจะส่งกลับไปโรงพยาบาลต้นสังกัดและรักษาตามอาการไป ถ้าปวดก็ให้ยาแก้ปวด เป็นไข้ก็ให้ยาแก้ไข้ ผมก็เลยตัดสินใจถามตรงๆว่า ไม่มีทางรักษาแล้วใช่มั้ยครับ หมอก็บอกแบบอ่อยๆ เลยว่า ครับ คือทั้ง 3 ทางมันทำอะไรไม่ได้เลย แฟนผมนี่คือน้ำตาร่วงเลย ผมก็โอเคยอมรับสภาพตามนั้นละกัน
• แล้วไปเจอวิธีการรักษาแบบนี้ได้ยังไงครับ
ผมก็ขับรถกลับมาบ้าน และแฟนก็นั่งร้องไห้มาตลอดทาง จนกลับมาบ้านแบบเหนื่อยเลย หายใจยังเหนื่อย จังหวะนั้น แฟนก็เปิดเฟซบุ๊กดู หาข้อมูลอะไรไป แล้วมันมีเพจเมืองนอกเพจหนึ่ง เพจชื่อ themind ซึ่งมาตรงจังหวะพอดี มันมีบทความหนึ่งที่ว่า กัญชารักษามะเร็ง แฟนก็เลยอ่านโพสต์ดู สรุปคือ สาร CHC ในกัญชา สามารถยับยั้งและต่อต้านมะเร็งได้ ซึ่งบังเอิญว่าเราปลูกไว้ต้นนึงพอดีกำลังแก่ได้ที่ แต่ยังไม่แห้ง ผมก็เลยลองดู วันต่อมา แฟนก็ไปเด็ดยอดมา 2 ข้อนิ้วได้ ช่อนึง แล้วเอามาต้มน้ำร้อน กิน ซึ่งก่อนหน้าที่จะตัดสินใจใช้ ก็คุยกับแฟน 2 คนว่า จะใช้ด้วยวิธีไหนวะ เพราะทางเพจไม่ได้บอกวิธีใช้ไง เพียงแต่บอกว่ามีสารแค่นั้น ก็คุยปรึกษากัน ซึ่งจะให้สูบก็ไม่ได้เพราะว่ากำลังไอ แถมตอนนั้นเป็นหนักด้วย เพราะมะเร็งมันทำให้เลือดกับน้ำมันไม่เกาะกันไง แล้วน้ำก็ไปที่ช่องท้อง จนลามไปท่วมปอด ก็หายใจลำบาก แล้วก็ไอ ผมก็เลยสูบบุหรี่ไม่ได้เลย ผมเลยตัดสินใจต้มกินเลย ผมเลยให้แฟนเด็ดต้นมาแล้วมาต้มกินเหมือนกินกาแฟ
• หลังจากนั้นคุณก็รักษาตัวด้วยกัญชา ในวิธีการนี้เป็นต้นมา
ใช่ครับ ผมจะกิน 2 เวลา คือผมขออธิบายอย่างงี้ครับ ช่วงเช้า ผมจะรอให้คอแห้งเลย แล้วค่อยๆ เดินมา ดื่มจากถ้วยกาแฟ ที่แฟนทำให้ชงแบบอุ่นๆ กินตอนท้องว่างเลย 1 แก้ว และนั่งพัก และนั่งดมข้าว คือตอนนั้นกินข้าวเหมือนแมวนะ แมวกินขนาดไหน ผมก็กินแบบนั้น ทัพพีนึงยังเหลือ พอเริ่มทาน ก็ไปศึกษาทางมะเร็งเลยว่า หลักการทำงานของมันเป็นยังไง เริ่มเรียนรู้ไป จนพบว่า ตัวมะเร็งมันชอบโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ผมเลยคิดว่า ในทางทฤษฎี ถ้ามันกินโปรตีนแล้วเราก็ไม่ต้องกินมัน ให้มันอดไป แล้วมันชอบโปรตีนจากเนื้อสัตว์เป็นหลัก ชอบมากถึงมากที่สุด ผมเลยเปลี่ยนมากินโปรตีนเกษตรให้พอกล้อมแกล้มนิดหน่อย แล้วก็กินผัก เลยคิดได้ว่า สัตว์มันพันธุกรรมเดียวกับคนนี่หว่า ตัวอื่นๆ ก็กินผักเช่นกัน เลยทำให้เราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการกินไปด้วย คือมันเป็นอะไรที่ควบคู่เลยนะ เพราะว่าถ้ารักษาด้วยวิธีใดก็ตาม โปรตีนเป็นปัจจัยหลัก ที่ทำให้มะเร็งแข็งแรง ต่อให้คุณมียาที่ต้านมะเร็งได้สูง แต่ถ้าคุณเสิร์ฟอาหารให้มัน มันก็มีแรงที่จะต่อสู้กับเรา ผมเลยไม่ให้อาหารมันเลย พอมันหิวโซ เดินตัดเตะขาไปมันก็ร่วงแล้ว ผมเลยหยุดโปรตีนเลย ช่วงนั้นกินผักอย่างเดียว แล้วก็นมถั่วเหลืองเป็นตัวช่วย เพราะว่าถ้าเราไม่ได้รับโปรตีนเลย ก็จะไม่มีแรง เราเลยทานนมถั่วเหลืองตอนเย็น 1 กล่อง
ผมรักษาด้วยวิธีการนี้ประมาณ 3 เดือนได้ กินน้ำกัญชาแบบเดือดจากกาเลย ตอนแรกก็ 1 ช่อ ต่อมาก็นำมาตากแห้ง 2 ช่อเลย คือช่วงแรกๆ ที่กิน อาการไม่ทรุดไง ผมก็เลยแบบเข้าทางนี่หว่า เลยจัดเพิ่มเลย เช้า 2 ช่อ เย็น 2 ช่อ อยู่อย่างงี้ คือลักษณะการกินจะเป็น เช้า 2 ช่อ เย็นจะเอาของเก่ามากิน แบบละลายค้างไว้ก่อน คือพยายามดึงสารจากกัญชาให้ได้มากที่สุด ก็ยังไม่ทิ้ง เชี่อมั้ยว่า จากตอนแรกที่แทบเดินไม่ได้ นี่คือเริ่มอยากที่จะกลับมาทำงานแล้ว คือที่บ้านเป็นสวนไง แฟนไปตัดไว้แล้วยังคาๆ ตัดไม่เสร็จ เราก็แบกเครื่องตัดหญ้า ไปตัดได้ประมาณเกือบ 10 นาที แล้วก็นั่งพักประมาณครึ่งชั่วโมง พักเสร็จกลับมาตัดได้ประมาณ 2 รอบ เราเลยคิดว่าของมันดีว่ะ ก็เริ่มออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย คือตอนที่กินแรกๆ มันไม่ได้ยับยั้งสารมะเร็งอย่างเดียวนะ มันช่วยในการนอนหลับและอยากอาหาร โดยทฤษฎีคนที่เป็นมะเร็งมันจะเบื่ออาหาร กินอะไรไม่ได้ มันไม่มีความยาก ปากแห้ง แต่เจอสารนี้เข้าไป มันทำให้อยากอาหาร แล้วถ้าคุณกินอาหารได้ร่างกายคุณจะฟื้นตัวเร็ว เราสามารถกินอาหารได้ แล้วพอเรากินอาหารไป แต่ก็กินโปรตีนเกษตร พอ 3 เดือนผ่านไป มันดีขึ้น เดินได้ปกติ ทำงานได้แล้ว ทีนี้ของก็เริ่มหมด เลยลดปริมาณลง จาก 2 ช่อ เป็นช่อเดียว เช้าเย็นอย่างละช่อ จนพอใกล้หมดประมาณว่าพอดูดได้ เลยหยุดไปเลยเป็นเวลา 5 เดือนที่กิน จาก 3 เดือนแรกที่กินเช้าเย็น พอ 2 เดือนหลังก็เหลือแค่ช่วงละช่อ
จนครบ 5 เดือน ก็ลดเหลือวันละช่อ ช่วงเช้า ที่เหลือเอาไว้เติมน้ำร้อนกินตอนเย็นต่อ และก่อนนอนเสพไปมวนนึง เพราะจะได้นอนหลับ จนครบ 5 เดือน หลังจากนั้นมีบ้างไม่มีบ้าง ขาดบ้าง จนไปได้เม็ดมาก็เริ่มเพาะ กินใบเอา แต่ผมว่าช่วงที่รับ 5 เดือนมันโอเคนะ ผมว่าดีจากหน้ามือเป็นหลังตีนเลย ถ้ากินตามคอร์ส จากที่เตรียมเซ็นจองวัด กลับมาเป็นปกติได้
• หลังจากนั้น คุณได้กลับไปตรวจมะเร็งอีกครั้งหรือเปล่าครับ
ผมไปตรวจครั้งล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ ประมาณเดือนมิถุนายน ทำผลซีที คือก้อนมะเร็งมันยุบลงไปประมาณค่อนนึงเลย แต่ผมคุยกับหมอนะ เขาก็บอกไม่ได้นะว่ามีเหลืออยู่หรือเปล่า แต่ผมรู้สึกได้เลยว่า เหลือน้อยมาก ให้นึกภาพกระทะ แล้วมีไข่ดาว ไอ้กระทะกับขอบกระทะคือตัวเดิม แล้วไข่ดาวคือตัวที่ไปทำซีทีครั้งที่ 2 ซึ่งอยู่ในกระทะ แล้วมันจะมีจุดเล็กๆ ดำๆ อยู่กลางไข่ขาว ผมว่าน่าจะเป็นส่วนที่ยังเหลืออยู่ แต่ตัวไข่ขาว ถ้าให้ผมวิเคราะห์คือ น่าจะเป็นเซลส์ที่มันตายแล้ว น่าจะเป็นซากที่คาไว้ในตับ ซึ่งตอนนั้นค่าเลือดก็ยังไม่ลงเป็นปกติ เรื่องนี้ หมอก็งง ก็ถามผมว่าไปทำอะไรมา ผมก็ถามหมอกลับว่า รับได้มั้ย ถ้าโอเค ก็บอกไปตรงๆ เลย เขาก็อึ้งเลย แล้วก็บอกผมว่า ผมเรียนมาทางนี้นะ แต่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่เคยรู้เกี่ยวกับกัญชาเลย พอผมรักษาด้วยวิธีนี้ ผลเลือดก็ค่อยๆ ลดลงเลยนะ จนตรวจผลเลือดครั้งล่าสุด ค่าเลือดของผมอยู่ที่ 11.5 ซึ่งเทียบเท่ากับคนทั่วไปที่สูบบุหรี่ ที่ค่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ 0-15 ผมเลยโอเคแล้ว แต่ก็ยังรักษาตัวเองต่อไป
• แล้วปัจจุบันนี้ ก็ยังรักษาตัวเองและใช้ชีวิตต่อไป
ใช่ครับ ทุกวันนี้ผมก็ยังกินเช้าอยู่ เอาใบสดมาชงกาแฟกินตอนเช้า ตอนแรกชงกับน้ำอุ่น แต่ตอนหลังขี้เกียจ เลยชงผสมกับน้ำตาล กาแฟ ใส่ กินคู่ไปเลย คนที่เจอผมในตอนแรกนะ มาเยี่ยมแบบมาดูใจแล้ว พอมาเจอกันอีกที กลายเป็นว่าดีขึ้น คนที่รู้ข่าว ผมเลยเป็นที่ปรึกษาให้เขาเลย เพราะว่าเคยไปเจอผู้ป่วยมะเร็งคนนึง เขาเป็นที่ลำไส้ ผมก็คุยเรื่องนี้ให้เขาฟัง แต่เขารักษาแบบแผนจีน ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังไม่หายนะ คือทุกวันนี้โทร.ตามผมใหญ่เลย เพราะเขาไปเล่าให้เพื่อนเขาฟัง แล้วเพื่อนเขาเป็นหนักกว่าผมอีก คือเขาแนะนำ เขาเลยไปหามาได้ 5 ช่อ เขากินไป 2 ช่อ ตอนนี้เขาก็อาการดีขึ้นเลย มาถึงขั้นขออาหาร จากที่กินไม่ได้ เลยดีขึ้น เขาเลยมาขอของผมใหญ่เลย คืออยากจะช่วยเขานะ แต่มันผิดกฎหมายไง คือที่คุยกับแอดมินเพจ ‘กัญชาชน’ เพราะว่าอยากแชร์ประสบการณ์ให้เฉยๆ แต่ไม่ได้แบบช่วยหาของอะไร แต่เราเข้าใจนะว่า ชีวิตคนถ้ามันอยู่ต่อก็อาจจะทำอะไรได้หลายๆ อย่างนะ ส่วนการทำงาน ก็ทำงานได้ปกติ แต่จะมีตรงที่ไม่เหมือนเดิมก็คือ ตับของเรามันโดนทำลายไป มันส่งผลให้ระยะเวลาทำงานมันเหนื่อยง่ายกว่า เปรียบกับเอาลาไปลากซุงน่ะ มันเป็นลักษณะอย่างงั้น แต่ร่างกายปกติ คือทำงานและยกของหนักได้ แต่อาจจะไม่นานก็ต้องพัก ประมาณนี้ครับ
เรื่อง : สรวัจน์ ศิลปโรจนพาณิช
ภาพ : pixabay.com และ แฟนเพจ กัญชาชน
แม้ว่าปัจจุบันนี้ แนวคิดที่ว่า “กัญชารักษามะเร็ง” ได้นั้น จะมีงานวิจัยรองรับมากพอประมาณจากต่างประเทศ และบางประเทศมีการอนุญาตให้พืชชนิดนี้มาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการรักษาและกำจัดโรคร้ายดังกล่าว แต่เหรียญมักมีสองด้านเสมอ เพราะในสังคมทั้งในและนอกโลกออนไลน์ก็ยังมีการตั้งข้อสังเกตและข้อสงสัยอย่างต่อเนื่องว่า มันจะรักษาได้จริงหรือ แถมยังมีตัวกฎหมายมาเป็นอุปสรรคอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีผู้ป่วยโรคมะเร็งในบ้านเรา ก็ลองใช้วิธีการนี้มารักษาตัว จนได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ แม้จะยังดีขึ้นไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม แต่ “กัญชารักษามะเร็ง” ก็ดูคล้ายจะส่องแสงแห่งความหวังรังรอง
ทีมข่าวสัมภาษณ์ผู้จัดการออนไลน์ ได้สนทนากับบุคคลผู้หนึ่งซึ่งมีชื่อเรียกย่อๆ ว่า “คุณ น.” ... ขออภัย ใครจะกล้าบอกชื่อจริง ... แต่เขาคือผู้ป่วยมะเร็งตับจริงๆ คนหนึ่ง ซึ่งถ่ายทอดประสบการณ์การรักษาโรค ทั้งโดยแพทย์แผนปัจจุบัน และ “แพทย์แผนกัญชา” และผลลัพธ์ที่ออกมาก็ดูเหมือนว่า อย่างหลังจะให้ผลที่มหัศจรรย์อย่างยากจะเชื่อ!!
• อยากให้คุณเล่าถึงช่วงที่พบมะเร็งครั้งแรกหน่อยครับ
ผมตรวจเจอมะเร็งครั้งแรกเมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคมปีที่แล้วครับ ส่วนอาการในตอนพบครั้งแรกมันจะเสียดที่สีข้างด้านขวาครับ ตรงบริเวณไส้ติ่งนิดหน่อย แล้วมันจะเยื้องตรงช่วงซ้ายของลำตัว อาการก็จะจุกเสียดบริเวณแถวๆ นั้น ซึ่งก็คือบริเวณตับนั่นเอง แต่ก่อนหน้านี้ก็มีอาการแบบนี้ ผมก็คิดว่าหกล้มไงครับ คือผมไปแบกของหนักแล้วเกิดจากการนอน ไปนอนพลิกมันก็ไม่หายซักที ผมก็เริ่มเอะใจแล้ว แต่แค่ยังสงสัย ยังไม่ได้ไปหาหมอ จนอาการมันเริ่มเสียดขึ้นเรื่อยๆ เสียดจนเจ็บ หายใจก็เจ็บ เจ็บจนเดินตัวงอเลย จึงได้ไปโรงพยาบาลครั้งแรก พยาบาลก็สันนิษฐานว่า น่าจะเป็นบริเวณลำไส้อักเสบ เขาก็ให้ยาแก้ปวดและยาเคลือบกระเพาะมากินก่อน แล้วเขาบอกว่าให้เวลา 3 วัน ถ้าไม่ดีขึ้นก็ให้ไปหาหมออีก พอครบสามวันก็ได้พบแพทย์ เขาก็วินิจฉัยเหมือนกันเลย เขาก็ให้ยาตัวเดิมมา แล้วก็ให้ไปทานต่อ และพูดแบบเดิมเลย ถ้าไม่ดีขึ้น ใน 3 วันก็กลับมาใหม่อีก พอสามวันก็ไม่ดีขึ้น ผมก็กลับไปอีก คราวนี้หมอก็เริ่มมาจับมาแทะแล้ว หมอบอกว่าคราวนี้ไม่ใช่โรคกระเพาะแล้วล่ะ น่าจะเป็นที่เขาบอกว่าอะไรซักอย่างอักเสบนี่แหละ งั้นอีกอาทิตย์นึง หมอนัดอัลตราซาวด์
• ในระหว่างทาง คุณก็ยังคงมีอาการเจ็บปวดอยู่
ช่วงตรงนี้ก็เริ่มปวดมากแล้วนะ ทำอะไรก็ไม่ได้เลย คือเหมือนคุณต้องทำท่าเดิมๆ แล้วค่อยๆ ย่องไป ทำอะไรก็ตามก็ทำตัวแข็งๆ แล้วทำกิจกรรมไป มันเสียดมาก เหมือนคนโดนเตะชายโครงแล้วมันจะชาอยู่อย่างงั้นเลย แล้วพอดีแฟนกลับมาจากกรุงเทพฯ พอดี เขาก็มาคุยกับเราว่า เธอไม่ไหวแล้วนะ ถ้ารออาทิตย์นึงเนี่ย เขาก็เลยบอกว่า ไปคลินิกที่มันมีเครื่องมือดีกว่า เพราะพ่อตาผมเคยไปตรวจเจอมะเร็งที่คลินิกนี้ ก็เลยรู้ว่าเขามีการเจาะเลือด ซึ่งในช่วงอาทิตย์ที่หมอนัดนั้น หมอก็นัดเจาะเลือดด้วย ทำอัลตราซาวด์ด้วย มันทิ้งเวลานานไง ก็เลยตัดสินใจมาที่นี่ดีกว่า เพราะยังไงก็เสียเงินอยู่ดี แต่ได้เวลาที่เร็วกว่า ก็มาทำขั้นตอนที่ว่าเลย เขาก็เอาผลมาให้ดูเลยว่าตรงที่เกิดเหตุมันเป็นแผล เขาก็บอกว่าลักษณะทึบๆ คือลักษณะของแผลนะ เราก็ครับๆไป แต่ตอนดูนี่คือมันเป็นหลายจุดเลย พอเสร็จจากตรงนี้ก็เจาะเลือด เขาก็นัดฟังผลเลือดอีก 2 วัน
จนถึงวันที่กำหนดฟังผล ทางคลินิกสรุปว่า อาการมันอักเสบ แต่ผลเลือดมันดูไม่ค่อยดี คือตอนนั้นเรายังไม่ศึกษาในเรื่องค่าเลือดไงว่าเท่าไหร่ ผมก็ฟังๆ แต่ผมก็เข้าใจว่าค่าตัว AXP ที่บ่งชี้ตัวมะเร็งในเลือด ถ้าเป็นมะเร็งตับก็จะเป็นตัวนี้ มันเป็นค่า HP ซึ่งในค่าคนปกติ มันจะอยู่ที่ 0-10 มิลลิกรัมนี่แหละ แต่ของผมมันขึ้นมาที่ 200 กว่า ซึ่งพอฟังแล้วก็ไม่ซีเรียสนะ เพราะว่าเรายังไม่ได้ศึกษา แต่พอเข้าใจความรู้สึกของพ่อที่เพิ่งเสียไปประมาณ 2-3 ปี จากถุงน้ำดี คลินิกก็เลยบอกว่าจะทำใบส่งตัวกลับไปที่โรงพยาบาลต้นสังกัด ผมก็นำจดหมายนี้กลับมาที่โรงพยาบาลแรก พอยื่นไป หมอก็เรียกคุยแบบเครียดเลย แต่หมอที่คลินิกก็ถามเราและแฟนเราก่อนว่า ถ้าพูดอะไรไปจะรับได้หรือเปล่า ผมก็โอเคไม่ซีเรียส จนกลับมาที่โรงพยาบาล หมอก็พูดประมาณนี้เช่นกัน และบอกว่า มีแนวโน้มประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ ที่จะเป็นทางเนื้อร้าย ผมก็รับได้ แต่แฟนนี่คือน้ำตาซึมแล้ว
• แล้วลักษณะของมะเร็งนี่คือยังไงครับ
คุณหมออธิบายให้ฟังว่าที่เป็นรอยอักเสบมันมีอยู่ 2 จุดใหญ่ๆ และมีจุดเล็กๆ อีก จุดใหญ่มีขนาด 10 คูณ 6.4 แล้วมีอีกก้อน ประมาณ 6 คูณ 7 คือสรุปว่ามี 2 ก้อนใหญ่ๆ แต่สรุปว่าส่งต่อไปที่โรงพยาบาลศูนย์ใหญ่ของภาคเลย เราก็ไปที่นั่น หมอก็เอาฟิล์มมาดู แล้วบอกตรงๆอีกแล้วว่า ไม่สามารถผ่าตัดได้ เพราะทั้งสองก้อน ในทางการแพทย์ ตัวแผลมันจะต้องเขยิบไปอีก 3 เซนติเมตร สมมติว่าแผลเราเป็น 1 เซนติเมตร จากเส้นขอบ คุณก็ต้องบวกจากเส้นขอบไปอีก 3 เซนติเมตร ซึ่งทั้ง 2 ก้อนถ้าบวกไปมาแล้วมันคือตัดตับทิ้งไปเลยไม่สามารถผ่าตัดได้ แล้วถ้าจะทำรังสี ก็ไปทำลายเซลส์ตับอีก ประมาณ 3 เซนติเมตรเหมือนกัน คือส่วนดีก็โดนทำลายทิ้ง หากมาที่การรักษาแบบคีโม ผมก็ทำไม่ได้อีก เพราะตัวเซลส์มะเร็งไปกินเส้นเลือดใหญ่ ซึ่งถ้าทำคีโมไป ทางการแพทย์ก็ไม่กล้าเสี่ยงที่จะทำให้ เพราะว่าเปอร์เซ็นต์ที่จะอุดตัน มันมีสูง คือถ้าเคมีที่ฉีดเข้าไปแล้วมันตัน มันก็เท่ากับว่าไปหยุดตับเลย คือในเชิงความเห็นของแพทย์เขาบอกว่าไม่สามารถทำได้ เพราะอย่างที่บอก กล่าวโดยสรุปคือ ทั้งสามอย่างไม่ได้หมดทุกอย่าง ผมก็เลยถามเขาตรงๆ ว่า แล้วจะทำยังไง เขาก็บอกว่า เดี๋ยวผมจะส่งกลับไปโรงพยาบาลต้นสังกัดและรักษาตามอาการไป ถ้าปวดก็ให้ยาแก้ปวด เป็นไข้ก็ให้ยาแก้ไข้ ผมก็เลยตัดสินใจถามตรงๆว่า ไม่มีทางรักษาแล้วใช่มั้ยครับ หมอก็บอกแบบอ่อยๆ เลยว่า ครับ คือทั้ง 3 ทางมันทำอะไรไม่ได้เลย แฟนผมนี่คือน้ำตาร่วงเลย ผมก็โอเคยอมรับสภาพตามนั้นละกัน
• แล้วไปเจอวิธีการรักษาแบบนี้ได้ยังไงครับ
ผมก็ขับรถกลับมาบ้าน และแฟนก็นั่งร้องไห้มาตลอดทาง จนกลับมาบ้านแบบเหนื่อยเลย หายใจยังเหนื่อย จังหวะนั้น แฟนก็เปิดเฟซบุ๊กดู หาข้อมูลอะไรไป แล้วมันมีเพจเมืองนอกเพจหนึ่ง เพจชื่อ themind ซึ่งมาตรงจังหวะพอดี มันมีบทความหนึ่งที่ว่า กัญชารักษามะเร็ง แฟนก็เลยอ่านโพสต์ดู สรุปคือ สาร CHC ในกัญชา สามารถยับยั้งและต่อต้านมะเร็งได้ ซึ่งบังเอิญว่าเราปลูกไว้ต้นนึงพอดีกำลังแก่ได้ที่ แต่ยังไม่แห้ง ผมก็เลยลองดู วันต่อมา แฟนก็ไปเด็ดยอดมา 2 ข้อนิ้วได้ ช่อนึง แล้วเอามาต้มน้ำร้อน กิน ซึ่งก่อนหน้าที่จะตัดสินใจใช้ ก็คุยกับแฟน 2 คนว่า จะใช้ด้วยวิธีไหนวะ เพราะทางเพจไม่ได้บอกวิธีใช้ไง เพียงแต่บอกว่ามีสารแค่นั้น ก็คุยปรึกษากัน ซึ่งจะให้สูบก็ไม่ได้เพราะว่ากำลังไอ แถมตอนนั้นเป็นหนักด้วย เพราะมะเร็งมันทำให้เลือดกับน้ำมันไม่เกาะกันไง แล้วน้ำก็ไปที่ช่องท้อง จนลามไปท่วมปอด ก็หายใจลำบาก แล้วก็ไอ ผมก็เลยสูบบุหรี่ไม่ได้เลย ผมเลยตัดสินใจต้มกินเลย ผมเลยให้แฟนเด็ดต้นมาแล้วมาต้มกินเหมือนกินกาแฟ
• หลังจากนั้นคุณก็รักษาตัวด้วยกัญชา ในวิธีการนี้เป็นต้นมา
ใช่ครับ ผมจะกิน 2 เวลา คือผมขออธิบายอย่างงี้ครับ ช่วงเช้า ผมจะรอให้คอแห้งเลย แล้วค่อยๆ เดินมา ดื่มจากถ้วยกาแฟ ที่แฟนทำให้ชงแบบอุ่นๆ กินตอนท้องว่างเลย 1 แก้ว และนั่งพัก และนั่งดมข้าว คือตอนนั้นกินข้าวเหมือนแมวนะ แมวกินขนาดไหน ผมก็กินแบบนั้น ทัพพีนึงยังเหลือ พอเริ่มทาน ก็ไปศึกษาทางมะเร็งเลยว่า หลักการทำงานของมันเป็นยังไง เริ่มเรียนรู้ไป จนพบว่า ตัวมะเร็งมันชอบโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ผมเลยคิดว่า ในทางทฤษฎี ถ้ามันกินโปรตีนแล้วเราก็ไม่ต้องกินมัน ให้มันอดไป แล้วมันชอบโปรตีนจากเนื้อสัตว์เป็นหลัก ชอบมากถึงมากที่สุด ผมเลยเปลี่ยนมากินโปรตีนเกษตรให้พอกล้อมแกล้มนิดหน่อย แล้วก็กินผัก เลยคิดได้ว่า สัตว์มันพันธุกรรมเดียวกับคนนี่หว่า ตัวอื่นๆ ก็กินผักเช่นกัน เลยทำให้เราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการกินไปด้วย คือมันเป็นอะไรที่ควบคู่เลยนะ เพราะว่าถ้ารักษาด้วยวิธีใดก็ตาม โปรตีนเป็นปัจจัยหลัก ที่ทำให้มะเร็งแข็งแรง ต่อให้คุณมียาที่ต้านมะเร็งได้สูง แต่ถ้าคุณเสิร์ฟอาหารให้มัน มันก็มีแรงที่จะต่อสู้กับเรา ผมเลยไม่ให้อาหารมันเลย พอมันหิวโซ เดินตัดเตะขาไปมันก็ร่วงแล้ว ผมเลยหยุดโปรตีนเลย ช่วงนั้นกินผักอย่างเดียว แล้วก็นมถั่วเหลืองเป็นตัวช่วย เพราะว่าถ้าเราไม่ได้รับโปรตีนเลย ก็จะไม่มีแรง เราเลยทานนมถั่วเหลืองตอนเย็น 1 กล่อง
ผมรักษาด้วยวิธีการนี้ประมาณ 3 เดือนได้ กินน้ำกัญชาแบบเดือดจากกาเลย ตอนแรกก็ 1 ช่อ ต่อมาก็นำมาตากแห้ง 2 ช่อเลย คือช่วงแรกๆ ที่กิน อาการไม่ทรุดไง ผมก็เลยแบบเข้าทางนี่หว่า เลยจัดเพิ่มเลย เช้า 2 ช่อ เย็น 2 ช่อ อยู่อย่างงี้ คือลักษณะการกินจะเป็น เช้า 2 ช่อ เย็นจะเอาของเก่ามากิน แบบละลายค้างไว้ก่อน คือพยายามดึงสารจากกัญชาให้ได้มากที่สุด ก็ยังไม่ทิ้ง เชี่อมั้ยว่า จากตอนแรกที่แทบเดินไม่ได้ นี่คือเริ่มอยากที่จะกลับมาทำงานแล้ว คือที่บ้านเป็นสวนไง แฟนไปตัดไว้แล้วยังคาๆ ตัดไม่เสร็จ เราก็แบกเครื่องตัดหญ้า ไปตัดได้ประมาณเกือบ 10 นาที แล้วก็นั่งพักประมาณครึ่งชั่วโมง พักเสร็จกลับมาตัดได้ประมาณ 2 รอบ เราเลยคิดว่าของมันดีว่ะ ก็เริ่มออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย คือตอนที่กินแรกๆ มันไม่ได้ยับยั้งสารมะเร็งอย่างเดียวนะ มันช่วยในการนอนหลับและอยากอาหาร โดยทฤษฎีคนที่เป็นมะเร็งมันจะเบื่ออาหาร กินอะไรไม่ได้ มันไม่มีความยาก ปากแห้ง แต่เจอสารนี้เข้าไป มันทำให้อยากอาหาร แล้วถ้าคุณกินอาหารได้ร่างกายคุณจะฟื้นตัวเร็ว เราสามารถกินอาหารได้ แล้วพอเรากินอาหารไป แต่ก็กินโปรตีนเกษตร พอ 3 เดือนผ่านไป มันดีขึ้น เดินได้ปกติ ทำงานได้แล้ว ทีนี้ของก็เริ่มหมด เลยลดปริมาณลง จาก 2 ช่อ เป็นช่อเดียว เช้าเย็นอย่างละช่อ จนพอใกล้หมดประมาณว่าพอดูดได้ เลยหยุดไปเลยเป็นเวลา 5 เดือนที่กิน จาก 3 เดือนแรกที่กินเช้าเย็น พอ 2 เดือนหลังก็เหลือแค่ช่วงละช่อ
จนครบ 5 เดือน ก็ลดเหลือวันละช่อ ช่วงเช้า ที่เหลือเอาไว้เติมน้ำร้อนกินตอนเย็นต่อ และก่อนนอนเสพไปมวนนึง เพราะจะได้นอนหลับ จนครบ 5 เดือน หลังจากนั้นมีบ้างไม่มีบ้าง ขาดบ้าง จนไปได้เม็ดมาก็เริ่มเพาะ กินใบเอา แต่ผมว่าช่วงที่รับ 5 เดือนมันโอเคนะ ผมว่าดีจากหน้ามือเป็นหลังตีนเลย ถ้ากินตามคอร์ส จากที่เตรียมเซ็นจองวัด กลับมาเป็นปกติได้
• หลังจากนั้น คุณได้กลับไปตรวจมะเร็งอีกครั้งหรือเปล่าครับ
ผมไปตรวจครั้งล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ ประมาณเดือนมิถุนายน ทำผลซีที คือก้อนมะเร็งมันยุบลงไปประมาณค่อนนึงเลย แต่ผมคุยกับหมอนะ เขาก็บอกไม่ได้นะว่ามีเหลืออยู่หรือเปล่า แต่ผมรู้สึกได้เลยว่า เหลือน้อยมาก ให้นึกภาพกระทะ แล้วมีไข่ดาว ไอ้กระทะกับขอบกระทะคือตัวเดิม แล้วไข่ดาวคือตัวที่ไปทำซีทีครั้งที่ 2 ซึ่งอยู่ในกระทะ แล้วมันจะมีจุดเล็กๆ ดำๆ อยู่กลางไข่ขาว ผมว่าน่าจะเป็นส่วนที่ยังเหลืออยู่ แต่ตัวไข่ขาว ถ้าให้ผมวิเคราะห์คือ น่าจะเป็นเซลส์ที่มันตายแล้ว น่าจะเป็นซากที่คาไว้ในตับ ซึ่งตอนนั้นค่าเลือดก็ยังไม่ลงเป็นปกติ เรื่องนี้ หมอก็งง ก็ถามผมว่าไปทำอะไรมา ผมก็ถามหมอกลับว่า รับได้มั้ย ถ้าโอเค ก็บอกไปตรงๆ เลย เขาก็อึ้งเลย แล้วก็บอกผมว่า ผมเรียนมาทางนี้นะ แต่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่เคยรู้เกี่ยวกับกัญชาเลย พอผมรักษาด้วยวิธีนี้ ผลเลือดก็ค่อยๆ ลดลงเลยนะ จนตรวจผลเลือดครั้งล่าสุด ค่าเลือดของผมอยู่ที่ 11.5 ซึ่งเทียบเท่ากับคนทั่วไปที่สูบบุหรี่ ที่ค่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ 0-15 ผมเลยโอเคแล้ว แต่ก็ยังรักษาตัวเองต่อไป
• แล้วปัจจุบันนี้ ก็ยังรักษาตัวเองและใช้ชีวิตต่อไป
ใช่ครับ ทุกวันนี้ผมก็ยังกินเช้าอยู่ เอาใบสดมาชงกาแฟกินตอนเช้า ตอนแรกชงกับน้ำอุ่น แต่ตอนหลังขี้เกียจ เลยชงผสมกับน้ำตาล กาแฟ ใส่ กินคู่ไปเลย คนที่เจอผมในตอนแรกนะ มาเยี่ยมแบบมาดูใจแล้ว พอมาเจอกันอีกที กลายเป็นว่าดีขึ้น คนที่รู้ข่าว ผมเลยเป็นที่ปรึกษาให้เขาเลย เพราะว่าเคยไปเจอผู้ป่วยมะเร็งคนนึง เขาเป็นที่ลำไส้ ผมก็คุยเรื่องนี้ให้เขาฟัง แต่เขารักษาแบบแผนจีน ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังไม่หายนะ คือทุกวันนี้โทร.ตามผมใหญ่เลย เพราะเขาไปเล่าให้เพื่อนเขาฟัง แล้วเพื่อนเขาเป็นหนักกว่าผมอีก คือเขาแนะนำ เขาเลยไปหามาได้ 5 ช่อ เขากินไป 2 ช่อ ตอนนี้เขาก็อาการดีขึ้นเลย มาถึงขั้นขออาหาร จากที่กินไม่ได้ เลยดีขึ้น เขาเลยมาขอของผมใหญ่เลย คืออยากจะช่วยเขานะ แต่มันผิดกฎหมายไง คือที่คุยกับแอดมินเพจ ‘กัญชาชน’ เพราะว่าอยากแชร์ประสบการณ์ให้เฉยๆ แต่ไม่ได้แบบช่วยหาของอะไร แต่เราเข้าใจนะว่า ชีวิตคนถ้ามันอยู่ต่อก็อาจจะทำอะไรได้หลายๆ อย่างนะ ส่วนการทำงาน ก็ทำงานได้ปกติ แต่จะมีตรงที่ไม่เหมือนเดิมก็คือ ตับของเรามันโดนทำลายไป มันส่งผลให้ระยะเวลาทำงานมันเหนื่อยง่ายกว่า เปรียบกับเอาลาไปลากซุงน่ะ มันเป็นลักษณะอย่างงั้น แต่ร่างกายปกติ คือทำงานและยกของหนักได้ แต่อาจจะไม่นานก็ต้องพัก ประมาณนี้ครับ
เรื่อง : สรวัจน์ ศิลปโรจนพาณิช
ภาพ : pixabay.com และ แฟนเพจ กัญชาชน