xs
xsm
sm
md
lg

เศร้า! ส่งน้องหมาผ่านคาร์โก้ “นกแอร์” ถึงที่หมายแบบไร้ชีวิต ด้านสายการบินปัดรับผิดชอบ ล่าสุด “พาที” ออกโรงขอโทษแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สมาชิกเฟซบุ๊กเผยเรื่องเศร้า ส่งน้องหมาไซบีเรียนฮัสกี้ฯ ผ่านคาร์โก้ “นกแอร์” แต่กลับถึงที่หมายแบบไร้ชีวิต ด้านสายการบินส่งเมลแจ้ง “ไม่ชดใช้และรับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น” แถมโบ้ยหมาตายก่อนขึ้นเครื่อง ล่าสุด “พาที” ออกโรงขอโทษแล้ว บอกขอชดใช้ตามสมควร ก่อนลั่นต่อไปไม่รับสัตว์เลี้ยงหวั่นซ้ำรอย

เมื่อช่วงค่ำวันวานที่ผ่านมา สมาชิกเฟซบุ๊ก Itsares Khumdee ได้มีการเผยถึงเรื่องราวที่น่าเศร้า โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2559 ที่ผ่านมา ตนเองได้ส่งสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้วูลลี่ ชื่อ “พอใจ” ไปให้กับผู้ซื้อ ซึ่งอยู่ที่ จ.ตรัง ผ่านทางคาร์โก้ของสายการบินนกแอร์ เที่ยวบิน DD7410

อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา ตนได้รับทราบจากเจ้าของใหม่ของ “พอใจ” ว่า มันได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งทำให้ตนตกใจอย่างมาก เพราะก่อนส่งไปเจ้าพอใจยังคงวิ่งเล่นอย่างสดใสร่าเริง และเมื่อตนตรวจสอบไปยังสายการบิน ก็ได้คำตอบว่าไม่ทราบสาเหตุ ที่สำคัญก็คือ ทางเจ้าหน้าที่คาร์โก้นกแอร์ที่ตรัง ได้แจ้งว่า สุนัขตายตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่องแล้ว

ขอเรียกร้องความยุติธรรมให้น้องพอใจ

เนื่องด้วยวันที่ 12 ก.ค. 2559 เวลา 14:00 น. ที่ผ่านมา ผมได้ส่งน้องพอใจย้ายบ้านให้กับพ่อแม่ใหม่ที่จังหวัดตรัง ส่งโดยคาร์โก้ของสายการบินนกแอร์ เที่ยวบิน DD7410 โดยพอไปถึงสนามบินทางเจ้าหน้าที่ก็ให้เปลี่ยนบล็อกใส่น้องหมาที่ผมเตรียมมา โดยแจ้งว่า มีขนาดเล็กเกินไป ผมก็ได้เปลี่ยนบล็อกตามที่พนักงานแจ้งในราคา 1,300 บาท และเสียค่าส่งทางเครื่องบินราคา 860 บาท โดยเครื่องบินจะเดินทางไปตรังเวลา 16:00 น. แต่กฎต้องนำสัตว์เลี้ยงมาก่อน 2 ชั่วโมง ซึ่งผมได้ถามกับเจ้าหน้าที่แล้วว่า น้องหมาช่วงรอขึ้นเครื่องจะอยู่ห้องแอร์ตลอดเลยใช่ไหม พนักงานแจ้งว่าอยู่ห้องแอร์ตลอด ผมก็วางใจ และผมก็เดินทางกลับมาที่พัก และแจ้งให้กับพ่อแม่ใหม่น้องพอใจทราบว่าส่งน้องแล้ว และให้มารอรับที่สนามบิน จ.ตรัง เวลา 17:20 นาที

แต่เมื่อถึงเวลาผมก็ได้รับข่าวร้ายว่าน้องพอใจตาย โดยพ่อแม่ใหม่ที่มารับน้องพอใจได้แจ้งว่า สภาพน้องมีอาการตัวแข็งเกร็ง ตาไม่หลับ เหงือกซีด และอุจจาระแตกเรี่ยราด ผมได้ยินข่าวถึงกลับขาทรุด ไม่เคยคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับน้องหมาที่ผมรัก เพราะก่อนส่งขึ้นเครื่องน้องยังวิ่งเล่นแข็งแรงสดใสอยู่เลย ตอนนั้นผมยอมรับว่าทำอะไรไม่ถูก น้ำตาไหล คิดแต่โทษตัวเองที่ไม่น่าส่งน้องไปตาย แต่พอมีสติก็ได้โทร.ไปถามทางคาร์โก้นกแอร์ ทางเจ้าหน้าที่หัวหน้าคาร์โก้ ชื่อ อมร ก็ได้บอกว่าไม่ทราบสาเหตุจะตรวจกล้องวงจรปิดให้ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมเสียใจหนักกว่าเดิม คือ ทางเจ้าหน้าที่คาร์โก้นกแอร์ที่ตรัง ได้แจ้งกับพ่อแม่ใหม่ที่มารับน้องพอใจ ว่า น้องพอใจตายก่อนขึ้นเครื่องแล้ว เพื่อปัดความรับผิดชอบ และทำให้ผมเกิดความเสียหายเหมือนส่งน้องหมาที่ตายไปให้

โชคดีที่ผมอัปรูปในเฟซบุ๊กตั้งแต่ก่อนส่ง และส่งแล้วให้พ่อแม่ใหม่ของน้องพอใจดูตลอด รวมถึงยังมีหลักฐานกล้องวงจรปิดที่สนามบินอีกด้วย พอตั้งสติได้สิ่งแรกที่ผมทำ คือ การโอนเงินค่านมทั้งหมดคืนให้กับพ่อแม่ใหม่น้องพอใจ จำนวนเงิน 16,000 บาท เพื่อแสดงความรับผิดชอบของผม และกล่าวขอโทษจากใจจริง ซึ่งทางพ่อแม่ใหม่น้องพอใจก็เข้าใจว่าเรื่องแบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และยังแสดงความเป็นห่วงผมว่าแล้วทางสายการบินนกแอร์จะช่วยเหลือ หรือรับผิดชอบกับเหตุการณ์นี้อย่างไรบ้าง ผมก็ได้แต่บอกว่ายังไม่รู้จริง ๆ ว่าเค้าจะทำอย่างไร แต่ก็ได้แต่ภาวนาให้ทางสายการบินนกแอร์ได้ช่วยเหลือหรือเยียวยาจิตใจ เพื่อแสดงความรับผิดชอบอะไรบ้าง

และอีก 3 วัน เจ้าหน้าที่หัวหน้าคาร์โก้ที่ชื่อ อมร ก็ได้นัดผมไปดูกล้องวงจรปิดที่สนามบิน ซึ่งพอไปถึงผมก็ได้ตรวจดูกล้องวงจรปิดเวลาทั้งหมด และได้ยืนยันกับเจ้าหน้าที่ว่าน้องพอใจสุขภาพแข็งแรงร่าเริง ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็รับทราบ เพราะเห็นจากกล้องวงจรปิด แต่ที่ผมตกใจ คือ น้องพอใจอยู่ในห้องแอร์ที่เตรียมไว้ไม่ถึง 15 นาที ที่เหลืออยู่ข้างนอกห้องที่อากาศไม่ค่อยถ่ายเท และไม่มีแม้แต่พัดลม ซึ่งไม่ตรงกับที่พนักงานแจ้งผมไว้ตอนที่ส่งน้องพอใจว่าอยู่ห้องแอร์ตลอด ซึ่งพนักงานบอกว่าเป็นขั้นตอนของการส่ง แต่นี่คือสิ่งมีชีวิตไม่ใช่สิ่งของที่คุณจะเอาไปตั้งวางตรงไหนก็ได้ โดยเฉพาะกับลูกสุนัขไซบีเรียนฮัสกี้วูลลี่ที่มีขนที่หนาและขี้ร้อนมากอยู่แล้ว และวันนั้นทางหัวหน้าคาร์โก้ก็ได้ให้ผมส่งเมลเขียนร้องเรียนความเสียหายที่เกิดขึ้นให้กับเค้า โดยจะใช้เวลาประมาณ 14 วัน ถึงจะรู้ผล

โดยภายใน 14 วันที่ผ่านมา ผมได้แต่เก็บความเสียใจไว้คนเดียว และหวังว่า ทางคาร์โก้สายการบินนกแอร์จะชดเชย หรือรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้ไม่มากก็น้อย เพราะส่วนหนึ่งผมก็เป็นลูกค้าของสายการบินนกแอร์มาโดยตลอด และโปรโมตว่า เป็นสายการบินของคนไทย ผมได้แต่หวังว่าเค้าคงจะคิดถึงใจเค้าใจเราบ้างว่า แค่น้องหมาตายก็เสียใจมากอยู่แล้ว ยังต้องเสียค่าใช้จ่ายอีกมากมายในการมาส่งอีก เพราะวันนั้นผมต้องขับรถจากเพชรบูรณ์เพื่อมาส่งน้องพอใจที่ดอนเมือง และนี่คือ น้องหมาคลอกแรกของผมที่ผมทำคลอดเองกับมือ และเลี้ยงด้วยความรักทุกตัว ที่สำคัญนี่คือการส่งน้องหมาครั้งแรกของผมทางเครื่องบินอีกด้วยครับ และวันนี้ทางคาร์โก้สายการบินนกแอร์ได้แจ้งมาทางเมลของผมว่า “ทางสายการบินไม่ชดใช้และรับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น” ทำให้ผมตัดสินใจที่จะเขียนเรื่องที่เกิดขึ้นจริงนี้เพื่อเป็นอุทาหรณ์ และเรียกร้องความยุติธรรมให้กับน้องพอใจครับ

***ข้อสงสัยในการตายของน้องพอใจ ระหว่างการขนส่งทางเครื่องบินนกแอร์
1. เกิดอาการเพลียและอ่อนล้าจากการที่ต้องอยู่ในห้องหลังคาร์โก้ที่อากาศไม่ถ่ายเท ไม่มีแอร์และพัดลม รวมถึงไปอยู่ลานตึกด้านนอกของสนามบิน ซึ่งมีความร้อนไปรอก่อนขึ้นเครื่องประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง

2. ตอนที่อยู่ใต้เครื่อง ได้เปิดปรับแรงกดอากาศและมีอากาศที่เพียงพอที่น้องหมาจะหายใจได้หรือไม่ เพราะสภาพการตายของน้องพอใจเหมือนเจอแรงกดอากาศทุรนทุรายจากการขาดอากาศหายใจ

#สุดท้ายนี้พ่ออยากบอกว่าพ่อขอโทษที่ส่งหนูไป ถ้าย้อนกลับได้พ่อจะไม่ส่งหนูไปไหนหรือไม่พ่อก็จะขับรถไปส่งหนูพอใจด้วยตัวเอง ตอนนี้พ่อทำบุญให้หนูไปแล้วหวังว่าหนูจะได้ไปอยู่ในภพภูมิที่ดีนะลูก....




โดยหลังจากที่เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกมาจนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วนั้น ล่าสุดทาง “พาที สารสิน” ผู้บริหารของสายการบินนกแอร์ ก็ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กตนเอง โดยระบุว่า...“ทางนกแอร์ต้องขออภัยและเสียใจในการสูญเสียของน้องพอใจ และจะชดใช้ตามความเหมาะสมนะครับ และเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องแแบนี้อีก เราจะไม่รับสัตว์เลี้ยงอีกต่อไป ขอบคุณครับ”


กำลังโหลดความคิดเห็น