xs
xsm
sm
md
lg

อุทาหรณ์คนรักสัตว์... ขนส่งติดปีก พรากชีวิตเจ้าสี่ขา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บทเรียนครั้งใหญ่! สำหรับสายการบิน “นกแอร์” และเจ้าของ “น้องพอใจ” น้องหมาไซบีเรียนฮัสกี้ฯ ที่ถูกขนลงใต้ท้องเครื่องตามระบบของ “คาร์โก้” หวังส่งมอบความน่ารักให้ถึงมือเจ้าของรายใหม่ แต่กลับกลายเป็นการส่งมอบความตายให้เจ้าสี่ขาตัวนี้แทน ล่าสุด ทางสายการบินออกมารับผิดชอบและถึงกับ “สั่งปิดบริการขนส่งสัตว์เลี้ยง” เรียบร้อยแล้ว บอกเลยว่าเรื่องเหล่านี้ละเอียดอ่อนเกินกว่าจะรับไหวจริงๆ



อ่อนไหวเกินไป ขอปิดให้บริการขนส่งสัตว์เลี้ยง!!

[โพสต์ไว้อาลัยและทวงความยุติธรรมให้ "น้องพอใจ"]
“ทางนกแอร์ต้องขออภัยและเสียใจในการสูญเสียของน้องพอใจ และจะชดใช้ตามความเหมาะสมนะครับ และเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องแแบนี้อีก เราจะไม่รับสัตว์เลี้ยงอีกต่อไป ขอบคุณครับ”

พาที สารสิน ผู้บริหารสายการบินนกแอร์ ได้ออกมาประกาศผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว หลังถูกคนรักสัตว์รุมยำอย่างหนัก จากกรณี “น้องพอใจ” น้องหมาไซบีเรียนฮัสกี้ฯ ที่กลายเป็นศพหลังใช้บริการขนส่งในนาม “คาร์โก้” ซึ่งอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของสายการบินนกแอร์ ตามมาด้วย “ประกาศยกเลิกบริการขนส่งสัตว์เลี้ยง” อย่างเป็นทางการจากสายการบิน ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค.59 เป็นต้นไป

[ผู้บริการสายการบิน ออกมาโพสต์ชี้แจงอย่างเป็นทางการ]

“เนื่องจากบริษัทฯ ประสบปัญหาในการขนส่งสัตว์เลี้ยงมาโดยตลอด แม้จะได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดแล้วก็ตาม เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าว บริษัทฯ จึงใคร่ขอยกเลิกการขนส่งสัตว์เลี้ยงตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ยกเว้นสุนัขนำทางสำหรับบุคคลพิการ ยังสามารถเดินทางได้ตามปกติ และสำหรับผู้โดยสารที่ได้ทำการจองบัตรโดยสารไว้กับทางสายการบิน และประสงค์จะเดินทางพร้อมกับสัตว์เลี้ยง สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ นกแอร์ Call Center โทร.1318"

[ตัดสินใจประกาศปิดบริการขนส่งสัตว์เลี้ยง]

ย้อนกลับไปในวันเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา อิศเรศ เจ้าของน้องพอใจเดินทางไปยังสนามบินดอนเมือง เพื่อขนส่งเจ้าสี่ขาขนนุ่มตัวนี้ไปกับเที่ยวบิน DD7410 หวังให้ถึงมือ “เจ้าของรายใหม่” ที่รออยู่สนามบินปลายทาง จ.ตรัง ตามที่ได้ตกลงซื้อขายหนึ่งในสุนัขคลอกแรกในชีวิต ที่เขาทำคลอดเองและเลี้ยงมาเองกับมือ แต่เมื่อเปิดสัมภาระที่ปลายทางดู กลับพบเพียง “ร่างไร้วิญญาณ” ของเจ้าสี่ขาเคราะห์ร้ายตัวนี้เสียแล้ว
ส่วนสาเหตุการตายนั้น เจ้าตัวได้ตั้งข้อสันนิษฐานไว้ว่า อาจเกิดจากอาการอ่อนเพลียของน้องพอใจ ที่ต้องอยู่ในห้องคลังคาร์โก้ที่อากาศไม่ถ่ายเท ไม่มีแม้กระทั่งแอร์หรือพัดลม รวมถึงต้องผจญกับความร้อน ขณะรออยู่บริเวณลานตึกด้านนอกของสนามบินก่อนขึ้นเครื่องอีกประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง

และเมื่อพิจารณาจากร่างไร้วิญญาณดูแล้ว พบว่ามีลักษณะเหมือนขาดใจเพราะทุรนทุรายจากแรงกดอากาศ จึงคาดว่าอาจเป็นเพราะตลอดระยะเวลาที่อยู่ใต้ท้องเครื่องนั้น ไม่มีการเปิดเครื่องปรับแรงกดอากาศ เพื่อให้น้องหมาได้มีอากาศที่เพียงพอต่อการหายใจหรือเปล่า

หลังทนรอผลตอบรับจากสายการบินอยู่นานถึง 14 วันตามคำแนะนำ เพื่อพบคำตอบผ่านอีเมลกลับมาเพียงว่า 'ทางสายการบินไม่ชดใช้และรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น' ผู้เสียหายจึงตัดสินใจโพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว “Itsares Khumdee” ด้วยใจสุดบอบช้ำ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้น้องหมาและตัวเขา กระทั่งเรื่องราวกลายเป็นประเด็นร้อนจากเรื่องเล่าเหล่านี้...

“เมื่อถึงเวลาผมก็ได้รับข่าวร้ายว่าน้องพอใจตาย โดยพ่อแม่ใหม่ที่มารับน้องพอใจได้แจ้งว่า สภาพน้องมีอาการตัวแข็งเกร็ง ตาไม่หลับ เหงือกซีด และอุจจาระแตกเรี่ยราด ผมได้ยินข่าวถึงกลับขาทรุด ไม่เคยคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับน้องหมาที่ผมรัก เพราะก่อนส่งขึ้นเครื่องน้องยังวิ่งเล่นแข็งแรงสดใสอยู่เลย

ตอนนั้นผมยอมรับว่าทำอะไรไม่ถูก น้ำตาไหล คิดแต่โทษตัวเองที่ไม่น่าส่งน้องไปตาย แต่พอมีสติก็ได้โทร.ไปถามทางคาร์โก้นกแอร์ ทางเจ้าหน้าที่หัวหน้าคาร์โก้ ชื่อ 'อมร' ก็ได้บอกว่าไม่ทราบสาเหตุ จะตรวจกล้องวงจรปิดให้ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมเสียใจหนักกว่าเดิม คือทางเจ้าหน้าที่คาร์โก้นกแอร์ที่ตรัง ได้แจ้งกับพ่อแม่ใหม่ที่มารับน้องพอใจ ว่า น้องพอใจตายก่อนขึ้นเครื่องแล้ว เพื่อปัดความรับผิดชอบ และทำให้ผมเกิดความเสียหายเหมือนส่งน้องหมาที่ตายไปให้

[สิ้นลมหายใจเมื่อถึงปลายทาง]

โชคดีที่ผมอัปรูปในเฟซบุ๊กตั้งแต่ก่อนส่ง และส่งแล้วให้พ่อแม่ใหม่ของน้องพอใจดูตลอด รวมถึงยังมีหลักฐานกล้องวงจรปิดที่สนามบินอีกด้วย พอตั้งสติได้สิ่งแรกที่ผมทำ คือการโอนเงินค่านมทั้งหมดคืนให้กับพ่อแม่ใหม่น้องพอใจ จำนวนเงิน 16,000 บาท เพื่อแสดงความรับผิดชอบของผม และกล่าวขอโทษจากใจจริง ซึ่งทางพ่อแม่ใหม่น้องพอใจก็เข้าใจว่า เรื่องแบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น

พอไปถึงผมก็ได้ตรวจดูกล้องวงจรปิดเวลาทั้งหมด ที่ผมตกใจคือน้องพอใจอยู่ในห้องแอร์ที่เตรียมไว้ไม่ถึง 15 นาที ที่เหลืออยู่ข้างนอกห้องที่อากาศไม่ค่อยถ่ายเท และไม่มีแม้แต่พัดลม ซึ่งไม่ตรงกับที่พนักงานแจ้งผมไว้ ตอนที่ส่งน้องพอใจว่าอยู่ห้องแอร์ตลอด ซึ่งพนักงานบอกว่าเป็นขั้นตอนของการส่ง แต่นี่คือสิ่งมีชีวิตไม่ใช่สิ่งของที่คุณจะเอาไปตั้งวางตรงไหนก็ได้ โดยเฉพาะกับ 'ลูกสุนัขไซบีเรียนฮัสกี้วูลลี่' ที่มีขนที่หนาและขี้ร้อนมากอยู่แล้ว

สุดท้ายนี้พ่ออยากบอกว่า พ่อขอโทษที่ส่งหนูไป ถ้าย้อนกลับได้ พ่อจะไม่ส่งหนูไปไหน หรือไม่พ่อก็จะขับรถไปส่งหนูพอใจด้วยตัวเอง ตอนนี้พ่อทำบุญให้หนูไปแล้ว หวังว่าหนูจะได้ไปอยู่ในภพภูมิที่ดีนะลูก...



ถ้าไม่อยากสูญเสียซ้ำรอย “น้องพอใจ”...

เพื่อให้เข้าใจตรงกัน สิ่งที่ทุกคนควรทราบก็คือตาม “พระราชบัญญัติการรับขนทางอากาศระหว่างประเทศ พ.ศ. 2558” ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการรับขนคนโดยสาร สัมภาระ หรือของทางอากาศโดยอากาศยานเอาไว้อย่างชัดเจนว่า สัตว์เลี้ยงจะถูกบรรจุอยู่ในบรรจุภัณฑ์ และขนส่งใต้เครื่องรวมกับสัมภาระอื่นๆ ตามระเบียบของสายการบิน ซึ่งทางผู้ส่งจะได้รับเอกสารสำคัญที่เรียกว่า “Airway Bills” เพื่อบันทึกหลักฐานการขนส่งเก็บไว้กับตัว หลังทำตามขั้นตอนทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ ก่อนจะพาเจ้าสี่ขาขึ้นเครื่องได้ ผู้โดยสารจะต้องเซ็นเอกสาร “หนังสือรับทราบคำเตือนเกี่ยวกับการรับขนส่งสัตว์เลี้ยง” ซึ่งบางสายการบินจะระบุไว้ในเอกสารฉบับนี้อย่างชัดเจนว่า “อาจไม่รับผิดชอบในการตาย, บาดเจ็บ, ทุพพลภาพ, เป็นโรค, รวมทั้งอาการอื่นใดของสัตว์ที่เกิดขึ้นก่อน ระหว่าง หรือหลังการขนส่ง” ขึ้นอยู่กับแนวทางของแต่ละสายการบิน

โดยส่วนใหญ่แล้ว ทุกสายการบินจะต้องทำตามแนวปฏิบัติของ “International Air Transport Association: IATA” เป็นหลัก ซึ่งจะให้ความสำคัญกับเรื่อง “บรรจุภัณฑ์ที่จะขนส่งสิ่งมีชีวิต” ว่ามีขนาดเหมาะสมหรือไม่ โดยพิจารณาจาก “ตัวกรง” ที่ต้องมีขนาดกว้างเพียงพอ สำหรับน้องหมาหรือสัตว์ชนิดอื่นๆ จะสามารถยืน พลิกตัว หรือนอนตามปกติได้ และหากพบว่าตัวกรงที่จะขนส่งไม่ได้มาตรฐาน สายการบินสามารถปฏิเสธการให้บริการได้

นอกจากนี้ สภาพกรงยังต้องมีความแข็งแรงเพียงพอ สามารถป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับสิ่งมีชีวิตในกรงนั้นได้ตลอดระยะเวลาที่เครื่องขึ้นกระทั่งลงจอด โดยตรงกรงจะต้องมีส่วนประกอบ 3 ด้านเป็นอย่างน้อย และประตูกรงก็ต้องล็อกได้อย่างแน่นหนา ป้องกันการเปิดออกโดยไม่ได้ตั้งใจ รวมถึงต้องมีคำแนะนำเรื่องการให้อาหารและน้ำแก่น้องหมา ติดเอาไว้ข้างๆ กรงด้วย ซึ่งในเรื่องของบรรจุภัณฑ์ตรงนี้ ทางคาร์โก้โดยสารการบินนกแอร์ ได้ทำตามมาตรฐานสากลอย่างดีแล้ว

[บรรจุภัณฑ์ที่สายการบินต้องควบคุมให้อยู่ในมาตรฐานสากล]

จากกรณีความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับ “น้องพอใจ” ในครั้งนี้ แม้จะยังไม่ทราบสาเหตุการตายที่แน่ชัด แต่ก็ถือเป็นอุทาหรณ์ครั้งใหญ่ให้คนรักสัตว์ได้ระมัดระวังเรื่องเหล่านี้กันมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพของน้องหมา ซึ่งถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก จำเป็นต้องตรวจเช็กจนแน่ใจว่าเจ้าตัวน้อยพร้อมเดินทางร้อยเปอร์เซ็นต์

เพื่อเป็นอุทาหรณ์ต่อการขนส่งในครั้งต่อๆ ไป หากไม่ต้องการให้ความสูญเสียเกิดขึ้นซ้ำรอยเดิมอีกในอนาคต นี่คือคำแนะนำจากคนรักหมาในนาม “Britney” ซึ่งขอฝากข้อควรระวังเอาไว้ ผ่านเว็บบอร์ด dogilike.com

1.ต้องพาน้องหมาไปตรวจสุขภาพอย่างละเอียด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีอาการเจ็บป่วยใดๆ และควรให้ฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขเอาไว้ด้วย

2.หากเป็นน้องหมาสายพันธุ์ที่ง่ายต่อการมีปัญหาทางสุขภาพ เช่น น้องหมาสายพันธุ์หน้าสั้น ควรปรึกษาแพทย์ถึงเรื่องข้อควรปฏิบัติในการเดินทางทางเครื่องบินอย่างละเอียด

3.เจ้าของสัตว์ จำเป็นจะต้องจองพื้นที่เอาไว้สำหรับน้องหมาในการเดินทาง ซึ่งต้องพูดคุยรายละเอียดกับตัวพนักงานให้ชัดเจนว่า จะนำเจ้าสี่ขาแสนรักของเราเดินทางไปโดยวิธีใด จากนั้นให้เจ้าของแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับขนาด น้ำหนัก และอายุของน้องหมาเอาไว้ด้วย

4.งดให้อาหารและน้ำแก่เจ้าสี่ขา ก่อนเวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง และถ้าหากเขามีประวัติเมารถ ให้เจ้าของขอยาแก้เมาจากสัตวแพทย์มาป้อนให้น้องหมาก่อนออกเดินทาง

5.ก่อนโหลดน้องหมาลงใต้เครื่อง ควรพาเขาไปขับถ่ายให้เรียบร้อย หรืออาจใช้วิธีสวมแพมเพิร์สให้น้องหมาด้วยก็ได้

“การศึกษาข้อบังคับก่อนการเดินทางเป็นเรื่องสำคัญมากนะคะ รวมทั้งต้องเช็กสุขภาพน้องกับคุณหมอให้แน่ใจด้วย เพื่อลดความเสี่ยงใดๆ ที่จะเกิดขึ้นในระหว่างเดินทาง เพราะเราต้องคำนึงตลอดว่า เราไม่สามารถดูแลน้องได้ตลอดการเดินทาง จะเจอกันอีกทีก็ตอนที่เครื่องแลนดิ้งที่จุดหมายแล้วเท่านั้น

[ภาพสุดท้ายของ "น้องพอใจ" ขณะมีชีวิต]

ข่าวโดย ผู้จัดการ Live




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น