MGR Online - ชมคลิปร้อยเอกวัย 29 ปี ที่สั่งลงโทษสิบโทจนเสียชีวิต ระบุเกินความคาดหมาย ย้ำตัวเองถูกลงโทษสั่งกักบริเวณ ตั้งกรรมการสอบแล้ว ไม่ได้มีเจตนาหลบเลี่ยง ด้านผลการเจรจาเยียวยาไม่ลงตัว ยินดีช่วยแต่เงินเดือนแค่ 2 หมื่น พ่อเสียอายุ 12 ต้องส่งน้องเรียน ครอบครัวหวั่นถูกบิดพลิ้วขอสัญญาลายลักษณ์อักษรชัดเจน
จากกรณีที่ ส.ท.ปัญญา เงินเหรียญ หรือ เอ็ม อายุ 23 ปี นักเรียนนายสิบฝ่ายการเงิน รุ่น 16 สังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรททหารราบที่ 19 (ร.19 พัน 3) กองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ถูกนายทหารยศ “ร้อยเอก” สั่งลงโทษทางวินัยจนเสียชีวิตที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ด้วยสาเหตุโรคลมร้อน หรือ ฮีตสโตรก กระทั่งวันที่ 25 มิ.ย. ร.อ.ชัยยุทธ ครุธเวโช หรือ ต้น ผู้บังคับกองร้อยอาวุธเบา สังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 19 (ร.19 พัน.3) ได้เข้าขอขมาต่อ นายบุญพาน และ นางอนงค์ เงินเหรียญ บิดาและมารดาของ ส.ท.ปัญญา ที่บ้านเลขที่ 99/19 บ้านทุ่งก้างย่าง แปลง 3 หมู่ 3 ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี สถานที่ตั้งสวดพระอภิธรรมศพ ส.ท.ปัญญา รวมทั้งจุดธูปไหว้ขอขมาต่อหน้าโลงศพด้วย โดยมีทหารร่วมเดินทางไปด้วยประมาณ 10 นาย โดยมีการพูดคุยกันประมาณ 1 ชั่วโมง ร้อยเอก ชัยยุทธ จึงขออนุญาตลากลับ พร้อมกับแจ้งว่า อีกประมาณ 1 - 2 วัน จะมาร่วมฟังพิธีสวดพระอภิธรรม พร้อมกับผู้บังคับบัญชาระดับสูง
เฟซบุ๊ก “Nuttiez Wisetanupong” ได้เปิดเผยวิดีโอคลิปการสนทนาระหว่าง ร.อ.ชัยยุทธ กับมารดา ครูอาจารย์ และเพื่อนร่วมรุ่นโรงเรียนมัธยม ของ ส.ท.ปัญญา ความยาวประมาณ 4 นาที นางอนงค์ ระบุว่า ให้ตรึกตรองว่าในเมื่อเรามีอำนาจ ก็ใช้อำนาจไม่เหมือนกัน ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา คิดว่ากว่าจะเลี้ยงลูกมาต้องลำบากขนาดไหน และร่างกายคนเราไม่เหมือนกัน
เมื่อเพื่อนของ ส.ท.ปัญญา ถามว่า แล้วชีวิตของพ่อกับแม่ที่เหลืออยู่ใครจะรับผิดชอบ นางอนงค์ ตอบทันทีว่า จะไปถามอย่างนั้นได้ยังไง ไม่ใช่พ่อแม่เขา ถูกไหม โดยที่ ร.อ.ชัยยุทธ ได้แต่หัวเราะเล็กน้อย เพื่อนอีกคนหนึ่งถามว่า ส.ท.ปัญญา เสียชีวิตเพราะอะไร จากข่าวที่บอกว่าเพราะอ่อนแอนั้น ไม่สมศักดิ์ศรีของทหาร
นางอนงค์ ถามต่อว่า ถ้า ส.ท.ปัญญา ผิดจริง ผิดเพราะอะไร อาจจะไม่รับฟังก็ได้ ถึงได้เป็นแบบนี้ ถ้ารับฟังสักนิดมันก็ไม่เป็นแบบนี้ ถามว่า ร.อ.ชัยยุทธ เคยขอหัวหน้าเขามาไหม ร.อ.ชัยยุทธ ก็ตอบว่า ผมขอหัวหน้า นางอนงค์ สวนกลับว่า “ผมขอแต่เอาตัวมาแล้ว ไม่ใช่ ถ้าเป็นคุณ คุณก็ไม่ยอม ถามว่าเอาลูกน้องมาทำไม เป็นเพราะเหตุอะไร คุณต้องพูดจาตรงนั้น แต่นี่คุณไม่พูด แล้วก็รู้ว่าเวลาทานข้าวคือ 11.00 - 11.30 น. สั่งเรียกเอ็มมาตอนไหน กี่โมง แล้วคุณเอาไปทำอะไร คุณบอกหัวหน้าเขาหรือเปล่า คุณก็มีความผิดตรงนี้แล้ว คุณเอาตัวมาแล้ว มาฐานะอะไรคุณก็ไม่ได้บอกเขา”
ชมคลิปจากเฟซบุ๊ก "Nutchariya Thangsri" คลิกที่นี่
อีกคลิปหนึ่ง มาจากเฟซบุ๊ก “Nutchariya Thangsri” ความยาวประมาณ 30 นาที โดย ร.อ.ชัยยุทธ กล่าวว่า ตนถูกลงโทษด้วยการกักบริเวณ ตอนนี้ก็ยังถูกกัก ตนขอทุกวิถีทางเพื่อที่จะมาขอขมา ถ้าจะให้รอตนไม่รู้ว่าจะพ้นโทษเมื่อไหร่ ก็ต้องโดนไปเรื่อย ๆ เมื่อถามว่า ถูกลงโทษอะไรบ้าง ร.อ.ชัยยุทธ กล่าวว่า ตนถูกกักบริเวณ จึงไม่ได้ไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล และถูกสอบสวนจากคณะกรรมการของกองพันทหารราบที่ 3 ครั้งหนึ่ง และของกรมทหารราบที่ 19 อีกครั้งหนึ่ง ตอนนี้ตนก็ยังโดนกักบริเวณ แต่วันนี้ตนขออนุญาต ยังไงก็ต้องมาให้ได้ ตนไม่ได้มีเจตนาที่จะหลบอะไร ไม่งั้นทุกคนก็จะเข้าใจผิดว่าตนหลบ ตนเห็น ตนก็ต้องมา
เมื่อถามว่า การสั่งลงโทษ ส.ท.ปัญญา มากเกินไปหรือไม่ ร.อ.ชัยยุทธ กล่าวว่า มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว เมื่อถามว่า ถูกต้องหรือไม่ที่สั่งลงโทษนายสิบที่อยู่ใต้บังคับบัญชา ซึ่งผิดตรงที่ไม่ได้ขออนุญาตไป เขา โทร.มาบอก ซึ่งไม่มีกฎหมายรองรับ จึงถามว่าสั่งเพราะอะไร เพราะความสนิท ร.อ.ชัยยุทธ กล่าวว่า ตอนนั้นที่ตนสั่งการลงไป กลายเป็นเหตุที่เกินความคาดหมาย ตนพูดตรง ๆ เมื่อถามว่า ในขณะที่ลูกน้องยังไม่ได้ทานข้าวกลางวัน เราสามารถสั่งลงโทษได้ไหม ร.อ.ชัยยุทธ อ้างว่า ส.ท.ปัญญาก็ทานข้าวตอน 11.30 น. เมื่อถามว่า สั่งลงโทษไปเมื่อไหร่ ร.อ.ชัยยุทธ กล่าวว่า ประมาณเที่ยงครึ่ง (12.30 น.) ที่ให้คนไปตาม ยืนยันว่า ส.ท.ปัญญา ทานข้าวแล้ว เมื่อถามว่า ข้าวเช้า ร.อ.ชัยยุทธ หัวเราะ
เมื่อถามว่า ปกติสั่งลงโทษแบบนี้หรือไม่ วิ่งรอบกองพัน พุ่งหลังอีก 500 ยก อยากรู้ว่าท่าพุ่งหลังเป็นอย่างไร ทำให้ดูได้ไหม ทุกคนอยากเห็นว่าทำอย่างไร มันขนาดไหนถึงสั่งให้ทำ 500 ยก ร.อ.ชัยยุทธ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วสาธิตท่าพุ่งหลังให้วงสนทนาได้ชม ซึ่งอธิบายว่าเป็นการยืดเส้นเอ็นด้านหน้าและหลัง เมื่อถามว่าแล้วในกรณีที่สมมติว่าขาไม่มีแรง อ่อนแรง สามารถทำท่านี้ได้อย่างสบายเลยหรือไม่ ร.อ.ชัยยุทธ กล่าวว่า มันไม่ใช่สบายเลย เป็นท่าที่ผ่อนคลายมากกว่า ไม่ใช่ท่าที่มาฝืนแล้วร่างกายไม่ไหว เรียกว่า เป็นท่าออกกำลังกายของทหาร ทำให้อีกฝ่ายจึงกล่าวว่า “ร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน กำลังจิตใจไม่เหมือนกัน คุณทำได้ แต่ เอ็ม (ส.ท.ปัญญา) อาจจะทำไม่ได้สักเท่าไหร่ แต่ไม่ใช่ทำอย่างนี้”
ในวงสนทนาได้กล่าวกับ ร.อ.ชัยยุทธ ว่า ประการแรก เราหมดข้อสงสัยแล้วว่า เด็กเราถูกทำโทษที่ค่อนข้างรุนแรง ในสภาพที่เขาวิ่งมาแล้ว 4 รอบ แล้วมาทำแบบนี้ และในขณะนั้นอากาศร้อนจัดด้วยส่วนหนึ่ง จึงทำให้เกิดอาการฮีตสโตรกขึ้นมา ประการต่อมา อยากจะรู้ว่า ขณะที่ ร.อ.ชัยยุทธ สั่งลงโทษ คนที่ดูแลก็รายงานตลอดทางโทรศัพท์ หลังจากที่ ส.ท.ปัญญา ยังอยู่ในสภาพที่เขาล้มไปแล้วมาสั่งต่อ คิดว่าเหมาะสมหรือไม่
ร.อ.ชัยยุทธ กล่าวว่า ก็มีการสอบถาม ส.ท.ปัญญา ก็ชี้แจงว่าไหว แต่ตนก็เข้าใจว่าด้วยความเป็นลูกผู้ชาย เมื่อถามว่า ส.ท.ปัญญา เป็นคนที่สั่งมา เขาจะทำร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีที่ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ เรารู้ว่า ส.ท.ปัญญา เขาเป็นคนแบบนี้ รับผิดชอบงานที่มอบหมาย ทำไมถึงไม่ดูแล ทำไมถึงต้องสั่งเพิ่มโทษต่อลูกน้องที่ให้มาดูแลใช่หรือไม่ บอกว่าเด็กไม่ไหวแล้วสั่งให้พุ่งหลังต่อ ถามจริง ๆ จิตใจทำด้วยอะไร สั่งลงโทษแบบนี้ไม่ใจร้ายไปหน่อยหรือ คุณต้องเป็นผู้บังคับบัญชาคนอีกเยอะ ร.อ.ชัยยุทธ ตอบว่า เข้าใจ อีกฝ่ายกล่าวว่า แต่นี่คุณยังไม่เห็นอกเห็นใจกันเลย มันไม่มีจริยธรรม ร.อ.ชัยยุทธ กล่าวว่า เหตุการณ์วันนั้นมันก็มีระยะเวลาจากวิ่งเสร็จจนพัก แล้วมาพุ่งหลังก็ประมาณ 30 - 40 นาที ที่น่าจะพูดคุยกับรุ่นพี่
“ไม่ไหวแล้ว หลังจากที่ล้มครั้งแรกไปแล้ว คุณต้องรู้ว่าวิ่งล้ม วิ่งล้ม คุณสั่งลงโทษต่ออย่างนี้ อยากรู้ใจคุณถึงกับต้องใช้อำนาจลงโทษให้ได้ เราไม่รู้ว่าความผิดเป็นยังไง คืออะไร รู้แต่รายงานมาว่าแบบนี้ แต่เชื่อว่า ส.ท.ปัญญา มีความรับผิดชอบสูงมาก เขาอยู่กับเรามา 6 ปี เขาไม่เคยเป็นแบบนี้ สั่งอะไรคือสั่งอย่างนั้น ไม่เคยที่จะปฏิเสธรับผิดชอบ เอ็มไปนั่งเฝ้าเพื่อนจนกว่าเพื่อนจะเสร็จแล้ว จึงจะมารายงานว่า คนนี้เสร็จแล้วเอางานมาส่งเรียบร้อย เอ็มจะเป็นคนอย่างนั้น ประเภทที่ว่าเขาไม่ทำงานนั้น เราไม่เชื่อ เราไม่รู้เหตุการณ์ตรงนั้น แต่เราส่วนใหญ่ไม่เชื่อ เพราะอยู่มา 6 ปีเขาจะเป็นแบบนั้น ครูทุกคนให้คำรับรองได้
จึงอยากถามว่า คุณคิดอย่างไรถึงได้สั่งงานเพื่อนเขาต่อ คุณไม่เห็นใจเลยว่าเขาไม่ไหวแล้ว อาจจะไม่ตอบก็ได้ เพราะมันทำร้ายจิตใจคุณพอสมควรอยู่แล้ว แต่เราจะบอกว่าในอนาคตคุณได้อยู่แบบนี้อีกเยอะ เป็นผู้บังคับบัญชาทหารอีกเยอะ ขอร้องคุณอย่าเกลียดความเลว โปรดมองเขาด้วยว่า เขาอยู่ในสภาพที่เขาไม่พร้อมถูกลงโทษต่อหรือเปล่า ไม่ทราบว่าการลงโทษมันต้องต่อเนื่องยาวเลยไหม หรือแบ่งเป็นช่วง ๆ ได้ ฝากข้อคิดไปว่า ครั้งต่อไปจะลงโทษก็ต้องดูเขานิดนึง พื้นฐานแต่ละคนมาจากครอบครัวที่ต่างกัน อย่างในกรณีนี้เขามีลูกคนเดียว คุณยังจะอยากให้เขาอยู่ต่อไปอนาคต เขาก็แก่แล้ว รายได้ก็ไม่มี” วงสนทนาอีกฝ่ายกล่าวกับ ร.อ.ชัยยุทธ
ร.อ.ชัยยุทธ กล่าวว่า “ตอนนี้ผมก็เยียวยาเต็มที่อย่างสุดความสามารถของตนแล้ว” อีกฝ่ายจึงถามว่า ช่วยบอกให้เรารู้เป็นวิทยาศาสตร์ เอาคำพูดลอย ๆ ทุกคนก็อยากจะรู้ จะกลับไปก็มีพยานหลักฐาน เวลาจะไปคุณบอกว่ามาทำไม มันต้องมี คุณมาคุณต้องทำไม่เสร็จ ถ้าไม่แน่ใจคุณก็ไม่ต้องมา คุณก็ไม่ยอมทำ ใครบังคับคุณเขาไม่รู้ แต่ตัวเขาเองเขาก็ยังไม่ทำเลย
อีกฝ่ายกล่าวว่า “อยากจะบอกว่า คุณให้คำรับรองกับครอบครัวเขาได้ไหมว่า คุณจะช่วยเหลือเขาตลอด นอกเหนือจากการช่วยเหลือของกองทัพ เพราะเราก็เห็นแล้วว่าเขาไม่มี กองทัพช่วยเหลือส่วนหนึ่ง แต่ตัวเขาเอง การที่พ่อแม่สูญเสียลูกไป” ร.อ.ชัยยุทธ ได้แต่นั่งนิ่ง โดยมีทหารนอกเครื่องแบบรายหนึ่งพยายามอธิบายว่าได้ให้การช่วยเหลือ ซึ่งอีกฝ่ายโต้แย้งไปว่า กองทัพบกให้อยู่แล้วเป็นการช่วยเหลือตามสิทธิ และถาม ร.อ.ชัยยุทธ ว่า จะช่วยเหลืออย่างไรกับครอบครัวนี้ โดยส่วนตัวของเขาเอง เพราะทุกวันนี้มันแย่อยู่แล้ว ให้คำตอบด้วยว่า จะยินดีช่วยเหลือทางนี้อย่างไรบ้าง ถ้าครอบครัว ส.ท.ปัญญา มีลูกอีกคนหนึ่งก็คงไม่เรียกร้องมากมายขนาดนี้ แต่เขาไม่มี เป็นลูกคนเดียว เพื่อเป็นการชดเชยของครอบครัว
อย่างไรก็ตาม การเจรจาเรื่องเงินเยียวยาครอบครัวของ ส.ท.ปัญญา ยังไม่ได้ข้อสรุป โดย ร.อ.ชัยยุทธ กล่าวว่า ยินดี ถ้าคิดว่าตนเป็นลูกก็จะดูแลพ่อแม่ ที่พ่อแม่เคยได้รับ แต่ปกติตนได้เงินเดือนเพียงแค่ 2 หมื่นบาท อีกทั้งบิดาของตนเสียชีวิตตั้งแต่อายุ 12 ปี และตนยังต้องส่งน้องเรียนหนังสือ ขณะที่อีกฝ่ายชี้แจงว่า ที่ผ่านมา ส.ท.ปัญญา ได้รับเงินเดือนเดือนละ 13,000 บาท และกำลังจะเลื่อนยศเป็นสิบเอกอีกไม่กี่วันแล้ว จึงเห็นว่า ควรที่จะให้เงินเยียวยาเดือนละ 15,000 บาท รวมทั้งยังมีข้อเสนอในเรื่องการดูแลมารดายามเจ็บป่วย เพราะหลังจากที่ ส.ท.ปัญญา เสียชีวิต สวัสดิการรักษาพยาบาลก็จะหมดไป โดยเสนอให้ ร.อ.ชัยยุทธ ลงนามเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อเป็นพยานหลักฐานให้ชัดเจน และเพื่อความสบายใจ เพราะเกรงว่าจะไม่ได้ทำตามที่ให้สัญญาไว้ ซึ่ง ร.อ.ชัยยุทธ ระบุว่า ตนไม่หนีไปไหน กลับไปก็ต้องไปรับโทษ
อ่านข่าวประกอบ
- ทหารยศ “ร้อยเอก” นำพานธูปเทียนแพมาลัยดอกมะลิกราบขอขมาพ่อ-แม่ทหารยศ “สิบโท” เหยื่อฮีตสโตรก
- กสม.แนะควรมีมาตรการให้ทหารชั้นผู้น้อยสามารถร้องเรียนได้
- พ่อทหารยศ “ส.ท.” เหยื่อฮีตสโตรกวอนลงโทษ “ร้อยเอก” ต้นเหตุลูกชายดับ พร้อมต้องชดใช้ (ชมคลิป)
- พล.ร.9 ตั้งคณะกรรมการสอบกรณี ส.ท.ถูกลงโทษจนเสียชีวิต
- ทบ.แจง “สิบโท” ดับอาจร่างกายไม่สมบูรณ์ ยันไม่มีปฏิบัตินอกกรอบ สั่งตรวจร่างกายถี่ขึ้น
- กสม.พร้อมสอบปมเสียชีวิต “ส.ท.ปัญญา” คาดเหตุจากปฏิบัติหน้าที่เกินเลย
- บรรยากาศรดน้ำศพ “ส.ท.ปัญญา เงินเหรียญ” ฮีตสโตรกเสียชีวิตจากการถูกลงโทษ สุดโศกเศร้า
- “ธีรชัย” อ้าง “สิบโท” ฮีตสโตรกดับไม่คาดฝัน - พบ “ร้อยเอก” สั่งซ่อมใกล้ชิด “พลโท”
- พ่อ-แม่ นำศพ “ส.ท.ปัญญา เหรียญเงิน” กลับถึงบ้านแล้ว
- “คนดี” ที่ต้องตาย เพราะเป็น “ทหารที่ดี” ไม่ได้ดั่งใจผู้บังคับบัญชา!!?
- แจง “สิบโท” ค่ายสุรสีห์ฮีตสโตรกดับ “ร้อยเอก” ลงโทษวิ่งเรื่องปกติ-ถือว่าออกกำลังกาย
- ทหารบกฉาวอีก! “ร้อยเอก” ค่ายสุรสีห์ซ่อม “สิบโท” ฮีตสโตรกดับ