xs
xsm
sm
md
lg

เที่ยวญี่ปุ่นไม่ซ้ำใคร กับ "ปริญญา พิณสีทอง" สจ๊วตหนุ่มเจ้าของเว็บเที่ยวญี่ปุ่นดอทคอม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

เริ่มต้นจากการชอบอ่านการ์ตูนญี่ปุ่น สู่การสะสม จนคลั่งไคล้ นำพาตัวเองไปร่ำเรียนกับเจ้าของภาษา จบออกมาทำงานที่ชอบ “เบิร์ด-ปริญญา พิณสีทอง” เจ้าของเว็บไซต์เที่ยวญี่ปุ่น ดอทคอม และสจ๊วตสายการบินบางกอกแอร์เวย์

แม้ก่อนหน้านี้ เขาจะจบมาทางด้านการตลาดและไม่ถนัดในด้านภาษาเลยสักนิดแต่ด้วยความรักความชอบทำให้เขาใช้แรงผลักดันเล็กๆ อย่างการชอบอ่านหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นทำตามความชอบให้เป็นจริงจนได้มีโอกาสร่วมทำงานกับองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) และด้วยความรู้สั่งสมมา ทำให้เขานำความรู้ดังกล่าวมาพัฒนาต่อยอด จนก่อเกิดเป็นเว็บไซต์เที่ยวญี่ปุ่น ดอทคอม ที่แนะนำกันตรงๆ ว่า ถ้าอยากรู้จักญี่ปุ่นอย่างลึกซึ้ง ไม่ควรพลาดเว็บไซต์นี้เด็ดขาด...

• ก่อนจะมาเป็นเว็บไซต์ยอดนิยม “เที่ยวญี่ปุ่น ดอทคอม”

เริ่มจากที่ผมชอบการ์ตูนญี่ปุ่นมาตั้งแต่เด็ก ผมชอบดูการ์ตูนญี่ปุ่นมาตลอด ชอบสะสมด้วย เพราะรูปเล่มของเขาสวย ผมจึงซื้อการ์ตูนมาจากญี่ปุ่นแล้วสะสมตั้งแต่เด็ก ทั้งที่ยังอ่านไม่ออกเลยด้วยซ้ำ และเพราะอยากอ่านออก ผมเลยซื้อหนังสือมาเรียนรู้ด้วยตัวเอง มานั่งเรียนรู้ตัวอักษรเขาไปเรื่อยๆ จนเรียนจบด้วยตัวเองขั้นแรก ผมก็ไปหาโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นในไทย เรียนต่อจนกระทั่งจบขั้นต้น พอจบขั้นต้นแล้ว ผมก็อยากพัฒนาตัวเองต่อ จึงตัดสินใจไปเรียนที่ญี่ปุ่น เรียนอยู่ประมาณ 1 ปี เนื่องจากเรามีภาษาญี่ปุ่นเป็นเบสิกขั้นต้นอยู่แล้ว พอได้ใช้ปุ๊บ เราก็เลยเป็นเร็วครับ

จะว่าไป การ์ตูนเป็นตัวเบิกทางให้ผมชอบญี่ปุ่นเลยนะครับ พอเราชอบการ์ตูนเราก็อยากจะสะสมโมเดล ฟิกเกอร์การ์ตูนต่างๆ ซึ่งที่เมืองไทยยังไม่มีขาย ต้องไปซื้อที่ญี่ปุ่นเท่านั้น มันเลยเป็นความฝันฝังไว้ในใจว่าวันหนึ่งเราต้องไปญี่ปุ่นเพื่อไปซื้อของพวกนี้ให้ได้ แรงผลักดันเล็กๆ พวกนี้มันเลยทำให้ผมอยากเรียนอยากรู้มากขึ้น

เอาจริงๆ ก่อนหน้านี้ผมเรียนด้านการตลาดมาโดยตรงนะครับ ที่ไปเรียนญี่ปุ่นคือเราเรียนหลังจากที่เรียนจบปริญญาตรีแล้ว ผมจบมหาวิทยาลัย ABAC มา เดิมทีด้านภาษานี่ไม่ได้เรียนเลย แต่เรามาสนใจเพราะด้วยความชอบของเราเอง เลยได้ไปเรียนเพิ่ม

• เห็นว่าเราได้ทำงานเกี่ยวกับองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) ด้วยใช่ไหมคะ

จริงๆ แล้วหลังจากที่ผมกลับมาจากเรียนที่ประเทศญี่ปุ่น ผมได้มาทำงานที่บริษัทกูลิโกะในประเทศไทยก่อน ทำงานกับเจ้านายที่เป็นคนญี่ปุ่น หลังจากนั้นก็มีโอกาสได้มาทำงานการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น เพราะผมเป็นคนที่ชอบเที่ยวญี่ปุ่นอยู่แล้วครับ ระหว่างที่ผมไปเรียน ผมก็ได้หาประสบการณ์ มีวันหยุด ผมก็เดินทางไปที่นั่นที่นี่ในญี่ปุ่น เที่ยวไปเรื่อยๆ พอกลับมาก็รู้สึกคิดถึง อยากไปเที่ยวอีก ตอนนั้นสื่ออะไรต่างๆ ก็ยังไม่ได้มีมากเหมือนทุกวันนี้ ผมก็อาศัยอ่านจากเว็บไซต์ของญี่ปุ่นบ้าง เพราะคนญี่ปุ่นเขาจะชอบรณรงค์ให้คนญี่ปุ่นเที่ยวในประเทศตัวเอง เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ หรือสื่อออนไลน์ต่างๆ ก็จะมีข้อมูลการท่องเที่ยวญี่ปุ่นเยอะมาก ผมเลยเล็งเห็นว่าข้อมูลทั้งหมดมันมีประโยชน์ แต่มันมีแต่ภาษาญี่ปุ่นที่คนไทยยังเข้าไม่ถึง

อ่านไปอ่านมาก็เลยได้รู้ว่ามันมีองค์กรการท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่นให้ข้อมูลเหล่านี้ และมีองค์กรแบบนี้ในประเทศไทยด้วย ประจวบเหมาะกับที่เขาก็กำลังรับสมัครคนที่มีประสบการณ์การท่องเที่ยวญี่ปุ่นแล้วก็ให้ข้อมูลได้ ผมก็เลยลองไปสมัครดูครับ ซึ่งตอนที่ไปสมัคร ผมก็เล่าว่าผมชอบในความเป็นญี่ปุ่นนะ ผมชอบท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นแล้วก็ได้ไปเรียนภาษามานะ ผมมีความสุขกับการถ่ายทอดประสบการณ์ต่างๆ ให้คนได้รู้เพราะก่อนหน้านี้ ผมก็เคยเขียนรีวิวลงเว็บไซต์ ลงบล็อกต่างๆ มาบ้างแล้ว ผลปรากฏว่าเราเป็นคนที่ใช่สำหรับเขา เขาก็เลยรับผมไปฝึกงาน

• พอได้ทำงานกับองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) แล้วเป็นอย่างไรคะ เรามีหน้าที่หรือทำในตำแหน่งไหน

ผมทำงานกับ JNTO ตั้งแต่ปี 2012 หน้าที่ที่ผมได้รับโดยตรงก็จะเป็นการแชร์ประสบการณ์ต่างๆ เช่น วิธีการเดินทาง การวางแผนการเดินทาง ประมาณนี้ครับ ซึ่งการที่ผมทำงานที่องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) จะคล้ายๆ กับเป็นงานพาร์ท ไทม์ ต่อสัญญาไปเรื่อยๆ ซึ่งสัญญาของผมจะเป็น 1 ปี เพราะ ณ ตอนนั้น เขายังไม่ได้เปิดรับเจ้าหน้าที่ประจำ หลังจากนั้น ผมก็ออกไปตามการหมดอายุสัญญา ส่วนตอนนี้ผมทำงานเป็นสจ๊วตครับ

ตอนแรกที่มาเป็นสจ็วต ผมทำสายการบินเจ็ทสตาร์ที่บริการในประเทศออสเตรเลีย ก็จะอยู่เมืองนอกเสียส่วนใหญ่ บินที่ออสเตรเลียเป็นหลัก รูทที่เขาชอบไปเที่ยวกันก็มีบาหลี ญี่ปุ่น ฮาวาย นิวซีแลนด์ อะไรประมาณนี้ครับ ผมอยู่สายการบินนี้มา 3 ปี ก็จะอยู่ในละแวกนั้น พอทำไปสักพัก เราก็คิดถึงบ้าน เลยลองมาสมัครสายการบินของไทยดู เลยได้ย้ายมาอยู่บางกอกแอร์เวย์ครับ

• แล้วมาทำเว็บไซต์เที่ยวญี่ปุ่น ดอทคอม ตอนไหนอย่างไรคะ

ด้วยความที่ว่าเราทำงานตรงนี้เรามีความสุขมาก เราได้แชร์ประสบการณ์และสิ่งที่เราชอบ เราได้มีโอกาสแนะนำคนอื่นๆ ให้ทริปเขาประสบความสำเร็จได้ มันก็เลยทำให้คิดว่าช่วงเวลาที่ทำหน้าที่สจ๊วต เราต้องทำอะไรสักอย่างไหมเพื่อที่จะได้ตอบสนองความต้องการของเราตรงนี้ด้วย มันเลยเป็นที่มาของเว็บไซต์และเพจเที่ยวญี่ปุ่นดอทคอม ซึ่งผมจะรับผิดชอบทางด้านข้อมูลทั้งหมด ส่วนเพื่อนก็จะดูแลด้านเว็บไซต์ให้

คือส่วนตัวผมเป็นคนที่ชอบท่องเที่ยวอยู่แล้วนะครับ ผมไปเที่ยวต่างประเทศเยอะมาก จริงๆ มีประเทศในฝันหลายประเทศที่ผมอยากไปนะครับ แต่ผมจะชอบประเทศญี่ปุ่นเป็นพิเศษ เพราะญี่ปุ่นเป็นที่ที่ผมไปแล้วไม่เบื่อเลยสักครั้ง และผมเชื่อว่าคนที่เคยไปก็ต้องอยากกลับไปเที่ยวอีก ทั้งผู้คน อาหารการกิน วัฒนธรรมอะไรต่างๆ มันทำให้เวลาไปเที่ยวแล้วมีความสุข ผมสามารถเที่ยวญี่ปุ่นคนเดียวได้ ไม่จำเป็นต้องไปกับเพื่อน ไปกับแฟน หรือไปกับที่บ้าน ชอบถึงขั้นที่ว่าผมหยุด 5 วันก็ซื้อตั๋วไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นคนเดียวแล้วก็ไปเที่ยวตามที่ๆ ตัวเองวางแผนไว้

อีกอย่าง เพราะตอนนี้เราทำเว็บไซต์ด้วย ก็เลยต้องไปหาข้อมูลถี่หน่อย แม้ว่าผมจะไม่ได้อยู่จริงๆ แต่ผมทำหน้าที่ตรงนี้ ผมก็เลยจะต้องทำให้เรียลไทม์ที่สุดว่าเราไปแล้วนะ เราได้สัมผัสมาแล้วถึงมาถ่ายทอดเรา เลยต้องหาโอกาสไปให้ได้มากที่สุด หรือถ้าไม่มีเวลาไปเลย ก็จะมีเพื่อนคนญี่ปุ่นหรือไม่ก็ตามเว็บไซต์ ตามเพจการท่องเที่ยวของประเทศญี่ปุ่นที่แต่ละเมืองก็จะมีข้อมูลข่าวสารอัพเดทอยู่แล้ว ซึ่งผมก็จะเอาข้อมูลเหล่านั้นมาแชร์ให้คนที่อยากจะไป ให้เขาได้ไปก่อ นส่วนผมก็ค่อยหาเวลาไปเก็บข้อมูล ไปรีวิวทีหลัง ประมาณนี้ครับ

• พูดว่าชอบญี่ปุ่นมาก ประทับใจอะไรในความเป็นญี่ปุ่นคะ

ผมว่าเรื่องของคนมีส่วนสำคัญมากนะครับ คนที่นั่นเขาค่อนข้างที่จะภูมิใจในวัฒนธรรมของตัวเอง ไปที่ไหนเราก็จะรู้ว่าเขามีของดีของเขา และเขาก็ภูมิใจที่จะนำเสนอ ไม่ว่าจะเป็นของกิน ประเพณี การแสดงหรือการแต่งกายอะไรต่างๆ ซึ่งผมคิดว่าแต่ละเมืองที่เราไปมันน่าค้นหา มันไม่ใช่แค่มีปราสาทสวย แต่คนที่อยู่ที่นี่เขาทำให้ปราสาทดูมีคุณค่าขึ้นมา ผมเลยคิดว่า “คน” น่าจะเป็นส่วนสำคัญกับการท่องเที่ยวด้วย

อีกอย่าง ผมประทับใจเรื่องระเบียบวินัยของเขานะครับ จากการที่ผมทำงานกับคนญี่ปุ่นมา ยอมรับนะครับว่าเครียด มีข้อจำกัดในทุกๆ เรื่อง บางครั้งก็เกิดความรู้สึกอึดอัดเหมือนกัน แต่พอเราได้ทำงานไปสักพักหนึ่ง เราได้เปลี่ยนองค์กรแล้วเรามองย้อนกลับไป มันจะทำให้เราเห็นว่าเรามาถึงจุดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ยกตัวอย่างเช่น เราสามารถทำรายงานในการนำเสนองานครอบคลุมและเพอร์เฟกต์ตั้งแต่เมื่อไหร่ มันเป็นการฝึกฝนจากองค์กรญี่ปุ่นที่เขาปลูกฝังให้เราทำงานอย่างมีระเบียบ มีวิธีการคิดที่ไตร่ตรองก่อนทำ และทำเสร็จแล้วเราจะมีวิธีการพัฒนาหรือแก้ไขอย่างไร เราสามารถรับมือกับสิ่งต่างๆ ได้ ผมเลยเห็นว่าคนญี่ปุ่นเขาถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก เช่นว่า กินขนม ไม่มีถังขยะ ถุงขนมทิ้งไม่ได้ ก็ต้องเก็บใส่กระเป๋าแล้วเอาไปทิ้งนะ หรือขึ้นรถไฟ เราเป็นเด็กก็จริง ถ้าไม่มีคนลุกให้นั่ง เราก็ต้องยืนได้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอย่างที่ผมประทับใจเพราะว่าเขาถูกปลูกฝังมาแต่เด็ก เลยทำให้โตขึ้นแล้วมีระเบียบวินัย

เคยมีเหตุการณ์หนึ่งซึ่งผมประทับใจมาก คนไทยที่เคยไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นอาจเคยได้สัมผัสมาบ้างกับความมีน้ำใจของเขา คือเท่าที่ผมเคยทำงานกับคนญี่ปุ่นมา ผมจะได้สัมผัสแต่ความเย็นชา เพราะเวลาเขาตั้งใจจริงกับการทำอะไรสักอย่าง เขาก็จะนิ่งและโฟกัสกับสิ่งๆ นั้น ทำให้เรารู้สึกว่าบางทีเขานิ่งเกินไปหรือเปล่า หรือเขาไม่สนใจเราหรือเปล่า แต่พอไปถึงญี่ปุ่น ถ้าอยู่ในเมืองใหญ่ๆ จะสังเกตได้เลยว่าคนเดินไปเดินมา ไม่สนใจกัน แต่มันมีครั้งหนึ่งที่ผมหลงทางจริงๆ ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน แค่กางแผนที่มองว่าเราจะไปทางไหนต่อดี ในท่ามกลางเมืองที่วุ่นวายมากๆ ตอนนั้นผมน่าจะอยู่ที่โกเบ สถานีหลักเลย คนกำลังเลิกงานวุ่นวาย อยู่ดีๆ ก็มีคนมาหยุดแล้วอาสาพาผมไปที่ที่ผมต้องการจะไป ผมว่าประสบการณ์นี้เกิดขึ้นกับคนไทยเยอะมากๆ ไม่ใช่แค่กับผมคนเดียว ทุกครั้งที่ผมเล่าเรื่องราวเหล่านี้ ทุกคนก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเจอเหมือนกัน

อีกอย่างหนึ่ง ถ้าลืมของไว้ ยังไงก็ได้คืน อันนี้เป็นประสบการณ์ตรงของผมเลยครับ ลืมของที่รถไฟ ก็จะไปเอาคืนได้ที่ปลายทาง ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่เก็บไว้ให้ นี่เป็นนิสัยด้านดีของคนญี่ปุ่นอีกหนึ่งอย่าง คือถ้าไม่ใช่ของฉัน ฉันไม่เอา หรืออาจเป็นเพราะผมไปลืมของที่นักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ ไม่เยอะด้วยหรือเปล่า เพราะถ้าผมไปเที่ยวที่นักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ เยอะ ของอาจจะหายแล้วก็ได้ ตอนนั้นผมไปลืม I Pad ทิ้งไว้ตอนรอรถบัส เราก็ถ่ายรูปเล่นนู่นเล่นนี่ พอรถบัสมา ก็ลืม พอนึกขึ้นได้ว่าลืม ก็นั่งรถกลับมาหา พอกลับมาก็หาไม่เจอ พอไม่เจอ เราก็ไม่รู้จะทำยังไง เลยไปแจ้งที่สถานีตำรวจ ณ สถานีปลายทางว่าเราลืมของไว้ เขาก็บอกจะประสานงานให้ แต่ก็รออยู่สักพัก ตอนนั้นผมนั่งรอจนถอดใจแล้วนะครับ ไม่คาดหวังว่าจะได้ของคืนแล้ว ผมก็ไปบอกเขาว่าถ้าหาไม่เจอไม่เป็นไรแล้วนะ สุดท้ายเขาบอกว่าให้เราอธิบายให้ฟังว่าของที่หายเป็นยังไง สีอะไร แล้วเขาก็ยื่นซองให้เราเปิดดูปรากฎว่าก็เป็นของเราที่หายไป ผมจะบอกว่า ไม่ว่าของจะหายที่ไหนจะมีคนส่งของคืนต้นทางเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ พนักงานของสถานที่นั้นๆ ตำรวจ ก็อย่าเพิ่งถอดใจ บางคนรีบร้อนไปหน่อยคิดว่าหาย แต่ผมอยากให้ลองไปปรึกษากับทางเจ้าหน้าที่ดูก่อน ซึ่งเขาจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ครับ

• เคยทำงานเกี่ยวการท่องเที่ยวญี่ปุ่นซึ่งตอนนี้ก็มีเว็บไซต์ท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วย แบบนี้คิดว่าสามารถเอามาพัฒนาต่อยอดให้กับการท่องเที่ยวไทยได้บ้างไหมคะ

จริงๆ ผมว่าญี่ปุ่นเป็นตัวอย่างการท่องเที่ยวที่ดีนะครับ คือเขาจะค่อนข้างอนุรักษ์แต่ละเมืองของเขา ในรูปแบบเดิม ไม่ใช่เฉพาะเมืองที่เป็นมรดกโลก แต่ว่ามีเมืองอื่นๆ ที่สามารถเป็นมรดกโลกได้ด้วยซ้ำ เพราะญี่ปุ่นมีเมืองมรดกโลกเยอะมาก เมืองเก่าๆ วัฒนธรรมต่างๆ เขาก็ยังอนุรักษ์เรื่อยมา นอกจากนั้นเมืองเล็กๆ เหล่านี้การเดินทางด้วยรถไฟมันเข้าถึง ถ้ารถไฟเข้าไม่ถึง ก็จะมีรถบัสเข้าถึง เพราะฉะนั้น คนญี่ปุ่นส่วนมากเขาเลยมีความสุขที่ได้เที่ยวในประเทศตัวเอ งถึงแม้ว่าเขาจะสนุกกับการไปเที่ยวประเทศอื่นด้วยก็ตาม แต่ละภูมิภาค แต่ละโซนมันก็มีสเน่ห์แตกต่างกันไป

ผมคิดว่าเมืองไทยก็มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานไม่ต่างกัน สิ่งที่อนุรักษ์เอาไว้ได้ รักษาเอาไว้ได้ในรูปแบบดั้งเดิม มันก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ดึงดูดให้คนมาเที่ยวได้ อย่างอนาคตจะมีโครงการที่สร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ เปรียบเหมือนชินคันเซ็นของประเทศญี่ปุ่น มันก็จะมีแวะตามจุดต่างๆ ซึ่งมันจะไม่ใช่เชียงใหม่ที่ป็อปแล้ว แต่จะเป็นระหว่างเส้นทางที่จะเดินทางไปเชียงใหม่ ซึ่งคนสามารถหยุดเที่ยวได้ ฉะนั้นก ารกระจายรายได้ก็จะได้กระจายไปจังหวัดต่างๆ เหล่านี้ด้วย ซึ่งผมมองว่ามันก็จะโตขึ้นไปเรื่อยๆ

ผมอยากให้ประเทศไทยนำเรื่องการท่องเที่ยวของประเทศญี่ปุ่นมาเป็นตัวอย่างนะครับ เพราะเขาประสบความสำเร็จเรื่องการท่องเที่ยวมาก เรียกได้ว่าแค่เขาอยู่เฉยๆ คนก็วิ่งไปหาเขาเอง จริงๆ เมืองไทยก็ประสบความสำเร็จเยอะนะครับ เพียงแต่ผมยังมองเห็นว่ามันดังเฉพาะเมืองที่ดังจริงๆ แต่ทำไมเมืองที่ข้างเคียง ที่เป็นจังหวัดเล็กๆ มันมีเสน่ห์ของมันเหมือนกัน แต่คนกลับพูดถึงน้อย ฝรั่งยังไม่เข้าใจหรือแม้แต่คนไทยเองก็ยังไปเที่ยวน้อยอยู่ ก็คิดว่าถ้าโปรโมทเยอะขึ้น มันก็จะไปได้ไกลมากขึ้นครับ อย่างถ้าแต่ละเมือง แต่ละจังหวัดมีอะไรที่โดดเด่น ไม่ว่าจะสถานที่ท่องเที่ยวหรืออาหารการกิน เราเอาตรงนั้นมาโปรโมทให้กับชาวต่างชาติ ผมว่าเขาก็น่าจะชอบเพราะเขาก็น่าจะมองหาสิ่งแปลกใหม่ที่จะมาเที่ยวมากกว่า อย่างผมทำงานที่บางกอกแอร์เวย์ ผมเห็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากยุโรป จากฝั่งอาหรับ มาต่อเครื่องที่เมืองไทยเพื่อที่จะไปจังหวัดต่างๆ เยอะมาก ผมเลยมองเห็นว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีแล้ว อย่างเขามาต่อเครื่องที่กรุงเทพฯ ปุ๊บ เขาสามารถไปเที่ยวที่อื่นในเมืองไทยได้อีกเยอะ

• จะว่าไปการท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นแตกต่างจากประเทศไทยไหม แตกต่างมากน้อยแค่ไหน

ผมว่าญี่ปุ่นยังมีเสน่ห์ที่ชัดเจนนะครับ เหมือนกับว่าเราไปเมืองนี้ เรารู้ว่าจะต้องกินอะไร เราไปเมืองนี้ เรารู้ว่าเราต้องเที่ยวอะไร อย่างมีโปสเตอร์งานเทศกาลนู่นนี่นั่นเมืองนั้นติดที่เมืองนี้ เวลาเราได้เห็นภาพที่ดึงดูดแปะเอาไว้ เราก็อยากไป

• ในฐานะที่ทำเว็บไซต์การท่องเที่ยว อยากจะบอกอะไรสำหรับคนที่อยากไปญี่ปุ่นบ้างคะ

ผมว่าการวางแผนสำคัญที่สุดนะครับ ต้องมีหลายๆ แผน มีแผน A แผน B สำรองไว้ อย่างทุกวันนี้ ผมไปเที่ยวก็ยังตกรถไฟอยู่ ตื่นไม่ทันบ้าง ตกรอบนั้นมาต่อรอบนี้ไม่ทันบ้าง มันทำให้การท่องเที่ยวรวนไปหมด ทุกวันนี้ตัวช่วยมีเยอะมาก พวกแอพลิเคชั่นอะไรต่างๆ ที่มันสามารถค้นหาเส้นทางรถไฟได้ แต่ถ้าเราทำการบ้านจากที่บ้านไปก่อน พอถึงที่นู่นแล้ว เกิดปัญหาฉุกเฉินขึ้นมา เรารู้สถานีต้นทาง ปลายทางกดเสิร์ชปุ๊บ เราก็จะรู้แล้วว่าเราจะไปไหนได้ดีกว่าจะต้องไปงมที่นั่น

ส่วนคนที่อยากไปญี่ปุ่น อย่างแรกผมจะถามเขาว่าอยากจะไปโซนไหน มีเวลากี่วัน เพราะญี่ปุ่นมีหลายโซน หลายภูมิภาค ซึ่งจะตั้งต้นการเดินทางไม่เหมือนกัน เช่นเราอยากเที่ยวที่ไหน เราจะต้องตีกรอบให้ตัวเองแล้วเราค่อยเจาะไปว่าถ้าเราจะอยู่แค่ภูมิภาคนี้ เราจะไปไหนบ้าง เราควรจะยึดที่ไหนเป็นหลักแบบไปเช้าเย็นกลับได้โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนที่นอนทุกคืน อันไหนที่ควรย้ายไปนอนเพราะว่ามันมีออนเซ็น มีธรรมชาติที่สวยที่ปลีกจากตัวเมืองไปบ้างก็จะเป็นแบบหนึ่ง จากนั้นก็มาถึงการคิดว่าจะใช้ตั๋วรถไฟแบบไหนแล้วก็กำหนดค่าใช้จ่ายต่อไป

ส่วนใหญ่คนที่จะไปญี่ปุ่นก็จะมาถามผมเรื่องตั๋วรถไฟนะครับ เพราะญี่ปุ่นมีตั๋วรถไฟเยอะมาก ทุกวันนี้ผมยังจำไม่หมดเลยครับ (หัวเราะ) เพราะของเก่าก็เยอะอยู่แล้ว ยังมีของใหม่ออกมาอีก เพราะฉะนั้น คนก็เลยจะยังไม่รู้ว่าถ้าไปโซนนี้จะใช่ตั๋วตัวไหน แล้วไปที่นี่จะใช้ตั๋วแค่นี้พอไหม ซึ่งรายละเอียดตรงนี้ค่อนข้างละเอียดมากๆ เราก็ต้องไกด์ให้เขารู้ว่าเขาต้องไปโซนนี้โซนนั้นนะ ดูว่ามันอยู่ในส่วนที่เราจะเที่ยวหรือเปล่า

ไปญี่ปุ่นครั้งแรก อาจจะต้องปรับตัวเยอะหน่อยนะครับ แต่ผมว่าน่าจะดูตัวอย่างได้ไม่ยากนัก เราก็ดูจากคนญี่ปุ่นได้เลย เพราะคนญี่ปุ่นเขาจะทำคล้ายๆ กัน อย่างการเข้าคิว การสั่งอาหารอะไรต่างๆ ที่เขาทำเหมือนกัน ครั้งแรกเราอาจจะทำผิดไปบ้างไม่เป็นไร แต่ครั้งที่สอง เราเห็นว่าเขาทำแบบนี้ เราก็ค่อยๆ ปรับตัวทำตามเขาไป อย่างคนไทยก็เป็นคนที่มีความอ่อนน้อมมีมารยาทอยู่แล้ว ผมว่ามันไม่ยากที่จะปรับตัวเลย คนญี่ปุ่นจะขี้เกรงใจ ซึ่งผมว่าคนไทยก็ไม่ต่าง ผมว่าน่าจะปรับตัวได้ไม่ยาก

• ถามตามตรง คุณชื่นชอบญี่ปุ่นขนาดนี้ มีคนว่าคลั่งไคล้ญี่ปุ่นมากเกินไปบ้างไหมคะ

มีนะครับ แต่จริงๆ คนรอบตัวผมจะรู้อยู่แล้วว่าผมชอบไปเที่ยวญี่ปุ่น ผมไปเที่ยวตั้งแต่กระแสญี่ปุ่นในเมืองไทยยังไม่บูมเลย จะเป็นกระแสเกาหลีที่บูมมากกว่า ตอนนั้น การเที่ยวญี่ปุ่นยังแพงอยู่ด้วยสำหรับคนไทย ยังไม่มีโลว์คอสต์ ยังไม่มีตั๋วโปรฯ เลยกลายเป็นว่าไปเที่ยวจีน เที่ยวเกาหลี เที่ยวประเทศเพื่อนบ้านง่ายกว่า มันเลยค่อนข้างที่จะแปลกใหม่กว่าเพื่อน เพื่อนก็จะบอกประมาณว่าไปเที่ยวญี่ปุ่นอีกแล้ว มันแพงนะ ทำไมแกไปได้บ่อยจัง อะไรประมาณนี้ ซึ่งผมจะบอกว่าถ้าเราเที่ยวจริงๆ แล้วรู้จักการวางแผน เราสามารถประหยัดงบในการเดินทางได้เยอะมาก มันไม่จำเป็นว่าไปทุกทริปจะเสีย 5-6 หมื่นหรือเสียเป็นแสน ผมเคยไปทริปหนึ่ง 10 วัน ผมใช้ไปสามหมื่นบาท ผมก็ทำมาแล้ว คือเราจะวางแผนทุกอย่างไว้ อันนี้มันก็เกี่ยวกับการวางแผนของเราด้วยว่าทำยังไง เราถึงจะไปเที่ยวได้สนุก โดยไม่ต้องลำบากลำบน เราสามารถได้นอน ได้กิน ได้เที่ยว ครบ ภายในวงเงินที่มีอยู่

• แบบนี้คนไทยจะได้อะไรจากสิ่งที่เราทำอยู่บ้างคะ

ต้องบอกว่าต้องเป็นคนไทยที่ชอบไปเที่ยวญี่ปุ่นเหมือนกันนะครับ ข้อมูลที่ผมให้ไป ผมให้ด้วยความจริงใจที่ผมอยากจะเห็นคนไทยไปเที่ยวได้กับคนญี่ปุ่นจริงๆ ผมเห็นคนไทยเที่ยวเมืองเดิมๆ มานานมากแล้ว ส่วนใหญ่เขาจะมาถามว่ามีที่ไหนอีกบ้าง ทำไมเขาไม่รู้จักที่อื่นเลย ตรงนี้อาจจะเรื่องของประชาสัมพันธ์ยังเข้าไม่ถึง ผมเลยคิดว่า ที่ผมทำเว็บไซต์นี้ขึ้นมา ผมน่าจะทำให้เขาได้เข้าถึงเมืองต่างๆ เมืองเล็กๆ เมืองที่มีเสน่ห์ที่เขายังไม่เคยรู้จักหรือได้ยิน ทุกวันนี้คนไทยเที่ยวเก่งมากขึ้นแล้วครับ ไปครั้งแรกต้องมีครั้งสองสามสี่และอีกเรื่อยๆ เริ่มมองหาเส้นทางแปลกใหม่แล้ว บางคนรู้เยอะกว่าผมด้วยซ้ำ เหมือนเป็นการแชร์ข้อมูลแก่กัน ช่วยเหลือกันและกัน เขาแชร์มาเราแชร์ไป ตรงนี้ผมเลยคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนอื่นๆ ที่ยังไม่เคยไปหรือไม่เคยเห็น พอเข้ามาตรงนี้ก็จะได้เปิดมุมมองใหม่ๆ มากขึ้นครับ

• นอกจากทำเว็บไซต์แล้วเห็นว่าก็เขียนหนังสือชื่อว่าเที่ยวญี่ปุ่นไม่ซ้ำใครออกมาด้วย

ใช่ครับ (ยิ้ม) ตรงนี้เกิดขึ้นมาจากที่ผมได้ออกเดินทาง เปลี่ยนมุมเที่ยว จากเมืองเดิมที่คุ้นเคยอยู่แล้ว ออกไปเมืองที่ยังไม่ค่อยมีใครพูดถึง หรือยังเป็นที่รู้จักน้อย ลองเที่ยวตามแบบคนญี่ปุ่น เช่น เวลามีวันหยุดยาว หรือไปเช้าเย็นกลับ คนญี่ปุ่นเลือกเที่ยวที่ไหนกัน ก็มักจะพบเมืองน่าสนใจมากมาย ที่เดินทางไปได้ง่าย จากเมืองหลักที่พักอยู่ เลยทำให้เกิดแรงบันดาลใจว่าถ้ามีโอกาสได้รวบรวมเมืองเหล่านี้ เข้ามาอยู่ด้วยกันน่าจะเป็นทางเลือกให้คนไทยได้เปลี่ยนบรรยากาศ ไปเที่ยวเมืองเล็กๆ ที่อยู่รอบเมืองใหญ่เหล่านี้ได้บ้าง คิดว่าจะทำให้การไปเที่ยวญี่ปุ่นนั้นสนุกมากขึ้น ได้พบเจออะไรใหม่ๆ มากขึ้น และที่สำคัญทำให้อยากกลับไปเที่ยวญี่ปุ่นอีกเรื่อยๆ ครับ

อนาคตก็มีแนวโน้มจะทำรีวิวท่องเที่ยวญี่ปุ่นอย่างเดียวแบบเต็มตัวนะครับ แต่ผมคิดว่าตลาดทัวร์เมืองไทยมีคนที่ชำนาญอะไรเกี่ยวกับญี่ปุ่นอยู่มากแล้ว มีกูรูไทยที่ชำนาญเส้นทางในญี่ปุ่นก็มาก ผมคงไม่สร้างบริษัททัวร์ขึ้นมาเพื่อมาแข่งกับเขา แต่ผมอาจจะดูแลเป็นเอ็กซ์คลูซีฟ อย่างกลุ่มไหนตามรอยไปกับเที่ยวญี่ปุ่นดอทคอม ชอบสไตล์การเที่ยวของเรา เรามาดูเป็นกลุ่มๆ ไปดีกว่า เพราะส่วนตัวผมก็ยังมีหลงทางอยู่ในสถานที่ที่ไม่ถนัดอยู่ ถ้าไปเป็นกลุ่มใหญ่แล้วหลง ผมกลัวโดนว่า (หัวเราะ) เอาเป็นว่าเอาเป็นกลุ่มๆ ที่อยากตามรอยเรา แล้วเราชำนาญเส้นทางนั้นๆ ดีกว่าครับ จะได้มีความสุขทุกฝ่ายด้วย









 
Profile

ชื่อ สกุล : ปริญญา พิณสีทอง
ชื่อเล่น : เบิร์ด
การศึกษา : การตลาด มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
วันเกิด : 22 สิงหาคม 2527
อายุ : 31 ปี
อาชีพ : สจ๊วต Bangkok Airways และผู้ก่อตั้งเว็บไซต์เที่ยวญี่ปุ่นดอทคอม




 

 
สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นไม่ซ้ำใครสไตล์เที่ยวญี่ปุ่นดอทคอม

ทุ่งดอกไม้

เพราะเดี๋ยวนี้คนไทยเที่ยวเก่งขึ้น อาจจะมีเมืองบางเมืองที่เขาเคยไปมาแล้ว แต่ก็จะมีบางเมืองที่บางคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อเลยหรือบางคนเคยได้ยินชื่อ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปยังไง ถ้าจะให้แนะนำจากประสบการณ์ที่ผ่านมาผมเห็นว่าคนไทยชอบดอกไม้ คนไทยเห็นทุ่งดอกไม้สวยๆ ก็อยากจะไปที่นั่น อย่างสองปีที่แล้วที่บูมมากๆ เลย คือ

1.ชิบะซากุระ ภูเขาไฟฟูจิ จะเป็นซากุระที่บานบนพื้นเป็นทุ่งสีชมพูเป็นที่ๆ ฮิตกันมา

2.ทุ่งดอกสีฟ้านีโมฟิลลา ริมทะเลฮิตาชิที่กลายเป็นสีฟ้าทั้งทุ่งแล้วก็เข้ากับท้องฟ้าสีฟ้าถ่ายรูปมาแล้วมันอะเมซิ่งมากครับไม่ใช่แค่คนไทยที่ชอบ แต่คนญี่ปุ่นก็ชอบไม่ต่างกันซึ่งที่นี่เริ่มดังขึ้นมาสักพักแล้ว

3.ฟูจิวิสทีเรีย สวนคะวะจิฟูจิเชนและสวนอะชิคะวะ จะเป็นดอกระย้าสีม่วงและสีขาวจะเป็นคล้ายๆ อุโมงค์เขาจะปลูกเป็นสีม่วงตลอดทางเหมือนอยู่บนสวรรค์ เหมือนไม่น่าอยู่บนโลกนี้เลยแต่มันก็มี

ออนเซ็น

อีกอย่างที่อยากแนะนำก็คือออนเซ็นครับ คนไทยจะอายมากกับสถานที่นี้ผมก็เคยอายเหมือนกันเพราะมันต้องแก้ผ้าต่อหน้าคนอื่นแล้วก็ลงไปแช่ จริงๆ ออนเซ็นดั้งเดิมของญี่ปุ่นจะถอดเสื้อผ้าหมดเพราะจะไม่มีใครมองใครอยู่แล้วนอกเสียจากว่าคนไทยมองกันเอง (ยิ้ม) จริงๆ เป็นที่ที่ใครไปญี่ปุ่น ผมอยากแนะนำให้ไปนะครับซึ่งออนเซ็นที่ดีคือออนเซ็นที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มีประวัติมาเป็นพันๆ ปี อยู่บนเขา อยู่ใกล้ทะเลสาบมันก็จะมีแร่ธาตุที่ช่วยผิวพรรณ จะมีคุณสมบัติของมัน ซึ่งเป็นสาเหตุว่าทำไมญี่ปุ่นถึงมีออนเซ็นเยอะมากมายหลายร้อยแห่งแต่คนญี่ปุ่นเขาก็ไม่เคยเบื่อเลย ซึ่งหลังๆ มานี้คนไทยก็สนุกกับการได้แช่ออนเซ็น ออนเซ็นที่ผมอยากแนะนำก็จะมี

1.Kusatsu onsen ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ออนเซ็นที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น เดินทางง่ายๆ จากโตเกียว

2.Ginzan Onsen จะเป็นออนเซ็นที่เคยถ่ายซีรีย์เรื่องโอชินจะเป็นบรรยากาศเก่าๆ หมู่บ้านออนเซ็นซึ่งน่าไปมากครับ
ดอกฟุจิ วิสทีเรีย ที่สวน Kawachi Fujien จ.Fukuoka
ทุ่ง Pink Moss Shibazakura ที่ Higashimokoto

เรื่อง : วรัญญา งามขำ
ภาพ : วชิร สายจำปา และเว็บไซต์เที่ยวญี่ปุ่น ดอทคอม


เอื้อเฟื้อสถานที่โดย The Station Café & Meal เบอร์โทรศัพท์: 02-203-4044 วันและเวลาเปิดปิดทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่ เวลา 7.30 - 22.00 น. Facebook : The Station Cafe&Meal

กำลังโหลดความคิดเห็น