xs
xsm
sm
md
lg

เขาทำสิ่งที่หลายคนได้แค่ฝัน!! “อนรรฆ ณ บางช้าง” ผู้นำทัวร์รังของแมนฯ ยูไนเต็ด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คุยข้ามประเทศ..หนุ่มไทยผู้ได้ทำงานกับทีมฟุตบอลชื่อดัง “แมนฯ ยูไนเต็ด” อนรรฆ ณ บางช้าง หนึ่งผู้นำทัวร์สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รังลูกหนังของปีศาจแดง

ย้อนไปในศึกฟุตบอลโลก 2006 ที่ประเทศเยอรมนี นอกจากการคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 4 ของอิตาลีแล้ว วิวาทะระหว่างเวย์น รูนี่ย์ กับคริสเตียโน่ โรนัลโด้ สองผู้เล่นร่วมค่ายปีศาจแดงยังตราตรึงคนทั้งโลก และ ณ จุดนั้น ก็เป็นจุดนัดพบครั้งแรกระหว่าง “บีม-อนรรฆ ณ บางช้าง” กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

10 ปีผ่านไป อนรรฆ เป็นนักศึกษาด้านธุรกิจกับการตลาด ของ Manchester Metropolitan University และยังคงเป็นสาวกของแมนฯ ยู ไม่เปลี่ยนแปลง แต่มีการเพิ่มเติมเล็กน้อย คือการได้เป็นหนึ่งผู้นำทัวร์ของสนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รังฟุตบอลของสโมสรแห่งนี้ ซึ่งแน่นอนว่า การได้เข้าเป็นฟันเฟืองเล็กๆ ให้กับสโมสรที่เขารักและติดตาม แถมยังเป็นคนเล็กๆ จากแดนไกลประเทศไทยด้วยแล้ว ถือได้ว่า เขาได้ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าที่สุดแล้วเช่นกัน

“ผมเพิ่งมาเริ่มดูบอลเอาจริงๆ ก็ตอนบอลโลกปี 2006 ครับ พอดีคุณลุงที่บ้านเชียร์แมนยู ผมก็เลยเชียร์ตาม ผมชอบสไตล์เกมบุกของเขา อีกทั้งเป็นทีมที่มีชื่อเสียง นักฟุตบอลชื่อดังเยอะ ก็เลยเลือกเชียร์ครับ ตอนนั้นรูนี่ย์กับโรนัลโด้เขาไปมีเรื่องกันในฟุตบอลโลก ผมเลยไม่ค่อยชอบโรนัลโด้เท่าไหร่ แต่พอได้ดูเขาเล่น ผมก็เปลี่ยนใจไปทันที ส่วนอีกคนที่ผมชอบก็คือไมเคิล คาร์ริค ตอนนั้นเพิ่งย้ายมา ผมเลยติดตามเขาเป็นพิเศษ ชอบสไตล์การออกบอลของเขาน่ะครับ”...

• ในช่วงนั้น มหาอำนาจมากมาย ทั้งบาร์เซโลน่า เชลซี หรืออินเตอร์มิลาน ที่ประสบความสำเร็จมากกว่า แต่ทำไมถึงเลือกแมนยู

จริงๆ ก็ชอบนักฟุตบอลของเชลซีในยุคนั้นหลายคนนะ เช่น มิชาเอล บัลลัค หรือ แฟร้งค์ แลมพาร์ด แต่ผมมองว่าแมนยูเป็นทีมที่เล่นฟุตบอลเป็นทีมครับ ไม่ใช่ว่าเอะอะก็จะใช้เงินกว้านซื้อดารามาตลอด อีกอย่างผมมองว่าเป็นทีมที่มีประวัติศาสตร์เยอะ แล้วก็คุณลุงอีก เพราะแกก็พยายามจะให้เราเชียร์ให้ได้ด้วย ก็มักจะคุยกันเรื่องนี้ เลยเลือกเชียร์แมนยู คือก่อนผมจะมาตั้งใจดูบอล ผมก็พอจะรู้จักนักฟุตบอลบ้าง ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นผู้เล่นของแมนยู ก็เลยเป็นอีกเหตุผลหนึ่งด้วย ตอนนั้นผมอยู่ ป. 4-ป. 5 นี่แหละครับ เริ่มดูบอลช้านิดนึง (หัวเราะ)

• พอเลือกเชียร์ทีมนี้แล้ว การเป็นสาวกของเรา เป็นยังไงต่อครับ นอกจากติดตามการแข่งขัน

ก็เพราะเราไม่รู้เรื่องฟุตบอลเลย เราก็พยายามจะศึกษาหาความรู้ ดูลีคอื่นๆ ดูทีมอื่นๆ ด้วย อ่านหนังสือพิมพ์กีฬาเยอะขึ้น เมื่อก่อนหนังสือฟุตบอลที่บ้านนี่เป็นกองเลยนะครับ ทั้งหนังสือพิมพ์ ทั้งแมกกาซีนฟุตบอล แต่หลักๆ ก็คือพยายามดูให้ได้ทุกนัด เน้นเกมลีคครับ เพราะบอลถ้วยหรือบอลยุโรปจะเตะกันดึกมาก เลยไม่ดู ไม่งั้นคงตื่นไปเรียนไม่ทัน ขณะเดียวกัน ผมก็อ่านข่าว ดูข่าวของทีมเรา อ่านการวิเคราะห์เกม ดูรายการวิเคราะห์อะไรแบบนั้นด้วย เพราะนอกจากเราจะได้เข้าใจทีมเราแล้ว มันช่วยในการพัฒนาภาษาอังกฤษด้วย พอดีช่วงนั้นผมเพิ่งย้ายไปเรียนโรงเรียนนานาชาติ มันก็เลยช่วยได้ในระดับหนึ่ง ให้มีเรื่องคุยกับเพื่อนด้วย

• พอได้ศึกษาแล้วเป็นไงบ้างครับ

ก็ตกใจนะครับ แต่เราก็พอรู้ว่าสโมสรนี้เป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมามาก เพราะคุณลุงก็เคยเล่าให้ฟังบ้าง คุณลุงจะชอบเล่าเรื่องของเอริค คันโตน่า พอดีแกชอบมาก แต่ตอนผมเริ่มมาเชียร์ แมนยูก็เล่นดีนะ เป็นแชมป์ปีนั้นด้วย แถมยังต่อยอดได้แชมป์ลีคสามปีซ้อนอีก (ปี 2007-2009) บวกถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับถ้วยฟีฟ่า คลับ เวิร์ล คัพ (ปี 2008) ด้วย ก็ถือว่าไม่เลวนะครับ

• ในการเป็นสาวกแมนยูของเรา ช่วงเวลาที่ประทับใจผลงานสุดขีด คือช่วงไหนครับ

ผมว่าช่วงสามสี่ปีแรกครับ เพราะเป็นแชมป์ลีกสามสมัยติด แชมป์ยุโรปและแชมป์สโมสรโลก สุดๆ ละ ถ้าเอาความสะใจ ก็คงเป็นตอนที่ทำสถิติแซงลิเวอร์พูลครับ ตอนได้แชมป์ลีกครั้งที่ 19 กับ 20 (ปี 2011 กับ 2013) ครับ ตอนนั้นสะใจมาก เพราะเพื่อนเชียร์ลิเวอร์พูล ก็ได้โอกาสเราเลย

• ทีนี้ พอเราเชียร์ไปได้ประมาณหนึ่งแล้ว อะไรที่ทำให้อยากมาแมนเชสเตอร์ครับ

อย่างแรกเลย ก็คือว่ามหาวิทยาลัยที่นี่ดีมากนะครับ เป็นที่ที่ผมอยู่ในตอนนี้ หรือจะเป็น University of Manchester ก็ตาม โอกาสที่จะได้ติดตามทีม ได้อยู่ในเมืองฟุตบอล ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง แน่นอนว่า ทุกคนที่เชียร์แมนยูคงอยากจะมาชมเกมที่สนามสักครั้ง ซึ่งอันนั้นก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งซึ่งทำให้ผมเลือกที่นี่ครับ และผมได้ทุนจากมหาวิทยาลัยด้วย ทำให้ผมสามารถยื่นคะแนนมาเรียนที่นี่ได้โดยตรง และมีเพื่อนที่จบมาด้วยกันอยู่ที่นี่ด้วย มันเลยกลายเป็นตัวเลือกที่เยี่ยมมาก คือผมจบจากโรงเรียนนานาชาติ แล้วมาต่อที่นี่เลย เหมือนกับประจวบเหมาะพอดี ที่อยากจะมาด้วย

• แล้วคุณได้เข้าไปทำงานในสโมสร ได้ยังไงครับ

ตอนนั้นผมเรียนอยู่ปี 2 เพื่อนผมเขาก็ทำงานกันหลายคน เราก็เลยว่า เออ เราน่าจะหางานทำนะ เพราะช่วงนั้นเรียนยังไม่หนัก ก็เลยลองหาดูในเว็บไซต์ต่างๆ ทีนี้ เราก็ลองไปดูในเว็บไซต์ของสโมสร ก็มีประกาศหาพนักงานในพิพิธภัณฑ์ของเขา เราก็เลยลองส่งใบสมัครไปดู หลังจากนั้น 3-4 เดือนต่อมา ทางสโมสรก็เรียกผมไปสัมภาษณ์ แล้วก็ผ่านการสัมภาษณ์ครับ

หลังจากนั้น เขาจะให้เราออกทัวร์กับไกด์ที่มีประสบการณ์ก่อนสองอาทิตย์ เหมือนเป็นการให้เวลาศึกษาดูว่าเขาทำทัวร์ยังไง และให้เราเอาข้อมูลตามจุดต่างๆ ในสนามไปท่อง ถ้าเรามั่นใจแล้ว ก็ขอไกด์เขาทำเป็นจุดๆ ไปก่อน อีกอย่าง เขาก็สอนเรื่องการรักษาความปลอดภัย ให้เข้าคอร์สด้วย

• หน้าที่ของเรา ในการเป็นไกด์ ทำอะไรบ้างครับ

เราก็นำทัวร์ในสนามครับ พาลูกค้าไปจุดต่างๆ แล้วก็อธิบายเกี่ยวกับจุดนั้น อาจจะมีข้อมูลเกี่ยวกับสโมสรปนๆ บ้างด้วยครับ แล้วก็คอยดูว่าไม่มีใครหลงไปไหน ตอบคำถามที่เขาอยากรู้ครับ ปกติแล้วจะมีไกด์สองคนต่อหนึ่งทัวร์ เราจะสลับกันแต่ละจุด เพื่อความหลากหลายของทัวร์

• พอมาได้สัมผัสในสนามจริงๆ ความรู้สึกเป็นยังไงครับ

คือจริงๆ ก่อนมาทำงาน ผมก็ได้ดูบอลที่นี่มาบ้างแล้วนะ ก็จะเป็นช่วงปลายปี 2013 น่ะครับ ตอนนั้นเจอนิวคาสเซิล คือตอนแรกผมก็ตกใจกับบรรยากาศการดูบอล ทุกคนตั้งใจเชียร์กันมาก ตอนเราดูอยู่ที่เมืองไทย ก็พอจะรู้ว่าแฟนๆ ที่นี่เขาอินกันมาก แต่พอมาได้สัมผัสเอง คำแรกคือมันเหลือเชื่อ มาช่วงแรกๆ ผมก็ร้องเพลงเชียร์อะไรไม่ค่อยเป็นนะ พอถูๆ ไถๆ ไป แต่พอเริ่มได้มาดูบ่อยเรื่อยๆ เราก็เริ่มจับทางเขาได้ ส่วนความรู้สึก แน่นอนว่าต้องดีใจครับ ที่ได้ทำงานกับสโมสรซึ่งเป็นสโมสรที่ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมากและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน คือบอกเลยว่า เราไม่เคยรู้สึกเบื่อเลย ถึงแม้ว่าวันหนึ่งจะต้องเดินเข้าออกสนามไม่รู้กี่ครั้ง

• ในขณะเดียวกัน ทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย แบ่งเวลายังไงครับ

ยากนะครับ เพราะตอนนี้ผมก็กำลังเขียนวิทยานิพนธ์ด้วย ก็หนักหน่อย แต่ก็แบ่งได้ครับ วันที่ไม่เรียน ผมก็ทำงาน แต่คือตามวีซ่าผมทำงานได้แค่ 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ มันก็เลยจำกัดให้เราอยู่ แถมเราสามารถเลือกได้เลยว่าเราไม่อยากจะมาทำวันไหน เราก็บอกเขาไป เขาค่อนข้างปล่อยครับ ยกเว้นว่าถ้ามันจำเป็นจริงๆ เราก็จะเข้ามา แต่ถึงแม้จะได้มาทำงานที่นี่ ผมก็ไม่ได้ดูฟรีนะครับ (หัวเราะ) ผมก็เหมือนแฟนๆ ปกตินี่แหละ ก็รอซื้อตั๋วเอา บางนัดก็ไม่ได้ดู ดูอยู่บ้าน ดูตามผับบ้าง จะได้แค่ส่วนลดในร้านขายของ ได้ 10% เหมือนสมาชิกสโมสรทั่วไปครับ

• การได้มาทำงานกับทีมที่ดังทีมหนึ่ง ได้ให้อะไรกับคุณบ้างครับ

หลายอย่างเลยครับ คือเราได้ประสบการณ์การทำงานกับองค์กรที่ถือว่ามีชื่อเสียงและมีความเป็นมืออาชีพมาก เราได้ความรู้สาระเกี่ยวกับฟุตบอลเพิ่มขึ้นทุกวันที่เรามาทำงาน ได้เพื่อนด้วยครับ และได้พบเจอกับผู้คนที่มีความสนใจด้านฟุตบอลเหมือนเราจากทั่วทุกมุมโลก ได้แลกเปลี่ยนความรู้วัฒนธรรมต่างๆ และแน่นอนว่า เราได้อยู่กับสิ่งที่เรารัก ได้เป็นส่วนหนึ่งของสโมสรที่เรารักครับ ผมว่ามันก็สุดๆ ละ พูดแล้วจะร้องไห้ (หัวเราะ)
เรื่อง : สรวัจน์ ศิลปโรจนพาณิช
ภาพ : อินสตาแกรม beam543

กำลังโหลดความคิดเห็น