xs
xsm
sm
md
lg

มีวันนี้เพราะหมอโอ๊ค “อุ๊บอิ๊บ-ภคณีย์” นักวิ่งอัลตราฯ แห่งสยามประเทศ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จะว่าบ้าดาราก็น่าจะใช่ แต่เหนืออื่นใดคือการอยากจะเอาใจไอดอล กลับเป็นจุดเปลี่ยนอันยิ่งใหญ่ของ “อุ๊บอิ๊บ-ภคณีย์ บุรุษภักดี” หญิงสาวที่การวิ่งไม่เคยอยู่ในสายตา แต่เพียงแค่ “หมอโอ๊ค” ส่งเสียงอ้อนว่า แฟนคลับควรดูแลสุขภาพและออกกำลังกาย เท่านั้นล่ะ ก็ทำให้เธอคว้ารองเท้าผ้าใบออกสตาร์ทสู่ลู่เลน กระทั่งสุดท้ายกลายเป็นนักวิ่งแข่งขันอันดับต้นๆ ซึ่งคนจำนวนไม่น้อย ห้อยคำว่า “ไอดอล” ประดับท้ายชื่อของเธอ

“เป็นคนที่ไม่เคยออกกำลังกายเลยค่ะตั้งแต่เด็กๆ”
สาวสวยผู้ผ่านเส้นทางโหดหินกับการวิ่ง 100 กิโลเมตรแบบไม่หยุดพักและผ่านการแข่งแบบอัลตรามาราธอนมาแล้วหลายสนาม บอกเล่าพร้อมรอยยิ้มงามๆ บนใบหน้า

“เพราะเราคิดว่าการออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ไกลตัว แถมเป็นคนที่กลัวความเหนื่อย นิดหน่อยเราก็ไม่เอาแล้ว จึงคิดว่าการออกกำลังกายนั้นตัดออกจากชีวิตไปได้เลย”

 แต่พอหมอโอ๊คบอกว่าให้ออกกำลังกายเท่านั้นแหละ...

มันเป็นเรื่องที่ตลกมาก (ยิ้ม) คือตอนนั้นเราปลื้มหมอโอ๊ค (สมิทธิ์ อารยะสกุล) ชอบมาก เขาหล่อ ดูดี เป็นนักร้องด้วย เรากรี๊ดกับเพื่อน ติดตามตลอด จุดเปลี่ยนอยู่ตรงที่ว่า ทุกครั้งที่เขาให้สัมภาษณ์ที่ไหนก็ตาม เขาจะบอกแฟนคลับเสมอว่าให้ออกกำลังกาย เขาจะพูดเรื่องสุขภาพตลอด เราจึงหันมาวิ่งเพราะมันเป็นกีฬาที่ทำคนเดียวได้ และเป็นการออกกำลังกาย ไอดอลของเราเขาบอกให้ทำ เราก็ทำเพราะว่าเอาใจไอดอลเราค่ะ (ยิ้ม) ไม่ได้ต้องการลดน้ำหนักอะไรหรอก เพราะเราเป็นคนผอมอยู่แล้ว เราก็วิ่งแบบงั้นๆ แหละค่ะ รองเท้าวิ่งก็ซื้อมาผิด เราไปซื้อแบบผ้าใบมาเพื่อให้ได้วิ่ง ไปวิ่งที่สนามกีฬาของมหา’ลัย ก็วิ่งรอบสองรอบ เพียงแค่รู้สึกว่าได้วิ่งแล้วตามที่ไอดอลเราบอก

 แม้ว่าจะทำไปเพราะไอดอล แต่มีผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง

ใช่ค่ะ ที่เห็นได้ชัดเจนเลยคือเรื่องสุขภาพของเรามันดีขึ้นมาก อย่างเราเคยป่วยเป็นไซนัส ก็ดีขึ้น กระโปรงที่เราเคยใส่แล้วคับ มันกลับหลวม เสื้อก็หลวม เราเลยคิดว่าอาจเป็นเพราะเราออกกำลังกาย จุดนี้จึงทำให้เข้าใจว่าทำไมเขาถึงบอกว่าหันมาออกกำลังกาย

อีกสิ่งที่ได้คือภายในใจ เราจะภูมิใจและรักตัวเองมากๆ การวิ่งเหมือนการเก็บจิ๊กซอว์ วิ่งหนึ่งวันเก็บหนึ่งตัว วิ่งทุกวันเราเก็บทุกวัน จิ๊กซอว์พวกนั้นจะค่อยๆ ประกอบตัวเราขึ้นมา พอเรามาดูตัวเอง เราเปลี่ยนไปเรียบร้อยแล้ว ทัศนคติก็เปลี่ยน เราเลยเป็นคนที่อยากพัฒนาตัวเอง อยากทำให้มันดีขึ้นทุกวัน

 ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เราวิ่งมากี่ปีแล้วคะ

จริงๆ ถ้าวิ่งแบบนั้น วิ่งมาตั้งแต่เรียน ปี 3 ปี 4 แล้วค่ะ จะวิ่งแค่ไม่กี่รอบสนามกีฬา(ยิ้ม) จนเรียนจบมาทำงาน ที่ทำงานเก่าก็ไม่มีที่วิ่ง แต่เรายังติดการออกกำลังกาย เราเลยเต้นแอโรบิกที่ห้องบ้าง ขอให้ได้เหนื่อย จากนั้นพอย้ายมาทำที่ SCG เขามีฟิตเนส มีทางวิ่ง เราเลยได้กลับมาวิ่งอีกครั้ง

 แล้วเราก้าวเข้าสู่ลู่วิ่งของการแข่งเมื่อไหร่ยังไงคะ

ตอนนั้นเฟซบุ๊กเริ่มเข้ามามีบทบาท พอเราวิ่ง เราก็โพสต์ พอมีคนเห็น เขาก็แนะนำให้เราลองไปลงวิ่งแข่งตามงานที่เขาจัด เราสนใจจึงลองไปสมัคร จากแต่เดิมที่เราวิ่งได้แค่ 4 กิโล กลับกลายเป็นว่างานแรกที่ลงแข่ง ต้องวิ่ง 10 กิโล แต่เราก็ทำได้และรู้สึกดีกับสิ่งที่เราฟันฝ่าความเหนื่อยนั้นมาได้และทำให้เราแข่งขันมาจนถึงทุกวันนี้ค่ะ

 รู้มาว่าคุณเคยวิ่ง 100 กิโลเมตรแบบไม่หยุดพักเลย

ใช่ค่ะ (ยิ้ม) ตอนนั้นเป็นงาน “โอทูโอ” (O2O : Ocean to Ocean) ระยะทางจากฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ชายฝั่งอ่าวไทย จากระนองไปชุมพร เป็นการวิ่งตัดด้ามขวาน เอามือแตะน้ำทะเลฝั่งหนึ่ง แล้วไปแตะน้ำทะเลอีกฝั่งหนึ่ง รายการนี้เป็นรายการแบบวิ่งผลัด ทีมละ 8 คน เขาจะมีรถตู้ขับตามนักวิ่ง พอคนที่หนึ่งวิ่งครบก็ขึ้นรถ แล้วคนที่สองลงวิ่ง ไล่ไปแบบนี้จนถึงคนที่ 8 เรียกว่าวิ่งผลัด แต่เราอ่ะไม่เอา (ยิ้ม) เราขอวิ่งเดี่ยวตั้งแต่จุดสตาร์ทจนจบระยะทางประมาณ 113-115 กิโล มันเป็นอะไรที่สนุก เพราะเราไม่ได้เครียดกับมัน แต่เราก็มีรถตู้ตามคันหนึ่งนะ เราบอกให้รถไปรอที่ระยะ 5 กิโล พอไปถึง เราก็กินน้ำแล้วบอกให้เขาไปต่อ ทำแบบนี้จนไปถึงเส้นชัย

บางคนอาจจะคิดว่าวิ่ง 100 กิโลแบบหยุดพักนอนต่อแล้วค่อยตื่นมาวิ่ง แต่ไม่ใช่ มันคือการวิ่งยาวเลย บ่ายโมงจนจบ 8 โมงเช้าของอีกวัน วิ่งข้ามคืนเลยค่ะ แต่กว่าจะถึงเส้นชัย เราเจ็บตั้งแต่กิโลที่ 30 แล้ว ข้อเท้าบวม ฉีดสเปรย์ไปตลอดทาง และพอถึงเส้นชัยก็เดินไม่ได้เลย ต้องมีคนมาหามไปโรงพยาบาลเลย หลายคนอาจจะพูดว่ามันฝืนตัวเองไปไหม มันคุ้มไหม แต่สำหรับเราบอกได้คำเดียวเลยว่าเกินคุ้มจริงๆ การเจ็บนั้นรักษาเดี๋ยวก็หาย แต่สิ่งที่เราได้มา มันคือการพิสูจน์ตัวของเราเองด้วย

 ก่อนแข่งแต่ละงาน เรามีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

ปกติ เราก็ซ้อมอยู่ทุกวันอยู่แล้ว หลังเลิกงานก็วิ่ง 5-6 กิโล บางที 10 กิโล ถ้าเสาร์อาทิตย์ จะได้มากหน่อย ถ้าวิ่งถนนจะฝึกความอดทน 30 กิโล บางทีก็จะบินไปเชียงใหม่เพื่อซ้อมวิ่งเทรล เพื่อให้คุ้นชิน ก็จะวิ่งตั้งแต่เช้ายันเย็นเลยค่ะ

 คิดว่าตัวเองหมกหมุ่นกับการออกกำลังกายมากเกินไปไหม

ไม่นะ การวิ่งคือการรีแลกซ์นะ ถือเป็นการพักผ่อน การที่ได้ไปวิ่งต่างจังหวัด เป็นอะไรที่ฟินสุดๆ ถ้าให้เลือกว่า เวลาว่างจะไปเที่ยวหรือไปวิ่ง เราเลือกไปวิ่งนะ มันไม่ได้ฝืนตัวเอง มันคือความสุขจริงๆ (ยิ้ม)

 เคยมีลงสนามต่างประเทศบ้างไหมคะ

มีค่ะ ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ญี่ปุ่น เนปาล แต่ละที่ที่ไปแข่งมีความท้าทายทั้งนั้น เพราะมันคือการแข่งวิ่งแบบเทรล เป็นการวิ่งที่ความชันในแต่ละที่ต่างกัน อย่างที่ฮ่องกง ระยะทางอาจจะแค่ 50 กิโล แต่ความชันนั้นเท่ากับ 2,500 ซึ่งชันมาก มันสนุกและท้าทายมาก การวิ่งแบบนี้คือการวิ่งที่เรียกว่า อัลตรามาราธอน ซึ่งเราทำมันได้เกินเป้าที่เราวางไว้

 จากประสบการณ์สนามไหนที่เราประทับใจมากที่สุดคะ

จริงๆ ประทับใจทุกสนามเลยนะคะ บางทีเราจะไม่ได้ประทับใจสนาม แต่เราจะประทับใจตัวเองที่รู้จักอดทน แต่สนามที่ไปแข่ง สวยทุกสนามเลย ที่ญี่ปุ่นจะสวยมากๆ เราต้องวิ่งผ่านทุ่งชาเขียว ทุ่งดอกไม้ เห็นภูเขาไฟฟูจิแต่บอกเลยว่าที่ญี่ปุ่นเราไม่ได้มองวิวเลย มองแต่เท้าตัวเอง (หัวเราะ) เพราะวันที่ไปแข่ง ฝนตกตลอด กลัวลื่น อย่างเนปาลก็สวยมาก ผู้คนน่ารัก วิ่งผ่านใครก็ตาม เขาก็จะทักว่า “นมัสเต” ตลอด (ยิ้ม)

 แล้วมีประสบการณ์ครั้งไหนที่เราไปวิ่งแล้วแย่มากๆ จนเรารู้สึกว่าไม่อยากจะวิ่งแล้วหรือเปล่าคะ

ทุกครั้งที่มันเกิดความแย่จะมีสองกรณี แย่แล้วเอาชนะจนชนะ กับแย่แล้วสู้จนถึงที่สุดจนยอมแพ้ ซึ่งทั้งสองกรณีนี้มันเป็นความรู้สึกเชิงบวกทั้งนั้น แต่ถ้าถามว่าการวิ่งมันเสี่ยงไหม ต้องตอบว่าบางครั้งก็เสี่ยงนะ เพราะฉะนั้นสติต้องมาก่อน ต้องซ้อมให้ถึง แล้วต้องตั้งสติยอมรับให้ได้ว่าเราจะเจออะไรข้างหน้า

มีเหตุการณ์หนึ่งที่ฟิลิปปินส์ ตอนนั้นจำได้ว่าอยู่บนสันเขา มีลมพัดโชย สามารถมองเห็นทะเลได้เลย แล้วถนนเส้นนั้นเป็นเส้นที่ไม่มีชาวบ้านใช้ พอไม่มีการใช้งาน ดินก็อ่อนตัว เราวิ่งไปดินกลับทรุดตัวลง จนทำให้เราตกเขาไปสองครั้ง เจ็บไปทั้งตัว ร้าวมาก แต่เราก็ใช้ความอดทนตะกุยเอาตัวเองขึ้นมาแล้ววิ่งต่อ ไปอยู่ในจุดที่มีรถมารับเราได้

 จะว่าไปแล้ว เราไปหลงเสน่ห์อะไรของการวิ่ง

ถ้าวิ่งเทรลจะรู้ว่ามันสวย มันเป็นการเอาชนะใจตัวเอง จะมีความภูมิใจในสิ่งที่เราตั้งเป้าหมายไว้ เราจะรู้สึกว่าเรามีค่า เราจะบอกผู้หญิงบ่อยๆ ว่าอย่าไปมองว่าผู้หญิงคนนั้นสวยเพราะหน้าเรียวจมูกโด่ง แต่มันอยู่ที่ความมั่นใจ คนเราเวลาภูมิใจในตัวเอง เราจะเห็นค่าของตัวเอง การเห็นค่าของตัวเองนี่แหละทำให้ผู้หญิงดูสง่า การวิ่งมันทำให้ทัศนคติของเราเปลี่ยน ให้เรามีความมั่นใจในตัวเอง เมื่อก่อนเราเป็นคนผิวขาว แต่เดี๋ยวนี้ใครเห็นจะถามว่าทำไมกลายเป็นสีนี้ เราไม่ได้รู้สึกแย่เลยนะ รู้ไหมว่า กว่าจะได้สีนี้มา เราผ่านอะไรมาบ้าง ต้องผ่านแดดมากี่แดด เราไม่ได้มันมาง่ายๆ นะ (ยิ้ม)

 แผนในอนาคต เราวาดไว้อย่างไรบ้าง

เราอยากจะวิ่งให้จบ 100 ไมล์ที่ประเทศญี่ปุ่น อย่างที่บอก YS2Y เป็นการวิ่งรอบภูเขาไฟฟูจิ มันคือความฝันของเรา ต้องวิ่งให้ได้เต็มรอบภูเขาไฟฟูจิ นี่คือความฝันเราเลย เพราะว่าตอนเราไปวิ่งครั้งนั้น เป็นแค่การวิ่งแค่ครึ่งเดียว แต่วันข้างหน้าเราจะต้องทำให้ได้เต็ม (ยิ้ม)

อุ๊บอิ๊บไม่เคยคิดจะหยุดวิ่งเลยนะคะ จะวิ่งไปเรื่อยๆ จนกว่าจะวิ่งไม่ได้ หรืออาจจะถึงจุดอิ่มตัวแล้ว อายุมากแล้ว อาจจะผันตัวเองเป็นนักเดินป่า เดินเที่ยวอะไรแทน



เทคนิคการกินเล็กๆ น้อยๆ จากนักวิ่ง

อาหารก่อนวิ่ง
ก่อนวิ่งควรรับประทานคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าว ขนมปัง เผือก มัน แนะนำว่าควรเลือกเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนจำพวกข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต ธัญพืชไม่ขัดสีเพราะมีไฟเบอร์สูง ช่วยให้อิ่มนานย่อยและดูดซึมช้า

อาหารระหว่างวิ่ง
ในการซ้อมวิ่งอาจมีน้ำหรือแตงโมเย็นๆ ไว้ เพื่อจะได้มีเรี่ยวแรงวิ่งต่อได้อย่างสดชื่นและเรียกพลังกลับคืนมา หรือหากเป็นรายการแข่งวิ่งระยะไกลจะมีจุดเครื่องดื่มและผลไม้จำพวกกล้วยหรือแตงโม อันนี้ควรกิน เพื่อเพิ่มพลังงานและป้องกันการสูญเสียเกลือแร่ รวมถึงควรจิบน้ำทุกๆ 2-2.5 กิโลเมตรตลอดการวิ่ง

อาหารหลังวิ่ง
ควรเติมอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเข้าไปภายใน 1-2 ชั่วโมงหลังจากวิ่งเสร็จ จากนั้นควรรับประทานโปรตีนเพราะจะช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อส่วนที่สึกหรอได้

อาหารในชีวิตประจำวัน
ไม่ใช่เฉพาะในช่วงเวลาวิ่งเท่านั้นแต่ในชีวิตประจำวันก็ควรเลือกกินอาหารเช่นเดียวกัน ควรเลือกกินคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน โปรตีนจากเนื้อปลา ลดอาหารหวาน มัน ทอดและเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลสูง

อาหารเสริม
เพราะการกินอาหารในชีวิตประจำวันอาจได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ อุ๊บอิ๊บเลยเลือกกินวิตามินเสริมบางชนิดเพิ่มเพื่อช่วยบำรุงและฟื้นฟูร่างกาย เช่น วิตามินซี วิตามินบีรวม แมกนีเซียม แคลเซียมและวิตามินดี เป็นต้น







Profile

ชื่อ สกุล : ภคณีย์ บุรุษภักดี
ชื่อเล่น : อุ๊บอิ๊บ
การศึกษา : คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ภาควิชาสถาปัตยกรรมภายใน (เกียรตินิยมอันดับ 1) สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
อาชีพ : นักออกแบบ
งานอดิเรก : วาดภาพ ท่องเที่ยว และออกกำลังกาย

ประสบการณ์วิ่งที่ผ่านมา :

ระยะมาราธอน (42.195 กิโลเมตร)
Standard Chartered Bangkok Marathon 2013, Chiang Mai Marathon 2013, ChomBueng Marathon 2014, Pattaya Marathon 2014, Khao Yai Trail Marathon 2014, Standard Chatered Bangkok Marathon 2014, Chiang Mai Marathon 2014

ระยะอัลตรามาราธอน
50 km Columbia Trail Master 2013, Suanpruek 99 10-Hour Ultra Marathon 2014, 112.5 km Fullmoon Relay Running Ocean to Ocean 2014, 50 km Columbia Trail Master 2014, 50 km The Bangkok Ultra Trail Festival 2014, The North Face 100 Thailand 2015, 50 km TransLantau Hong Kong 2015

รางวัลและผลงานล่าสุด
 รางวัลที่ 1 รุ่นอายุ 18-29 ปี (หญิง) สสส.จอมบึงมาราธอน ระยะทาง 42.195 กิโลเมตร
 อันดับที่ 7 Over All 10 ชั่วโมง อัลตรามาราธอน 2014
 รางวัลชนะเลิศวิ่งพิทักษ์หัวหิน ครั้งที่ 11 ประเภทมาราธอนหญิง และอันดับ 3 รุ่นอายุ 16-29 ปี
 รองชนะเลิศอันดับ 1 การแข่งขัน Isuzu Roboman U-Tapao 2014 ทวิกีฬาประเภทบุคคลหญิง รุ่น 16-29 ปี
 รองชนะเลิศอันดับ 1 การแข่งขันภูทับเบิก On the Rock Trail Run รุ่น 30-39 ปี
 รองชนะเลิศอันดับ 2 การแข่งขัน Singha River Kwai International Trophy 2015 ประเภท Mixed Extreme
 ฯลฯ

เรื่อง : วรัญญา งามขำ, อนงค์นาฏ ชนะกุล
ภาพ : ปวริศร์ แพงราช และ Facebook Fanpage : I'm Oopaib

กำลังโหลดความคิดเห็น