สองปีกว่า กับการถูกด่าและระรานข่มขู่ทุกรูปแบบ สำหรับวงคาราวาน เรื่องที่มาของเพลง “เซิ้งอีสาน” ที่ถูกยื่นฟ้องจากลูกหลานของบุคคลผู้อ้างว่าเป็นผู้แต่งเพลงนี้พร้อมกับเรียกร้องค่าลิขสิทธิ์ 50 ล้านบาท น่าจะถึงกาลสิ้นสุด เมื่อ “อุทัย มหาวงศ์” เปิดเผยตัวในฐานะผู้แต่งเพลงระดับตำนานเพลงนี้ |
สำหรับผู้ที่ติดตามข่าวสารในเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ คงผ่านหูผ่านตาข่าวคราวที่เรานำเสนอไปเมื่อไม่กี่วันก่อน เกี่ยวกับกรณีที่มีบุคคลผู้หนึ่งดำเนินการเรียกร้องค่าลิขสิทธิ์จากบทเพลง “เซิ้งอีสาน” เพลงในตำนานของวงคาราวานที่นำทัพโดย “น้าหงา-สุรชัย จันทิมาธร” โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเกือบ 2 ปี แม้จะมีการเรียกร้องกระทั่งใช้วิธีการข่มขู่ระรานหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโพสต์ด่าว่าประจานผ่านทางเฟซบุ๊ก แต่กลับไม่มีการดำเนินการฟ้องร้องอย่างถูกต้องตามกระบวนการขั้นตอนของกฎหมาย คำถามที่ตามมา เกิดเป็นปริศนาคาใจคนดูผู้ตามว่าจะเลือกเชื่อใครดี ขณะที่ชื่อเสียงของวงคาราวานก็ถูกทำให้แปดเปื้อนมัวหมองไปแล้วเรียบร้อย
อย่างไรก็ดี กว่า 2 ปีที่พ้นผ่าน วงคาราวานพยายามนิ่งเฉยมาโดยตลอด ไม่ตอบโต้หรือถือสาหาความอันใด แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ควรมีจุดสิ้นสุด เหมือนอย่างที่สมาชิกคนหนึ่งของวงคาราวาน “หว่อง-มงคล อุทก” บอกว่า จะให้ใครก็ไม่รู้มาด่าเล่นๆ เป็นเวลาปีสองปีหรือเรื่อยไป มันไม่น่าจะใช่เรื่อง
ด้วยเหตุนี้ เมื่อองค์ประกอบหลักฐานพร้อมมูล สมาชิกผู้ร่วมเป็นร่วมตายมากับวงคาราวานตั้งแต่เกิด “หว่อง-มงคล อุทก” จึงพาบุคคลผู้หนึ่งเข้าพบกับทีมข่าวพิเศษของเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ พร้อมกับแนะนำตัวว่า นี่แหละ คือเจ้าของบทประพันธ์เพลง “เซิ้งอีสาน” ตัวจริงเสียงจริง
“อุทัย มหาวงศ์” รวมทั้ง “มงคล อุทก” นั่งอยู่ตรงหน้าเรา และพร้อมจะเปิดเผยทุกเรื่องราวความเป็นมาของหนึ่งเพลงยอดเยี่ยม ถึงขนาดที่มีคนแอบอ้างจะเอาไปหาผลประโยชน์บทเพลงนี้ “เซิ้งอีสาน”...
__________________________________
• ขอสอบถามเป็นความรู้เบื้องต้นครับสำหรับคนที่อาจจะยังไม่รู้ว่า มันเกิดปัญหาอะไรขึ้นมากับเพลง “เซิ้งอีสาน” ถึงขั้นมีข่มขู่จะฟ้องร้องกันใหญ่โต
มงคล อุทก : ขอเล่าถึงพื้นฐานที่มาของเพลงสักนิดก่อนครับ คือเพลงนี้ไม่ได้เพิ่งเกิด มันเกิดขึ้นมานานมากแล้ว ซึ่งผมเคยได้ยินตั้งแต่สมัยผมเป็นนักศึกษา ก่อนที่จะมาเป็นคาราวานอีก ในครั้งแรกผมสะใจ ถูกใจตรงที่พี่ไขแสง สุกใส ที่เขาเป็น ส.ส.จังหวัดนครพนม ได้ร่ายเพลงนี้สดๆ ในสภา “แดนอีสานกำลังเดือดฮ้อน มันเป็นย้อนพวกเจ้านายมัน มันกวดขันตั้งแต่เรื่องการปราบ” โอ้โห! ผมได้ยินก็ถูกใจ หลังจากนั้น พอผมได้มาอยู่ร่วมกับวงคาราวาน ตั้งแต่ก่อนจะเป็นคาราวานโน่นล่ะ ผมก็ลองใส่ทำนองร้องเล่นกัน แต่พี่หงา (สุรชัย จันทิมาธร) เขาก็มาใส่เนื้อหาตรงเกริ่นเริ่ม ที่ว่า “บ้านเมืองวันนี้มันอึดอยากหมากแพง นาก็แห้ง ปลาก็หาย ทุ่งโล่งโจงโปง” แล้วก็ค่อยเข้าจังหวะโอ้โฮะโอ้
เนื้อหาเพลงฉบับเต็ม ผมได้มาจากพี่ประสาร มฤคพิทักษ์ ที่ตึกกัมมันตรังสี บางขุนพรหม หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 แล้ว ตอนนั้นเป็นยุคเผยแพร่ประชาธิปไตย ผมก็นำมาใส่ทำนอง จนหงาเอามาแต่งหัวร้องเพิ่มเติมแล้วค่อยมาอัดในชุดอเมริกันอันตรายครั้งแรก
หลังจากนั้น ผมได้ไปเจอพี่ไขแสง และบอกว่า พี่ ผมเอาไปใส่ทำนองร้องแล้วนะ จะอัดเทปด้วย พี่ไขแสงเลยบอกกับผมว่า พี่ไม่ได้เป็นคนเขียน ซึ่งผมก็งงว่า เอ้า!! แล้วใครเขียน พี่เขาก็บอกว่าเดี๋ยววันหลังเขาจะแนะนำให้เรารู้จักกับคนเขียน ตอนนั้น พี่ไขแสงบอกให้รู้เพียงว่า คนเขียนเขาเป็นพระอยู่ ชื่อมหาอุทัย ตอนหลังผมก็เลยได้ไปเจอคนเขียน ช่วงนั้นคือก่อนเหตุการณ์วันที่ 6 ตุลาคม พี่ไขแสงก็บอกมาว่านี่แหละคนเขียนเพลงเซิ้งอีสานแท้ๆ จำได้ว่าวันนั้นพี่อุทัยเขาใส่เสื้อสีขาวกางเกงสีดำ (หัวเราะ) หลังจากนั้น ผมเข้าป่า กลับออกมา ก็ไม่มีปัญหาอะไรนะ
• ผ่านไปหลายสิบปีไม่มีปัญหา ทำไมเพิ่งจะมามีปัญหาเอาช่วงหลังนี้
มงคล อุทก : ก็เมื่อสองปีที่แล้วนี่ล่ะ มีคนมาบอกว่าพ่อของคุณใบตองแก้วเป็นคนเขียนเพลงนี้ ตอนนั้นผมป่วยอยู่ เขามาสัมภาษณ์ที่บ้านผม บอกว่าจะทำหนังสือเกี่ยวกับเรื่องคาราวาน และทำคอนเสิร์ต ซึ่งตรงนั้นผมก็ไม่รู้ว่าเขาไปขอทางส่วนกลางหรือขอทางพี่หงาแล้วหรือยัง แต่เท่าที่รู้มา พี่หงาไม่อนุญาต เนื่องจากตอนนั้นก็จะจัดคอนเสิร์ต 40 ปีคาราวาน กลัวว่ามันจะยุ่ง แกเลยไม่ให้ทำ พอไม่ให้ทำ ผู้หญิงคนนี้เลยเล่นสกปรกโดยบอกว่าพ่อเขาเป็นคนเขียนเพลงนี้ เขาก็จะมาพูดประมาณว่าวันเกิดพ่อเขาไม่มีเลยนะดอกไม้สักดอก ผมก็งงว่าเกี่ยวอะไร คนเขียนเพลงนี้ที่ผมรู้จัก คือมหาอุทัย ฟ้องก็ฟ้องมา เพราะผมรู้จักคนเขียนจริงๆ
ผมว่าตรงนี้น่าจะเป็นเพราะเขาน้อยใจที่เราไม่ให้เขาทำคอนเสิร์ต ซึ่งส่วนตัวผมไม่ได้ติดขัดอะไร เพียงแต่ผมบอกว่า ถ้าจะจัดคอนเสิร์ตหรือพิมพ์หนังสือ ให้ไปขอพี่หงาเกี่ยวกับเรื่องคาราวาน ทีนี้ได้ข่าวว่าพี่หงาไม่อนุญาตให้เขาทำ ก็เลยนำมาสู่ความเคียดแค้นชิงชังแล้วก็จะฟ้อง เอ้า ฟ้องก็ฟ้อง ผมก็รอ เพราะว่าผมรู้จักกับคนแต่ง ผมก็รอให้เขาฟ้อง สองปีที่ผ่านมา ด่าผมเล่นเฉยๆ โดยไม่ฟ้อง ผมก็คิดอยู่ว่าเมื่อไหร่จะฟ้องเพราะทางนี้เราก็เตรียมแล้ว เพราะพี่อุทัยเขาจดลิขสิทธิ์อะไรต่อมิอะไรแล้ว อีกอย่าง พี่ไขแสงก็แนะนำให้เรารู้จักกับพี่อุทัยคนแต่งมาตั้งนานแล้วด้วย จะมีคนใหม่มาอ้างเป็นคนเขียน ทำไมไม่อ้างตั้งแต่สมัยนั้น
• สุดท้าย เพลงนี้ก็มีการจดลิขสิทธิ์ชัดเจนใช่ไหมครับ
มงคล อุทก : เพิ่งมาจดตอนหลังนี่แหละ เพราะว่าพี่อุทัยเขาเตรียมเอาไว้ เพราะทางพี่อุทัยเคยบอกผมว่า เขาไม่ได้ด่าแค่คาราวานนะ แต่ด่าไปทางพี่อุทัยด้วย เราก็เอ้า ถ้าอย่างนั้น พี่ก็ต้องไปจดลิขสิทธิ์ให้ถูกต้องว่าพี่เป็นคนเขียน ซึ่งก็ไปจดมาเมื่อปีที่แล้ว จริงๆ มันไม่เคยมีปัญหาเลยนะ เพราะก่อนหน้านั้นก็ยังไม่เคยจดลิขสิทธิ์ แต่พอมีปัญหาเลยบอกพี่อุทัยไปว่าต้องจดแล้วนะพี่
• แสดงว่า ถ้าอย่างนั้น ทางฝั่งโน้นก็กล่าวอ้างล้วนๆ เลยใช่ไหมครับ
มงคล อุทก : ล้วนๆ (เสียงแข็ง) แต่เรื่องนี้ต้องถามทางพี่อุทัยเพราะว่าที่ทางโน้นเขาอ้างมา พี่อุทัยเขาก็รู้จักกับพ่อของเขาด้วย
• เมื่อกี้ น้าหว่องบอกว่า ฝั่งโน้นมีการด่าไปทางคุณอุทัยด้วย เรื่องนี้ความจริงเป็นยังไงครับคุณอุทัย
อุทัย มหาวงศ์ : คืออย่างนี้นะ เรื่องที่เขาระรานทางนี้ ผมไม่ทราบเลยทีแรก ผมเพิ่งมาทราบเมื่อกลางปีที่แล้ว ตอนนั้น คนชื่อแก้วโทรศัพท์หาผมครั้งแรก ผมก็ไม่ทราบหรอกว่าเขาเป็นใคร เขาพูดมาเยอะมาก สุดท้ายเขาถามว่าเพลงเซิ้งอีสาน ผมเป็นคนแต่งใช่ไหม ผมก็บอกว่าผมแต่ง เพราะว่ามันเปิดเผยขึ้นมาแล้ว มันมีในหนังสือของวัฒน์ วรรลยางกูล ด้วย (ไขแสง สุกใส ลูกผู้ชายหัวใจไม่ผูกเชือก) แต่เขาก็ยังยืนยันว่าพ่อของเขาแต่ง ตอนนั้นผมก็ไม่ทราบว่าพ่อเขาคือใคร เขาก็บอกชื่อมา บังเอิญมาก พ่อเขากับผมรู้จักกัน เพราะเคยบวชเป็นเณรอยู่วัดสุทัศน์ด้วยกัน ผมก็เลยถามเขาไปว่าคุณฉลาดจะไปแต่งเพลงนี้ได้ยังไง ผมนี่แหละเป็นคนแต่ง ตอนนั้นก็จบไปแค่นั้น
แล้วตอนหลังมา ทางคุณหว่องและทีมที่อยู่คาราวานก็ติดต่อผมมา บอกผมว่ามีคนไประรานเขานะ เขาถามผมว่าจะช่วยเขายังไงได้บ้าง ผมเลยบอกไปว่าให้มันระรานไป เสร็จแล้วก็ให้มันฟ้องสิ ผมจะได้ช่วยเป็นพยาน ซึ่งผมก็คิดได้เท่านี้
จริงๆ เรื่องนี้ผมไม่ได้คิดอย่างอื่นเลยนะ ผมไม่ได้คิดเป็นเรื่องธุรกิจ ไม่ได้คิดเรื่องค้าเรื่องขาย มีคนบอกให้ผมฟ้องหงาด้วยซ้ำไป (หัวเราะ) บอกผมว่าทำไมผมไม่ฟ้องเอาลิขสิทธิ์เพราะว่าเขาเอาเพลงเราไปร้อง ผมเลยบอกว่าผมดีใจ เพราะว่าผมเป็นคนแต่ง อีกอย่างเรื่องนี้เป็นเรื่องการเมือง เราไม่สงวนลิขสิทธิ์อะไรหรอก แต่ว่าถ้าผมตาย เวลาจะเผาผม ขอความกรุณาไปเล่นให้ผมฟังหน่อย (หัวเราะ)
• ที่บอกว่า คุณแก้วเคยติดต่อครั้งสองครั้ง เคยนัดเจอกันไหม
อุทัย มหาวงศ์ : ไม่เคย (ตอบเร็ว) มีแต่เขาถามว่าเราเป็นคนแต่งหรือเปล่า ซึ่งผมก็ยืนยันว่าผมแต่ง
• เขาไม่กล้าแสดงตัวหรือเปล่า
อุทัย มหาวงศ์ : ก็ยังไงไม่ทราบ เขาจะขอพบหรือเปล่าไม่รู้ แต่ผมจะไปขอพบเขาได้ยังไง เขาเป็นผู้หญิง เขาก็พูดมา แต่ผมยืนหยัดว่าผมแต่ง เขาบอกว่าเขาจะฟ้องคาราวานนะ ผมก็บอกว่า แล้วแต่คุณ แต่ผมก็เป็นพยานให้คาราวานได้ ซึ่งผมอนุญาตให้เขาร้อง แต่งแล้วใช้คำว่านิรนาม ก็ตอนนั้นมันมีเหตุผลทางการเมือง ผมก็พูดสั้นๆ ไป เขาจะใช้นิรนามหรืออะไรก็ช่างเขา แต่ผมพอใจให้เขาเอาไปร้อง
• คุณอุทัยเล่าให้ฟังหน่อยครับว่าแต่งเพลง “เซิ้งอีสาน” ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่
อุทัย มหาวงศ์ : ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2508 ตอนนั้นผมบวชอยู่วัดดอน ตรงยานนาวา ช่วงนั้นพี่ไขแสงก็มาอยู่กับผม เพราะพี่เขาไม่มีที่อยู่ แล้วพี่ไขแสงแกก็ชอบเพลงเซิ้งอีสาน พื้นฐานของเพลงเซิ้งอีสานมันเป็นทำนองอีแซวของสุพรรณบุรี ใครจะใส่เนื้อยังไงก็ค่อยว่ากัน แต่ทำนองมันมีของอีสานอยู่ โดยเฉพาะการเซิ้งอีสานเขาใช้สำหรับเซิ้งบั้งไฟ มันเอาไว้ล้อเลียน เกี้ยวพาราสี เป็นประเพณีอีสาน แต่ก็อย่างว่า ตอนนั้น การเมืองมันรุนแรงมาก ทั้งชาวบ้านทั้งพระถูกตั้งข้อหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์กันเยอะ มันโหดร้ายมากจริงๆ นะ เขาจับไปขังถีบลงถังแดง ถังแดงคือถังน้ำมัน 200 ลิตร ถีบลงไปปิดฝาแล้วเอาไปเผา ฆ่ากันอย่างกับวัวกับควายเลย ไม่มีใครกล้าพูดเลย แม้กระทั่งผมก็ยังถูกบังคับให้สึกจากพระ ด้วยแรงขับจากสถานการณ์อย่างนั้น ผมก็เลยเขียนเพลงเซิ้งอีสานขึ้นมา
แต่เพราะเหตุการณ์มันรุนแรงมากอย่างที่บอก ผมเขียนเซิ้งอีสานขึ้นมา มันเลยต้องปิดชื่อ แต่ในขณะเดียวกัน พี่ไขแสงแกได้เป็น ส.ส.ขึ้นมา แกเลยเอาเพลงนี้ไปพูดในสภา แต่ปิดยังไงคนก็รู้ว่าผมเป็นคนแต่ง แต่เก็บไว้ภายใน ไม่ได้เผยแพร่ออกไป
• สรุปง่ายๆ ณ จุดนี้ เหตุผลที่ไม่เปิดเผยชื่อ ณ ตอนนั้น มีสาเหตุจากเรื่องภัยการเมือง
อุทัย มหาวงศ์ : เพื่อความปลอดภัย (ตอบเร็ว) ผมเก็บมาเรื่อยๆ ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนะ ใครเอาไปร้องก็ดีใจว่านี่ฝีมือเรา ก็ดีใจแค่นั้น งานวันเกิด งานอะไรของพี่ไขแสงแกก็ชอบเอาไปร้อง แม้กระทั่งในสภา แกก็เอาไปร้อง (ยิ้ม) เราก็ดีใจ เก็บความรู้สึกดีใจไว้ แต่ตอนนี้มันพอจะเปิดเผยได้แล้ว ซึ่งทางวัฒน์ วรรลยางกูล เขาก็เอาไปเขียนเป็นหนังสือแล้วด้วย แล้วทำแจกในงานศพพี่ไขแสงด้วย เ สร็จแล้วกลับมีปัญหาแบบนี้ขึ้นมา เราก็ไม่คาดคิดว่ามันจะมีปัญหาเกิดขึ้น ไอ้เรื่องไม่เข้าเรื่องแบบนี้
• ในฐานะที่เราแต่งเพลงนี้ขึ้นมา เราไม่อยากได้ผลประโยชน์อะไรเลยใช่ไหม
อุทัย มหาวงศ์ : ไม่มี ผมไม่คิดอะไรเลยแม้แต่กาแฟถ้วยเดียวก็ไม่คิด ถ้าจะมีก็มีแต่ได้กินข้าวฟรีร้านคุณหว่อง (หัวเราะ) นอกนั้นไม่มีอะไรเลย
• คาดหวังสิ่งใดครับกับการที่เรามาเปิดเผยแบบนี้ ตอนนี้
อุทัย มหาวงศ์ : ที่สำคัญที่สุดก็มาจากคาราวานมาขอร้อง ซึ่งเขาก็รู้ว่าเราเป็นคนแต่งแต่เขาถูกคนมาระราน เขาอยากให้เราช่วยเป็นพยานให้เขาหน่อย หรือช่วยทำอะไรสักอย่างซึ่งผมก็บอกให้เขาฟ้องสิ จะได้ไปเป็นพยาน อันนี้ความคิดผมนะ แต่ว่าจะเป็นอย่างนั้นหรือเปล่าผมไม่รู้ เขาจะฟ้องหรือเปล่าก็ไม่รู้
• ถามน้าหว่องครับว่า กระบวนการขั้นตอนไปถึงไหนแล้ว
มงคล อุทก : อันนี้ไม่รู้ แต่เห็นในเฟซบุ๊ก เขาก็เข้ามาด่าเรื่อยๆ อย่างเช่นว่า วันเกิดพ่อของเขา ไม่มีดอกไม้ไปให้ ครบรอบวันตายก็ไม่มี เอ้า ก็ผมไม่ได้รู้จักเขาเลย จริงๆ ผมรู้จักคนแต่งจริงคือคุณอุทัยตลอดมา
• แล้วน้าหว่องมีความต้องการอย่างไรในจุดนี้ครับ
มงคล อุทก : อยากให้เขาหยุดแอบอ้าง คือฟ้องก็ฟ้องเลย ไม่ใช่ด่ากันเล่นมาสองปีแล้ว ตอนหลังผมเห็นชื่อใบตองแก้วในเฟซบุ๊ก ผมก็ไม่อ่าน ให้ลูกลบทิ้ง แล้วก็มีชื่อใหม่มาอีก แล้วส่งข้อความมาด่าผมมาตลอด บางทีก็ใช้ชื่อคนอื่นแทรกเข้ามาด่าจนได้ ด่าผมไม่พอ ด่าลูกผมอีกว่า บอกพ่อคุณไปจ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วยนะ พ่อคุณขี้โกง อะไรต่อมิอะไร อาทิตย์ที่แล้วก็ยังตามรังควานอยู่ ซึ่งผมก็อยากให้เขาหยุด เพราะว่าคนเขียนจริงมี หลักฐานจริงมี หนังสืออ้างอิงก็มี บุคคลอ้างอิงก็มี ผมอยากให้หยุดขู่ได้แล้ว ซึ่งใครก็สงสัยว่าทำไมเราไม่ทำอะไร เขาบอกจะฟ้องก็ฟ้องสักทีสิ ทำไมไม่ฟ้องสักที คือถ้าฟ้องพี่อุทัยก็พร้อมที่จะยืนยัน คือตอนนี้มันไม่ดี มันสกปรก ด่ากันเล่นมาสองปี ผมว่าหยุดได้แล้ว
• ในทางกฎหมาย เราคิดจะฟ้องหมิ่นประมาทกลับไหม เพราะว่าเท่าที่เช็กกระแส วงคาราวานก็เสียหายเหมือนกัน
มงคล อุทก : ผมก็ไม่อยากเป็นคดี เป็นอะไร ไม่อยากไปยุ่ง แค่ผมเคลื่อนไหวทางการเมือง ก็เพิ่งรอดมา (หัวเราะ) ผมโอเคแล้ว ผมไม่อยากไปยุ่งกับมัน คาราวานเองก็ไม่มีการจัดการ ปล่อยไปนะ ไม่ฟ้องไม่อะไร จริงๆ ผมมีสิทธิ์ฟ้องหมิ่นประมาทนะ แต่สิทธิ์จริงๆ ของเพลงเซิ้งอีสานคือพี่อุทัย จริงๆ พี่อุทัยเขาฟ้องได้ในแง่เป็นคนแต่งแล้วไปข่มขู่เอาเงินตบทรัพย์ หลักฐานบุคคลก็มี หลักฐานจดลิขสิทธิ์ก็มี หลักฐานอ้างอิงก็มี ตรงนี้พี่อุทัยน่าจะบอกให้เขาหยุดด้วยซ้ำ
• คุณอุทัยอยากฝากอะไรในแง่นี้บ้างครับ
อุทัย มหาวงศ์ : คือผมอยากจะให้ข่าวทั้งหลายหรือบุคคลที่รู้จักมักคุ้น อยากให้เขาบอกว่าคนแต่งไม่ใช่ “พันโทฉลาด ใจไว” พ่อของผู้หญิงคนนี้ ซึ่งตอนนี้เขาเปลี่ยนชื่อนามสกุลไปแล้ว ซึ่งลูกสาวเขาชื่อเล่นว่าแก้ว แต่ชื่อจริงว่าอะไรผมก็ไม่ทราบ และผมก็ไม่เคยเห็นหน้าเขาด้วย สถานที่อยู่ แม้แต่ชื่อเขาผมก็รู้แค่ว่าเขาชื่อแก้ว เป็นลูกของคุณฉลาด ซึ่งผมรู้จักกันมาก่อนเพราะเคยบวชอยู่ด้วยกัน แล้วเขาก็ไปรับราชการทหารก่อนจะห่างกันไป ตอนนี้เขาเสียชีวิตแล้วด้วย
แต่ก็อย่างที่บอก คุณแก้วเขาเคยโทรศัพท์หาผมรู้สึกว่าจะครั้งสองครั้งซึ่งเขาก็ยืดหยัดว่าพ่อเขาแต่งเพลงนี้ แล้วเขาก็มีโนติสถึงคาราวาน โนติสนั้นผมเห็นนะ แต่คุณหว่องยังไม่เห็น เขาเรียกร้อง 50 ล้านบาท ซึ่งผมก็บอกให้ฟ้องสิ ผมจะได้เป็นพยานยืนยันว่าเขาแต่ง ผมก็ไม่มีหลักฐานอะไร อ้างชื่อบุคคล ผมก็จะเอาวีระ มุสิกพงศ์ ท่านเทิดภูมิ ใจดี เพราะอยู่ด้วยกันหมด ท่านเทิดภูมิยืนยันได้นะ เพราะท่านก็เป็นลูกศิษย์วัดอยู่วัดหงษ์รัตนารามเหมือนกัน ท่านก็รู้ว่าผมเป็นคนแต่ง ถามท่านได้เลย ผมมีพยานหลักฐานอ้างอิงได้หมด
ข้อความใน “ใบต่อท้ายคำขอแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์”
“เซิ้งอีสาน เป็นคำกลอนที่แต่งขึ้น แนวคิดในทางการเมือง แต่ทำนองเป็นของเก่าแก่ของคนพื้นบ้านทางภาคอีสาน
แนวความคิดการแต่งเนื้อเพลงมาจากนายไขแสง สุกใส อดีต ส.ส.จังหวัดนครพนม ซึ่งข้าพเจ้ารู้จักมาตั้งแต่เด็กๆ คุณไขแสงได้ออกจากเรือนจำข้อหาทางการเมือง ก็ได้มาพักพิงอยู่กับข้าพเจ้า และข้าพเจ้าเองก็เป็นคนอำเภอคำชะอี (ปัจจุบันเป็นอำเภอหนองสง จังหวัดมุกดาหาร) ญาติพี่น้อง ตลอดครูบาอาจารย์ในอำเภอคำชะอีถูกจับ ถูกฆ่าตาย ฯลฯ ข่มเหง ได้รับทุกข์ทรมานอย่างมาก จึงมีความคิดในการต่อสู้กับรัฐบาลที่ปกครองบ้านเมืองสมัยนั้น เพื่อให้ประชาชนได้รู้ ได้เห็นการกระทำที่รุนแรง และไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม ไม่มีศีลธรรม ฯลฯ จึงได้แต่งคำกลอนเซิ้งอีสานขึ้น ช่วงนั้น สถานการณ์ทางการเมืองรุนแรง จึงได้ปกปิดชื่อ-นามสกุลของข้าพเจ้าไว้ จนกระทั่งสถานการณ์ผ่อนคลาย จึงได้เปิดเผยชื่อ-นามสกุลข้าพเจ้า และได้พิมพ์เป็นหนังสือชื่อว่า “ไขแสง สุกใส ลูกผู้ชายหัวใจไม่ผูกเชือก” ในปี พ.ศ. 2543
ทั้งๆ ที่ปกปิดชื่อ-นามสกุล ผู้แต่ง คุณไขแสง สุกใส ก็นำออกมาพูด-ร้องเพลงเซิ้งในงานต่างๆ ในทางการเมืองเสมอๆ รวมทั้งการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร (คุณไขแสง สุกใส เป็น ส.ส.จังหวัดนครพนม) ก็ได้นำประกอบในการอภิปรายด้วย”
ลงชื่อ อุทัย มหาวงศ์ เจ้าของลิขสิทธิ์ / ตัวแทน
(นายอุทัย มหาวงศ์)
5 / พฤศจิกายน / 2557
_________________________________
ข้อความจากหนังสือ “ไขแสง สุกใส ลูกผู้ชายหัวใจไม่ผูกเชือก” เขียนโดย วัฒน์ วรรลยางกูล ระบุชื่อและประวัติที่มา พร้อมทั้งสัมภาษณ์ผู้แต่งเพลงเซิ้งอีสานไว้อย่างชัดเจน
_____________
ภาพบุคคลโดย “ชาติกล้า สำเนียงแจ่ม”