จากจุดเริ่มต้นที่วาดการ์ตูนเพียงเพราะตามใจตนเองในวัยเด็ก โดยมีพี่ชายเป็นแรงบันดาลใจ พากเพียรฝึกฝนพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จนฝีมือเริ่มเข้าขั้น และมีผลงานทยอยเผยแพร่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ก่อนถึงเวลาเกิดอย่างจริงจังกับการ์ตูนดัดแปลงจากหนัง “อัลเทอร์มาจีบ”
ในวันนี้ “ซีน-ไอริณ บุญนิมิตภักดี” ที่ใช้นามปากกาชื่อเดียวกับชื่อเล่นว่า “Irin” ก็ได้เปิดตัวในวงการการ์ตูนอย่างเป็นทางการ ด้วยผลงานชิ้นแรก “2538 อัลเทอร์มาจีบ : บันทึกของส้ม” หนังสือการ์ตูนคู่ขนานจากภาพยนตร์ไทยที่เพิ่งลาโรงไป
ด้วยลายเส้นที่เรียบง่ายแต่สบายตาสบายใจแบบนี้ ไอริณพร้อมแล้วที่จะเปล่งแสงสว่างให้กับบรรดาสาวกการ์ตูนทั้งหลายได้พร้อมที่จะรับเธอเข้าไปอยู่ในอ้อมใจเล็กๆ ให้กับผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อย...
• ความสนใจการวาดการ์ตูนเริ่มเข้ามาสู่ชีวิตของเราตอนไหน
ตั้งแต่เด็กๆ แล้วล่ะค่ะ ซึ่งเราชอบอ่านการ์ตูน อ่านตลอดที่มีเวลาว่าง อีกส่วนหนึ่งก็มาจากพี่ชายด้วย เพราะเขาเป็นคนที่วาดการ์ตูนตั้งแต่เด็ก เราจึงได้ซึมซับมาจากพี่ ส่วนความสนใจก็เหมือนกับเด็กๆ ในยุคนั้น ดูพวกช่อง 9 การ์ตูน แล้วก็อ่านหนังสือการ์ตูน เช่น โดราเอม่อน คือเด็กปกติทั่วไปจะชอบดูการ์ตูนทางทีวีอย่างเดียว แต่เราชอบอ่านด้วย อย่างเวลาพี่ชายไปซื้อหนังสือการ์ตูน เราก็ตามไปด้วย เราก็เลยได้เลือกและซื้อจากร้านขายหนังสือการ์ตูนตรงนั้นด้วย ไม่ได้แค่ติดตามทางทีวีอย่างเดียว
• ตอนเด็กๆ นั้น มีความรักและชื่นชอบการ์ตูนเรื่องไหนเป็นพิเศษ
ชอบการ์ตูนแนวสยองขวัญค่ะ ส่วนการ์ตูนไทยก็อ่านพวกขายหัวเราะ มหาสนุก แต่ที่ชอบคือ “สาวดอกไม้กับนายกล้วยไข่” (โดย เฟน-อารีเฟน ฮาซะนี) เพราะชอบคาแรกเตอร์ตัวละคร อย่างถ้าเป็นขายหัวเราะ ใบหน้าตัวละครจะฮาๆ เกินไป แต่ถ้าเป็นเรื่องนี้ มันจะดูน่ารัก เราชอบอ่านการ์ตูนที่มันมีเรื่องมีราว ไม่ค่อยชอบอ่านการ์ตูนที่เป็นแก๊ก
• จากความรักความชอบ แล้วเริ่มมาจับดินสอปากกาวาดการ์ตูนตอนไหนเมื่อไหร่
ก็คงเป็นตอนเด็กๆ ช่วงสมัยประถมเลย เพราะตอนนั้นจะมีเพื่อนที่ชอบวาดการ์ตูนด้วย เราก็จะวาดเล่นกับเพื่อน แต่ก็ยังไม่ได้จริงจังอะไร ก็วาดเล่นตามประสาเด็กทั่วไป อย่างเวลาว่างอยู่บ้านเราก็วาดเล่น เพราะแถวบ้านเราไม่ได้มีเพื่อน อยู่ตึกแถวอ่ะ แล้วข้างหน้าก็คือถนน เราไม่ได้มีเพื่อนละแวกบ้านเหมือนกับคนอื่นเขา เราก็วาดรูปเล่นคนเดียว (หัวเราะเบาๆ)
• จากตรงนั้นมา ช่วงเวลาไหนที่ถือว่าเริ่มจริงจังกับการวาดการ์ตูนแล้ว
ช่วง ม.3 ค่ะ ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันกับหนังสือการ์ตูนในเครือบงกช มีการผลิตออกวางจำหน่ายเป็นรายสัปดาห์ แล้วเปิดโอกาสให้การ์ตูนจากคนทางบ้านไปลงตีพิมพ์ด้วย เราก็เลยอยากลองวาดแล้วส่งไปให้ทางสำนักพิมพ์เขาบ้าง ก็อาศัยช่วงปิดเทอม วาดทุกวันเลย แต่ ณ ขณะนั้น ด้วยความที่เรายังคิดเรื่องไม่ค่อยเก่ง วาดแผ่นหนึ่งไม่จบสักที ทำให้สุดท้ายก็ไม่ได้ส่งเพราะวาดไม่จบ แต่ตรงนั้นก็ทำให้เราได้ฝึกฝนวาดการ์ตูนแบบช่องๆ
• ฟังมาว่า ทั้งๆ ที่ชอบด้านการวาดรูป แต่กลับเข้าเรียนสถาปัตย์ ตอนนั้นทำไมถึงไม่เรียนไปทางสายศิลปะเลย
ตอนนั้นที่เราเลือก เพราะพี่ชายเรียนนิเทศศิลป์อยู่แล้ว เราเห็นว่าพี่ก็เรียนอยู่แล้ว เราน่าจะเรียนอะไรที่แตกต่างดูบ้าง ซึ่งพอมานึกตอนนี้ มันเป็นเหตุผลที่แย่มากเลย (หัวเราะ) บวกกับความคิดที่ว่าถ้าเรียนศิลปะอย่างเดียว มันจะเลี้ยงเราได้เหรอ เราก็เลยว่า ถ้าเกิดมันเป็นศิลปะแล้วมันมีเหตุผล สถาปัตย์มันน่าจะตอบโจทย์กว่า คืออย่างน้อย จบไปก็น่าจะมีอาชีพรองรับแน่ๆ และตอนนั้นก็คิดถึงอนาคตมากกว่า แต่ในช่วงเรียนปริญญาตรี เราก็ยังวาดรูปอยู่เรื่อยๆ
• แม้จะวาดรูปเรื่อยมา แต่เริ่มเผยแพร่ผลงานของเรานั้นตอนไหน
ตอนเปิดแฟนเพจค่ะ อันที่จริง ช่วงเรียนปริญญาตรี ประมาณปี 5 ก็เปิดบล็อก Exteen ก่อน ก็โพสต์พวกงานที่เราวาดเล่น แต่ก็ไม่ค่อยได้รับความนิยม เพราะตอนนั้นคนที่ได้รับความนิยมก็จะเป็น “มุนิน” ที่ติดอันดับโพสต์ยอดนิยมตลอด แต่เราก็มีโพสต์แต่รูปอย่างเดียว ซึ่งตอนที่เราโพสต์ในเอ็กซ์ทีนนั้น แค่มีคอมเมนต์ใต้ภาพเราก็ดีใจมากแล้ว และช่วงเวลานั้น เราก็อยากจะลองทำงานในด้านนี้ดู ก็เลยโพสต์ว่ารับวาดรูปนะ โพสต์ๆๆ ไป จนในที่สุด ก็มีคนติดต่อกลับมาด้วย (ทำสีหน้าเซอร์ไพรส์) เป็นช่วงกรณีไข้หวัด 2009 เขาก็ให้วาดเป็นการ์ตูน เป็นเรื่องขบวนการกำจัดเชื้อโรคจากเจลล้างมือ ซึ่งนั่นถือเป็นงานแรกที่ใช้การ์ตูนมาหาตังค์ให้เรา ได้มา 5,000 บาท ดีใจมาก เพราะมันเป็นบทพิสูจน์ได้ว่า เราสามารถสร้างรายได้จากสิ่งนี้ได้ด้วย
• กลับไปที่การเปิดเพจเฟซบุ๊ก เรื่องที่เรานำเสนอ ส่วนมากจะเป็นลักษณะไหน
รูปส่วนใหญ่เกิดจากการที่เราไปเห็นสถานที่ที่ไหนสักแห่งหนึ่ง แล้วเรามีความรู้สึกกับมัน มันดูมีความสุขนะ เราก็เอาสถานที่แห่งนั้นมาวาด ถ้าเราถ่ายรูปทันหรือถ้าเป็นช่วงฤดูหรือเทศกาล อย่างหน้าร้อน ช่วงปีใหม่ เราก็จะนึกถึงว่ามันจะมีอะไรบ้าง ก็มาวาดในรูป ส่วนใหญ่จะชอบวาดที่มันเป็นฉากคน มีกิจกรรมในฉาก คือชอบวาดรายละเอียด เพราะการที่เราวาด มันมีความสนุกในการวาดด้วยค่ะ ไม่ใช่มุ่งที่จะให้งานเสร็จ อย่างรูปการ์ตูนของเรา มันจะมีรายละเอียดของพวกสิ่งของ คือเราสนุกในระหว่างการวาด แล้วให้รูปที่ออกมาให้คนดูมีความสุข
• พอเราได้ทำการ์ตูนเรื่องนี้ “อัลเทอร์มาจีบ บันทึกของส้ม” มันเหมือนกับเราได้เติมเต็มในช่วงวัยเด็กอย่างสมบูรณ์ด้วยหรือเปล่า
ใช่ค่ะ คือก่อนที่เราจะมาวาด หรือช่วงที่เราทำงาน เรามีความพยายามมากเลยนะที่จะต้องวาดการ์ตูนให้ได้ เพราะมีเวลาว่างเยอะ ก็มีส่งเนื้อเรื่องให้สำนักพิมพ์อื่นดู แต่ก็ถูกปฏิเสธกลับมา ขณะที่หนังสือการ์ตูนเล่มนี้ก็เหนือความคาดหมายเหมือนกันที่อยู่ดีๆ ก็มีคนติดต่อมา ถือว่าเติมเต็มกับสิ่งที่เราฝันเอาไว้ โดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้เรามีกำลังใจที่จะวาดต่อไป
• จากการที่เราวาดรูปมา คิดว่าตัวเองยังต้องพัฒนาตรงไหนต่อ
ก็น่าจะพัฒนาในเรื่องการสื่อสารกับคน เพราะปกติเราอยากวาดอะไรก็วาด แต่อย่างบางเพจหรือนักวาดการ์ตูนที่ดังๆ บางคน คือถ้าเราดูรูปอย่างเดียว เราก็จะเฉยๆ แต่ถ้ามีเนื้อหาด้วย มันก็จะเหมือนเราคุยสื่อสารกับคนอยู่ แต่เราไม่เคยคุยกับคน เราวาดแต่รูปไง ถึงเราใส่ให้เต็ม คนก็ไม่ได้กดไลค์เราเยอะ คือมันต้องมีเรื่องราวในรูปว่าเรากำลังจะพูดอะไรกับคนที่มาดูรูปเรา เราจะพูดอะไรกับคนในเพจ ก็คิดว่าน่าจะเป็นตรงนี้ค่ะ แบบว่าเราจะเล่าเรื่องอะไร
• อนาคตข้างหน้า นอกจากที่วาดอยู่ คิดว่าอยากจะนำเสนอในรูปแบบยังไง
ตอนนี้ก็คิดๆ เรื่องอยู่ อยากจะมีตัวละครที่เหมือนกับเวลาที่คนอ่านจดจำตัวละครนั้นได้ เหมือนกับเราอ่านการ์ตูนญี่ปุ่น มันมีบางเรื่องที่เราอ่านแล้วเรารู้สึกว่ามีชีวิตจิตใจจริงๆ อยากจะสร้างในแบบของเรา อารมณ์แบบหัวไฟของพี่อัพ (ทรงศีล ทิวสมบุญ) ประมาณนั้น อยากให้คนจดจำได้ ตอนนี้ก็มีร่างๆ อยู่นะ แต่จะเป็นคาแรกเตอร์แบบคนธรรมดา ให้เรียบง่ายแต่อยากให้คนมีอารมณ์ร่วมด้วย
Profile
ชื่อ : ไอริณ บุญนิมิตภักดี
ชื่อเล่น : ซีน
วันเกิด : 8 กุมภาพันธ์ 2532
การศึกษา : ปริญญาตรี ภาควิชาการวางแผนภาคและเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ปัจจุบัน กำลังศึกษาระดับปริญญาโท สาขาเรขศิลป์ (กราฟิกดีไซน์) ภาควิชานฤมิตศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผลงาน :
- เจ้าของแฟนเพจ irin bun art’s work
- รางวัลชมเชย โครงการ PTT Comic ครั้งที่ 4
- ร่วมออกแบบจัดทำสื่อข้อมูลเมืองเพชรบุรี ในโครงการเสริมสร้างสุขภาวะเพื่อสร้างรูปธรรมของพื้นที่สร้างสรรค์ จังหวัดเพชรบุรี
- การ์ตูนประวัติหลวงราชไมตรี (อยู่ระหว่างการผลิตผลงาน)
เรื่อง : สรวัจน์ ศิลปโรจนพาณิช
ภาพ : ธัชกร กิจไชยภณ
ในวันนี้ “ซีน-ไอริณ บุญนิมิตภักดี” ที่ใช้นามปากกาชื่อเดียวกับชื่อเล่นว่า “Irin” ก็ได้เปิดตัวในวงการการ์ตูนอย่างเป็นทางการ ด้วยผลงานชิ้นแรก “2538 อัลเทอร์มาจีบ : บันทึกของส้ม” หนังสือการ์ตูนคู่ขนานจากภาพยนตร์ไทยที่เพิ่งลาโรงไป
ด้วยลายเส้นที่เรียบง่ายแต่สบายตาสบายใจแบบนี้ ไอริณพร้อมแล้วที่จะเปล่งแสงสว่างให้กับบรรดาสาวกการ์ตูนทั้งหลายได้พร้อมที่จะรับเธอเข้าไปอยู่ในอ้อมใจเล็กๆ ให้กับผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อย...
• ความสนใจการวาดการ์ตูนเริ่มเข้ามาสู่ชีวิตของเราตอนไหน
ตั้งแต่เด็กๆ แล้วล่ะค่ะ ซึ่งเราชอบอ่านการ์ตูน อ่านตลอดที่มีเวลาว่าง อีกส่วนหนึ่งก็มาจากพี่ชายด้วย เพราะเขาเป็นคนที่วาดการ์ตูนตั้งแต่เด็ก เราจึงได้ซึมซับมาจากพี่ ส่วนความสนใจก็เหมือนกับเด็กๆ ในยุคนั้น ดูพวกช่อง 9 การ์ตูน แล้วก็อ่านหนังสือการ์ตูน เช่น โดราเอม่อน คือเด็กปกติทั่วไปจะชอบดูการ์ตูนทางทีวีอย่างเดียว แต่เราชอบอ่านด้วย อย่างเวลาพี่ชายไปซื้อหนังสือการ์ตูน เราก็ตามไปด้วย เราก็เลยได้เลือกและซื้อจากร้านขายหนังสือการ์ตูนตรงนั้นด้วย ไม่ได้แค่ติดตามทางทีวีอย่างเดียว
• ตอนเด็กๆ นั้น มีความรักและชื่นชอบการ์ตูนเรื่องไหนเป็นพิเศษ
ชอบการ์ตูนแนวสยองขวัญค่ะ ส่วนการ์ตูนไทยก็อ่านพวกขายหัวเราะ มหาสนุก แต่ที่ชอบคือ “สาวดอกไม้กับนายกล้วยไข่” (โดย เฟน-อารีเฟน ฮาซะนี) เพราะชอบคาแรกเตอร์ตัวละคร อย่างถ้าเป็นขายหัวเราะ ใบหน้าตัวละครจะฮาๆ เกินไป แต่ถ้าเป็นเรื่องนี้ มันจะดูน่ารัก เราชอบอ่านการ์ตูนที่มันมีเรื่องมีราว ไม่ค่อยชอบอ่านการ์ตูนที่เป็นแก๊ก
• จากความรักความชอบ แล้วเริ่มมาจับดินสอปากกาวาดการ์ตูนตอนไหนเมื่อไหร่
ก็คงเป็นตอนเด็กๆ ช่วงสมัยประถมเลย เพราะตอนนั้นจะมีเพื่อนที่ชอบวาดการ์ตูนด้วย เราก็จะวาดเล่นกับเพื่อน แต่ก็ยังไม่ได้จริงจังอะไร ก็วาดเล่นตามประสาเด็กทั่วไป อย่างเวลาว่างอยู่บ้านเราก็วาดเล่น เพราะแถวบ้านเราไม่ได้มีเพื่อน อยู่ตึกแถวอ่ะ แล้วข้างหน้าก็คือถนน เราไม่ได้มีเพื่อนละแวกบ้านเหมือนกับคนอื่นเขา เราก็วาดรูปเล่นคนเดียว (หัวเราะเบาๆ)
• จากตรงนั้นมา ช่วงเวลาไหนที่ถือว่าเริ่มจริงจังกับการวาดการ์ตูนแล้ว
ช่วง ม.3 ค่ะ ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันกับหนังสือการ์ตูนในเครือบงกช มีการผลิตออกวางจำหน่ายเป็นรายสัปดาห์ แล้วเปิดโอกาสให้การ์ตูนจากคนทางบ้านไปลงตีพิมพ์ด้วย เราก็เลยอยากลองวาดแล้วส่งไปให้ทางสำนักพิมพ์เขาบ้าง ก็อาศัยช่วงปิดเทอม วาดทุกวันเลย แต่ ณ ขณะนั้น ด้วยความที่เรายังคิดเรื่องไม่ค่อยเก่ง วาดแผ่นหนึ่งไม่จบสักที ทำให้สุดท้ายก็ไม่ได้ส่งเพราะวาดไม่จบ แต่ตรงนั้นก็ทำให้เราได้ฝึกฝนวาดการ์ตูนแบบช่องๆ
• ฟังมาว่า ทั้งๆ ที่ชอบด้านการวาดรูป แต่กลับเข้าเรียนสถาปัตย์ ตอนนั้นทำไมถึงไม่เรียนไปทางสายศิลปะเลย
ตอนนั้นที่เราเลือก เพราะพี่ชายเรียนนิเทศศิลป์อยู่แล้ว เราเห็นว่าพี่ก็เรียนอยู่แล้ว เราน่าจะเรียนอะไรที่แตกต่างดูบ้าง ซึ่งพอมานึกตอนนี้ มันเป็นเหตุผลที่แย่มากเลย (หัวเราะ) บวกกับความคิดที่ว่าถ้าเรียนศิลปะอย่างเดียว มันจะเลี้ยงเราได้เหรอ เราก็เลยว่า ถ้าเกิดมันเป็นศิลปะแล้วมันมีเหตุผล สถาปัตย์มันน่าจะตอบโจทย์กว่า คืออย่างน้อย จบไปก็น่าจะมีอาชีพรองรับแน่ๆ และตอนนั้นก็คิดถึงอนาคตมากกว่า แต่ในช่วงเรียนปริญญาตรี เราก็ยังวาดรูปอยู่เรื่อยๆ
• แม้จะวาดรูปเรื่อยมา แต่เริ่มเผยแพร่ผลงานของเรานั้นตอนไหน
ตอนเปิดแฟนเพจค่ะ อันที่จริง ช่วงเรียนปริญญาตรี ประมาณปี 5 ก็เปิดบล็อก Exteen ก่อน ก็โพสต์พวกงานที่เราวาดเล่น แต่ก็ไม่ค่อยได้รับความนิยม เพราะตอนนั้นคนที่ได้รับความนิยมก็จะเป็น “มุนิน” ที่ติดอันดับโพสต์ยอดนิยมตลอด แต่เราก็มีโพสต์แต่รูปอย่างเดียว ซึ่งตอนที่เราโพสต์ในเอ็กซ์ทีนนั้น แค่มีคอมเมนต์ใต้ภาพเราก็ดีใจมากแล้ว และช่วงเวลานั้น เราก็อยากจะลองทำงานในด้านนี้ดู ก็เลยโพสต์ว่ารับวาดรูปนะ โพสต์ๆๆ ไป จนในที่สุด ก็มีคนติดต่อกลับมาด้วย (ทำสีหน้าเซอร์ไพรส์) เป็นช่วงกรณีไข้หวัด 2009 เขาก็ให้วาดเป็นการ์ตูน เป็นเรื่องขบวนการกำจัดเชื้อโรคจากเจลล้างมือ ซึ่งนั่นถือเป็นงานแรกที่ใช้การ์ตูนมาหาตังค์ให้เรา ได้มา 5,000 บาท ดีใจมาก เพราะมันเป็นบทพิสูจน์ได้ว่า เราสามารถสร้างรายได้จากสิ่งนี้ได้ด้วย
• กลับไปที่การเปิดเพจเฟซบุ๊ก เรื่องที่เรานำเสนอ ส่วนมากจะเป็นลักษณะไหน
รูปส่วนใหญ่เกิดจากการที่เราไปเห็นสถานที่ที่ไหนสักแห่งหนึ่ง แล้วเรามีความรู้สึกกับมัน มันดูมีความสุขนะ เราก็เอาสถานที่แห่งนั้นมาวาด ถ้าเราถ่ายรูปทันหรือถ้าเป็นช่วงฤดูหรือเทศกาล อย่างหน้าร้อน ช่วงปีใหม่ เราก็จะนึกถึงว่ามันจะมีอะไรบ้าง ก็มาวาดในรูป ส่วนใหญ่จะชอบวาดที่มันเป็นฉากคน มีกิจกรรมในฉาก คือชอบวาดรายละเอียด เพราะการที่เราวาด มันมีความสนุกในการวาดด้วยค่ะ ไม่ใช่มุ่งที่จะให้งานเสร็จ อย่างรูปการ์ตูนของเรา มันจะมีรายละเอียดของพวกสิ่งของ คือเราสนุกในระหว่างการวาด แล้วให้รูปที่ออกมาให้คนดูมีความสุข
• พอเราได้ทำการ์ตูนเรื่องนี้ “อัลเทอร์มาจีบ บันทึกของส้ม” มันเหมือนกับเราได้เติมเต็มในช่วงวัยเด็กอย่างสมบูรณ์ด้วยหรือเปล่า
ใช่ค่ะ คือก่อนที่เราจะมาวาด หรือช่วงที่เราทำงาน เรามีความพยายามมากเลยนะที่จะต้องวาดการ์ตูนให้ได้ เพราะมีเวลาว่างเยอะ ก็มีส่งเนื้อเรื่องให้สำนักพิมพ์อื่นดู แต่ก็ถูกปฏิเสธกลับมา ขณะที่หนังสือการ์ตูนเล่มนี้ก็เหนือความคาดหมายเหมือนกันที่อยู่ดีๆ ก็มีคนติดต่อมา ถือว่าเติมเต็มกับสิ่งที่เราฝันเอาไว้ โดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้เรามีกำลังใจที่จะวาดต่อไป
• จากการที่เราวาดรูปมา คิดว่าตัวเองยังต้องพัฒนาตรงไหนต่อ
ก็น่าจะพัฒนาในเรื่องการสื่อสารกับคน เพราะปกติเราอยากวาดอะไรก็วาด แต่อย่างบางเพจหรือนักวาดการ์ตูนที่ดังๆ บางคน คือถ้าเราดูรูปอย่างเดียว เราก็จะเฉยๆ แต่ถ้ามีเนื้อหาด้วย มันก็จะเหมือนเราคุยสื่อสารกับคนอยู่ แต่เราไม่เคยคุยกับคน เราวาดแต่รูปไง ถึงเราใส่ให้เต็ม คนก็ไม่ได้กดไลค์เราเยอะ คือมันต้องมีเรื่องราวในรูปว่าเรากำลังจะพูดอะไรกับคนที่มาดูรูปเรา เราจะพูดอะไรกับคนในเพจ ก็คิดว่าน่าจะเป็นตรงนี้ค่ะ แบบว่าเราจะเล่าเรื่องอะไร
• อนาคตข้างหน้า นอกจากที่วาดอยู่ คิดว่าอยากจะนำเสนอในรูปแบบยังไง
ตอนนี้ก็คิดๆ เรื่องอยู่ อยากจะมีตัวละครที่เหมือนกับเวลาที่คนอ่านจดจำตัวละครนั้นได้ เหมือนกับเราอ่านการ์ตูนญี่ปุ่น มันมีบางเรื่องที่เราอ่านแล้วเรารู้สึกว่ามีชีวิตจิตใจจริงๆ อยากจะสร้างในแบบของเรา อารมณ์แบบหัวไฟของพี่อัพ (ทรงศีล ทิวสมบุญ) ประมาณนั้น อยากให้คนจดจำได้ ตอนนี้ก็มีร่างๆ อยู่นะ แต่จะเป็นคาแรกเตอร์แบบคนธรรมดา ให้เรียบง่ายแต่อยากให้คนมีอารมณ์ร่วมด้วย
Profile
ชื่อ : ไอริณ บุญนิมิตภักดี
ชื่อเล่น : ซีน
วันเกิด : 8 กุมภาพันธ์ 2532
การศึกษา : ปริญญาตรี ภาควิชาการวางแผนภาคและเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ปัจจุบัน กำลังศึกษาระดับปริญญาโท สาขาเรขศิลป์ (กราฟิกดีไซน์) ภาควิชานฤมิตศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผลงาน :
- เจ้าของแฟนเพจ irin bun art’s work
- รางวัลชมเชย โครงการ PTT Comic ครั้งที่ 4
- ร่วมออกแบบจัดทำสื่อข้อมูลเมืองเพชรบุรี ในโครงการเสริมสร้างสุขภาวะเพื่อสร้างรูปธรรมของพื้นที่สร้างสรรค์ จังหวัดเพชรบุรี
- การ์ตูนประวัติหลวงราชไมตรี (อยู่ระหว่างการผลิตผลงาน)
เรื่อง : สรวัจน์ ศิลปโรจนพาณิช
ภาพ : ธัชกร กิจไชยภณ