“ปานเทพ” ปัดข่าวลือ “นิวส์วัน” จ่อปิดตัวปลายปี แจงจำเป็นต้องลดขนาดองค์กรเพื่อรักษาให้อยู่รอดได้ ด้านกรรมการบริษัทฯ ย้ำจุดยืนเดิม ซื่อตรง มั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลง ยันไม่หยุดนิ่งในการปรับปรุง พร้อมสู้ต่อ ไม่ล้มหายตายจากกันไปง่ายๆ
วันนี้ (1 เม.ย.) เมื่อเวลา 21.30 น. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ที่ปรึกษาสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวีนิวส์วัน และ นายวริษฐ์ ลิ้มทองกุล กรรมการบริษัท เอเอสทีวี (ประเทศไทย) จำกัด ได้ร่วมพูดคุยในรายการ “คนเคาะข่าว” ภายใต้หัวข้อ “จุดยืนนิวส์วัน ในยุคเปลี่ยนผ่าน”
โดย นายปานเทพ กล่าวว่า นับถึงวันนี้ สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ดำเนินการมาแล้วถึง 11 ปี ท่านผู้ชมอาจไม่รู้ว่า นายสนธิ ต้องเสียสละอะไรบ้าง ธุรกิจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ หนังสือพิมพ์ ฯลฯ ทุกธุรกิจสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเองทั้งหมด แต่ด้วยอุดมการณ์ที่ต้องเลือกรักษาเอเอสทีวีเอาไว้ จึงต้องยอมเอาธุรกิจเกือบทั้งหมด เงินส่วนเกินของแต่ละธุรกิจมาทุ่มเพื่อรักษาเอเอสทีวีตลอดเวลาที่ผ่านมา แต่มันก็ยังไม่พอ เพราะสถานีข่าวต้องใช้คนเยอะ จ่ายเงินเดือนเยอะ ที่อยู่มาได้เพราะศรัทธาประชาชน ที่ยอมบริจาค ยอมซื้อของแม้แพงกวาท้องตลาด
การที่ต้องปรับลดพนักงาน คนที่เจ็บปวดที่สุดคือ นายสนธิ เพราะไม่ได้อยากสูญเสียใครไปสักคน ไม่เช่นนั้นคงทำมานานแล้ว แต่ถ้าปล่อยให้เป็นแบบเดิม ไม่ใช่แค่นิวส์วันแต่เครือทั้งเครือ ก็จะไม่สามารถรักษาไว้ได้ ตนและนายวริษฐ์ จึงไปหารือกับนายสนธิเพื่อปรับลดขนาดองค์กร การเปลี่ยนผ่านมีต้นทุนที่เจ็บปวด แต่จะทำให้เราแข็งแรงขึ้น แล้ววันที่เราแข็งแรงขึ้น สถานการณ์ทางการเงินดีขึ้น ก็คาดหวังว่าคนที่จากเราไปจะกลับมาร่วมสู้ด้วยกันอีก
นายปานเทพ กล่าวต่อว่า ส่วนข่าวลือที่ว่านิวส์วันจะปิดตัวลงปลายปีนี้ ข่าวลือแบบนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เกิดมาตลอด แต่เราก็อยู่มาได้ถึง 11 ปี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น นิวส์วันจะยืนหยัดได้ไหม ขึ้นอยู่กับผู้ชมด้วย ซึ่งจุดแข็งของช่องนิวส์วันคือความศรัทธาที่ประชาชนมีให้เรา มันเป็นรากฐานที่คนอื่นไม่มี
ด้าน นายวริษฐ์ กล่าวว่า เมื่อปีก่อนทีวีเราถูกปิดไป 3 เดือน แล้วก่อนเปิด คสช. ก็ให้เราเซ็นเอ็มโอยูกับ กสทช. ซึ่งมีข้อตกลงในการจำกัดการออกอากาศ แล้วเราก็โดนเตือนมาตลอด ทำให้ไม่สามารถแสดงออกแบบเดิมได้ นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รายการของเรามีความน่าสนใจลดลง ประการต่อมา ก็เรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งมีปญหามาตั้งแต่ปลายปี 2556 ยอดขายปุ๋ยก็ลดลง เอสเอ็มเอสยอดลด เราเข้าใจการสนับสนุนมีลิมิต ซึ่งนี่ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมเราต้องลดต้นทุน ลดจำนวนคนลงด้วย นอกจากนี้ วงการโทรทัศน์ก็ได้เปลี่ยนไปมาก จากเดิมมีไม่กี่ช่อง ก็มาเกิดทีวีดิจิตอลหลายช่อง เราจึงต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบ ทำแบบเดิมไม่ได้แล้ว เพราะทุกช่องทำเหมือนกันหมด
ทั้งนี้ ตนเชื่อว่า ต้นทุนที่ลดลง จะทำให้คล่องตัวมากขึ้น แล้วประชาชนจะได้อะไรมากขึ้น และยืนยันจุดยืนเดิม ซื่อตรง มั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลง เราจะไม่หยุดยิ่งในการปรับปรุง อยากให้มั่นใจว่ากรรมการทุกคนทำงานเต็มที่ ทุกสิ่งต้องสู้ต่อ ไม่ล้มหายตายจากกันไปง่ายๆ