ทำเนียบฯ ปรับโฉมรังนักข่าวใหม่ ด้าน กทม. จับมือ ททท. เร่งวางทุ่นเลียบคลองผดุงกรุงเกษม พร้อมให้นายกฯเปิดตลาดน้ำวิถีไทย ข้างทำเนียบฯ จำลองเอกลักษณ์ความเป็นไทย สร้างร้ายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมล่องเรือชมสถานที่สำคัญ 2 ฝั่งคลองผดุงเกษม จากปากคลองด้านเหนือวัดเทวราชกุญชร - ท่าเรือหัวลำโพง
วันนี้ (5 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังทำเนียบรัฐบาลมีการปรับปรุงอาคารต่างๆ ที่ทรุดโทรมจนแล้วเสร็จ และเปิดใช้ได้ตามปกติ ล่าสุด ได้มีการปรับปรุงรังนกกระจอก ซึ่งเป็นสถานที่ปฏิบัติงานของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล ทั้ง 3 รัง โดยขณะนี้ได้ทำการปรับปรุงรังนกกระจอกเก่าซึ่งอยู่ด้านหน้าตึกนารีสโมสร ซึ่งได้จดทะเบียนโบราณสถานกับกรมศิลปากร ดังนั้น จึงจะมีการปรับปรุงเพื่อให้เข้ากับสถาปัตยกรรมของตึกไทยคู่ฟ้า และตึกนารีสโมสร ที่ถูกขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน รวมทั้งจะมีการซ่อมแซมปรับปรุงรังนกกระจอกใหม่ เป็นเวลา 15 วัน ดังนั้น เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล จึงได้จัดตั้งเต้นท์สนามติดแอร์ไว้ให้ปฏิบัติหน้าที่ บริเวณด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้า ข้างคลองบำบัดน้ำเสียในทำเนียบฯ
เช่นเดียวกับคลองผดุงกรุงเกษม ที่มีการวางทุ่นลงในคลองเพื่อเตรียมเปิดตลาดน้ำวิถีไทย ซึ่งทาง กทม. ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จะเริ่มจัดและเปิด ในวันที่ 12 ก.พ. นี้ ตามดำริของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการที่จะลงไปซื้อของจากเรือในคลองผดุงกรุงเกษม
สำหรับวัตถุประสงค์ในการเปิดตลาดน้ำจำลองนี้เพื่อรักษาเอกลักษณ์ความเป็นไทย และส่งเสริมการตลาดในการสร้างรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจ โดยรูปแบบของตลาดจะใช้เรือ 40 ลำ ในการจัดกิจกรรมสันทนาการทางน้ำ และมีการล่องเรือเยี่ยมชมสถานที่สำคัญ 2 ฝั่งคลองผดุงกรุงเกษม จากปากคลองด้านเหนือที่วัดเทวราชกุญชร ท่าเรือหัวลำโพง ตลอดจนจัดเรือรับส่งให้กับประชาชนที่จะมาร่วมงานตลาดน้ำ นอกจากนี้ จะมีรถโบราณให้บริการประชาชนนั่งชมรอบทำเนียบรัฐบาลด้วย
สำหรับกำหนดวันจัดตลาดน้ำจำลอง ที่จะเปิดให้ประชาชนมาเที่ยว เบื้องต้นกำหนดไว้มีทั้งหมด 4 ครั้ง รวม 10 วัน ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 12 - 15 ก.พ. ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 21 - 22 ก.พ. ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 28 ก.พ.ถึง 1 มี.ค. และครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 7 - 8 มี.ค.
ทั้งนี้ การจัดตลาดน้ำและกล้วยไม้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการประเมินผลการตอบรับของประชาชนด้วย เพื่อพิจารณาว่าอนาคตจะมีการจัดกิจกรรมแบบนี้ไปเรื่อยๆ หรือไม่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และดึงดูดนักท่องเที่ยว