ช่วงหลังๆ มานี้ นอกเหนือจากข่าวคราวของผู้เป็นพ่อ “บุญชัย เบญจรงคกุล” ที่ตกเป็นประเด็นข่าวให้ผู้สนใจเฝ้าติดตาม ชื่อของทายาทหนุ่มวัยย่างเบญจเพสอย่าง “คิด คณชัย” ก็ได้รับการเอ่ยถึงผ่านหน้าสื่อมากยิ่งขึ้น ด้วยสำเนียงน้ำเสียงเจือความตื่นเต้น ทั้งเรื่องของรูปลักษณ์หน้าตาที่หล่อเหลามีเสน่ห์ รวมไปจนถึงความสามารถด้านการถ่ายภาพที่กล่าวขานกันว่าเขาคือช่างภาพแฟชั่นซึ่งกำลังเป็นดาวรุ่งดวงหนึ่ง
จากเด็กหนุ่มผู้จบจากห้องเรียนคณะสถาปัตยกรรมที่ประเทศอังกฤษ “คิด-คณชัย เบญจรงคกุล” หมุนเส้นทางชีวิตสู่การเป็นนักถ่ายภาพอย่างเต็มเวลา เพราะความรักความหลงใหลในการมองโลกผ่านเลนส์กล้อง เขาบอกกล่าวกับเราถึงความลุ่มหลงเป็นพิเศษในการถ่ายภาพคน เพราะมันทำให้เขาได้สืบค้นลงไปในน้ำเนื้อแห่งมนุษย์และอารมณ์ความรู้สึกอันหลากหลายของชีวิต ผ่านสีหน้าแววตา และท่าทางของผู้คนที่อยู่หน้ากล้อง
ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ชื่อของ “คิด คณชัย” ดูจะกลายเป็นประเด็นให้คนในได้กล่าวถึง และคนนอกหลายคนได้ซี้ดซ้าดกันไปตามสมควร กับการที่เขารับตำแหน่งเป็นผู้ลั่นชัตเตอร์ให้กับปฏิทินซันโวที่ดู “โป๊” ในสายตาใครหลายคน และ...เขามีคำตอบ...
ปัจจุบัน นอกเหนือจากบทบาทของช่างภาพแฟชั่น “คิด คณชัย” ยังรับหน้าที่เป็นพิธีกรในรายการ “Who Are You คุณคือใคร” ซึ่งออกอากาศทางช่อง True Inside แน่นอนว่า รายการดังกล่าวยังคงเกาะเกี่ยวอยู่กับความรักความชอบของเขาอย่างแน่นหนึบ ด้วยคอนเซ็ปต์ที่เชิญผู้มีชื่อเสียงในแวดวงต่างๆ มาออกรายการ สัมภาษณ์และถ่ายภาพ เพื่อค้นหาเอกลักษณ์ตัวตนของบุคคลนั้นๆ
ในช่วงสั้นๆ หลังจากที่เขาบันทึกเทปรายการจบ ก่อนจะไปถ่ายภาพต่ออีกงาน เราใช้เวลาช่วงนั้นสนทนากับเขา เกี่ยวกับความสนใจในการถ่ายภาพ ไล่เลยไปจนถึงประเด็นเรื่องความเป็นศิลปะ-ศิลปิน
เช่นเดียวกับรายการของเขาที่ตั้งคำถามต่อผู้อื่นว่า “Who Are You คุณคือใคร”
บทสนทนาถัดจากนี้ คงพอจะให้คำตอบได้ว่า “คิด-คณชัย เบญจรงคกุล” คือใคร
ไม่ใช่เพียงคือใคร ในความหมายของเทือกเถาเหล่ากอ
หากแต่คือใคร ในตัวตนความคิด...
• ครั้งหนึ่ง คุณเคยพูดว่าสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการถ่ายภาพ ถามว่าการถ่ายภาพมันเลี้ยงชีวิตได้ขนาดนั้นเลยหรือ
ก็เรียกว่าได้ในระดับหนึ่งครับ แต่เราไม่สามารถใช้จ่ายฟุ่มเฟือยหรือเต็มที่เหมือนเมื่อก่อนตอนที่เรายังใช้เงินพ่อแม่ แต่ตอนนี้ การถ่ายภาพมันเป็นรายได้หลักของเรา มันก็พอทำให้เราใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ โอเค พอได้ แต่ไม่สามารถที่จะไปท่องเที่ยวปีละหลายๆ ครั้ง เพราะเวลาเดินทางมันใช้เงินเยอะ เราไม่สามารถจะไปเดินทางอย่างที่เราเคยทำเมื่อก่อน ไม่สามารถบินไปแล้วก็ไปอยู่โรงแรมห้าดาว อย่างนั้นยังไม่ได้ครับ
• ถึงที่สุดแล้ว คิดว่างานถ่ายภาพจะเป็นงานที่หล่อเลี้ยงชีวิตเราจริงๆ ได้หรือเปล่า
คิดว่าน่าจะได้ครับ แต่มันก็จะต้องมีสเต็ปของมัน เหมือนกับเวลาเราทำงานอะไรก็ตาม ค่าตัวก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นอยู่แล้วตามลำดับและวันเวลา
• คุณคิดว่าตัวเองอยู่ในลำดับขั้นตอนไหนแล้วตอนนี้
ก็ถือว่าเป็นช่างภาพรุ่นใหม่ครับ คือเราเริ่มทำงานมาประมาณ 3-4 ปีแล้ว ช่วงแรกๆ ก็ทำงานอย่างอื่นไปด้วย แต่ในช่วงสองปีหลัง เราโฟกัสเรื่องการถ่ายรูปมากขึ้น ก็อยู่ในช่วงที่เรากำลังพัฒนาฝีมือตัวเองไปเรื่อยๆ เพราะว่ามันเป็นอะไรที่ต้องเรียนรู้ตลอดเวลา ทุกครั้งที่เราถ่ายภาพ มันก็เป็นเหมือนการฝึกฝนแล้วก็พัฒนาตัวเองไปด้วย
• คุณเริ่มรู้ว่าตัวเองชอบการถ่ายภาพมาตั้งแต่ช่วงอายุประมาณเท่าไหร่
น่าจะประมาณ 17 ปีนะครับ
• อะไรคือเสน่ห์ที่ทำให้เราตกหลุมรักการมองโลกผ่านเลนส์
น่าจะเป็น...คือผมเป็นคนที่ชอบถ่ายภาพคน มันมีฟีลลิ่ง มีความรู้สึกเวลาที่เราถ่ายภาพคน มันทำให้เราดึงอารมณ์ของแต่ละคนออกมาได้ คือภาพหนึ่งภาพมันจะแตกต่างกันออกไปตามคาแรกเตอร์ของคนคนนั้น แล้วการถ่ายภาพคนมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราพบปะผู้คนด้วย ทำให้เราสร้างภาพสวยๆ ของคนคนนั้นขึ้นมา
การถ่ายภาพคน มันทำให้เราได้รู้ว่า จริงๆ แล้ว แต่ละคนก็มีมุมสวยงามในแบบของตัวเอง และมันไม่จำเป็นว่าเราจะต้องถ่ายคนหล่อคนสวยอย่างเดียว ภาพถึงจะออกมาสวย อย่างคนสูงวัยหรือว่าคนที่หน้าตาไม่ได้ถือว่าหล่อหรือสวย แต่เขาก็จะมีความเป็นเอกลักษณ์หรือว่ามีคาแรกเตอร์เป็นของตัวเองที่เราสามารถดึงออกมาผ่านภาพได้ ทำให้ภาพมันออกมาเป็นภาพที่สวยงามได้
• ภาพที่สวยงามภาพหนึ่ง นี่ต้องยังไงบ้างในความคิดของคุณ
มันอยู่ที่องค์ประกอบของภาพนั้นๆ ครับ เรื่องคอมโพซิชัน เรื่องแสงและเงา แล้วก็เรื่องอารมณ์ มีสามอย่างหลักๆ นี้ มันเหมือนการวาดภาพภาพหนึ่ง เราจะวางองค์ประกอบนั้นๆ ไว้ตรงไหนอย่างไร นั่นคือการคอมโพซิชันที่สามารถทำให้ภาพออกมาสวยหรือไม่สวยได้ ส่วนเรื่องของอารมณ์ ถ้าไม่ใช่ถ่ายแลนด์สเกปหรือสิ่งของ แต่เป็นภาพคน มันก็จะมีเรื่องของอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะใบหน้าของคนมันสามารถที่จะแสดงถึงอารมณ์ แล้วเวลาที่เราดูภาพ เราก็จะรู้สึกร่วมไปกับอารมณ์นั้นด้วย
• จำเป็นไหมที่จะต้องมีกล้องราคาสูงๆ
ไม่จำเป็นนะครับ คนบางคนสามารถสร้างภาพดีๆ ได้จากกล้องมือถือด้วยซ้ำ แต่ว่ามันขึ้นอยู่กับควอลิตี้เท่านั้นแหละว่ามือถือของเรา ความลึก ความชัด ความคม อาจจะไม่ได้เหมือนกล้องทั่วไป แต่ถามว่ามันสามารถสร้างภาพที่เป็นศิลปะสวยงามได้ไหม ก็สามารถสร้างได้เหมือนกัน การถ่ายภาพมันก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของคนถ่าย และทำอย่างไร เราจะทำให้คนดูต้องหยุดดูภาพภาพนั้นเป็นเวลานานๆ หรือว่ามันติดตาไปอีกนาน
• คุณคิดเรียนการถ่ายภาพมาโดยตรงหรือเปล่าครับ
จริงๆ คิดเรียนจบสถาปัตย์มาครับ แต่เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่สายงานที่เราต้องการอยากทำ เราไม่ได้มีความรักเท่ากับเพื่อนๆ ที่เรียนด้วยกัน เราก็เลยไปเรียนคอร์สสั้นๆ สามเดือน เกี่ยวกับการถ่ายรูปที่อังกฤษและนิวยอร์ก แล้วก็ได้ไปเรียนรู้งานกับช่างภาพหลายๆ คนที่นิวยอร์กเป็นเวลาครึ่งปี ขณะเดียวกัน เราก็เริ่มงานถ่ายรูปของเราเองไปด้วย กลับมาเมืองไทย เราก็เริ่มถ่ายงานแฟชั่นให้กับแมกกาซีนบางฉบับ
คือมีอยู่ช่วงหนึ่งตอนที่เรียนสถาปัตย์ เรามีโอกาสทำหนังสือรวมเล่ม ชื่อว่า “อาย ทู อาย” (Eye to Eye) เป็นหนังสือพอร์เทรต ทำให้กับการกุศลน่ะครับ รวมบุคคลที่มีชื่อเสียงในเมืองไทยประมาณร้อยกว่าคน แล้วก็เอามารวมเป็นหนังสือวางจำหน่าย นำรายได้ไปมอบให้มูลนิธิช่วยคนตาบอด หลังจากโปรเจกต์นั้นก็รู้สึกว่าเราชอบการถ่ายรูปมาก ก็เลยไปเรียนเพิ่มเติมด้านเทคนิค เพราะที่ผ่านมา เราไม่ค่อยรู้เรื่องของเทคนิคอะไรเท่าไหร่ เราก็รู้แค่ว่าหยิบกล้องมาแล้วก็ถ่ายๆๆ ลองผิดลองถูก
• ในส่วนของคุณพ่อ (คุณบุญชัย) ว่าอย่างไรบ้าง
ก็สนับสนุนเต็มที่ครับ เพราะคุณพ่อก็ชอบงานศิลปะอยู่แล้ว ท่านก็สนับสนุนให้ลูกทำตามความฝัน คุณพ่อเขาก็จะคอยชื่นชม ให้กำลังใจ พ่อเป็นนักสะสมศิลปะอยู่แล้ว เขาก็จะเอางานพวกนั้นมาให้เราดูภาพถ่าย เขาจะชอบเอามาให้เราดูและศึกษา
อีกอย่างหนึ่ง เราอาจจะค่อนข้างโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวที่แบบว่า เราก็อยู่อย่างสบายบ้าง ไม่ต้องดิ้นรนมาก ไม่ต้องหาเงินหรือหางานที่มันต้องได้เงินให้มากที่สุดในตอนนี้ แต่เราสามารถลองทำงานที่เรารัก ซึ่งเงินอาจจะไม่มากนัก แต่ว่าเราได้ทำงานที่เรารักและพัฒนาตัวเองไป
• คุณบุญชัย เคยเล่าให้ฟังว่าสมัยก่อนโน้น จบมาต้องไปศึกษาดูงาน ลุยงานเพื่อหาประสบการณ์ ตรงนี้เราคิดว่าสำคัญหรือไม่อย่างไร
จริงๆ มันก็ขึ้นอยู่กับว่างานอะไร อย่างเราสายงานช่างภาพ เราก็ได้ไปฝึกงานช่างภาพ แล้วก็ได้ไปเรียนรู้ตั้งแต่ศูนย์เหมือนกัน เพราะเราเคยไปเป็นผู้ช่วยช่างภาพมาก่อน เราก็ทำตั้งแต่ยกไฟ ก็ทำมาทุกอย่าง ฝึกทุกอย่าง ในสายงานของเรา
• มีใครที่คอยให้คำชี้แนะเป็นพิเศษไหม
ต้องขอบคุณพี่ศักดิ์ชัย กาย เลยครับ เพราะเป็นเหมือนกับอาจารย์คนแรกของคิดในด้านการถ่ายภาพ แล้วเขาก็สนิทกับที่บ้านด้วย พี่เขาจะคอยสอนการถ่ายรูป และให้งานแรกกับคิดด้วย โดยเฉพาะในช่วงปีแรก เขาก็จะคอยช่วยให้คำแนะนำในวิธีการทำงาน
• ทุกคนย่อมมีหลักในการทำงาน อะไรคือหลักในการถ่ายภาพของคุณคิดครับ
คิดมองว่าการถ่ายภาพมันเป็นงานศิลปะ ก็อยากจะสร้างภาพที่มันมีความคิดสร้างสรรค์ คิดชอบงานภาพที่ดูแปลกตา ไม่เหมือนภาพทั่วไป อาจจะด้วยแสงที่เราใช้ หรือว่าด้วยโลเกชั่นองค์ประกอบหลายๆ อย่าง ไม่เหมือนภาพถ่ายทั่วไป มีความเซอร์เรียลด้วย ดูไม่เหมือนจริงมาก อาจจะเปลี่ยนสีของห้องด้วยการใช้ไฟย้อมสี หรือสร้างแสงที่ดูดรามาติก ดูเหมือนฉากละครเวที
• กลัวคนไม่ชอบบ้างไหม
จริงๆ มันก็มีบางงานที่คิดถ่ายออกมาแล้ว ก็มีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบ อย่างเรื่องของแฟชั่น มันก็จะขึ้นอยู่กับรสนิยมของคน บางคนอาจจะชอบภาพที่มันค่อนข้างคอนเซอร์เวทีฟ อย่างผู้หญิง ก็อาจจะต้องโพสท่าที่ดูแล้วสวยหวาน แต่ถ้าโพสแบบแหกแข้งแหกขา หรืออาจจะดูมีความป่าเถื่อน แต่ถ้าจะมองให้อาร์ตมันก็อาร์ตได้ อย่างที่บอกว่างานศิลปะมันก็แล้วแต่คนจะมอง คนจะชอบอะไรแบบไหน อย่างบางที เราถ่ายงานให้ลูกค้าก็มีบอกไม่ชอบบ้าง ไม่ชอบโพสแบบนี้ อะไรทำนองนั้น
• เมื่อเร็วๆ นี้ เห็นว่าคุณคิดไปถ่ายปฏิทินให้กับซันโวด้วย?
อันที่จริง เรารู้จักกับพี่เต้อยู่แล้วนะครับ (เต้-ภูริต ภิรมย์ภักดี) เขาชอบงานของเรา ก็เลยชักชวนให้เราทำ เราก็คิดว่ามันเป็นอะไรที่ท้าทายดี เพราะเราไม่เคยถ่ายปฏิทินหรืออะไรที่มันดูเซ็กซี่ๆ ก็อยากจะลอง เป็นอะไรที่แปลกใหม่ดี
• ปฏิทินซันโว มันคือปฏิทินโป๊ในสายตาชาวบ้านเหมือนกัน ตรงนี้คิดอย่างไร
ถามว่าโป๊มั้ย ก็คือโป๊ครับ เพราะปฏิทินมันก็ต้องมีความเซ็กซี่อยู่แล้ว เพราะว่าตลาดที่เขาอยากจะมุ่งไป ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้ชาย ผู้ชายที่ดื่มเครื่องดื่ม ดูภาพแล้วทำให้เขารู้สึกแฮปปี้หรือคึกคัก เราก็ต้องสื่อถึงความเซ็กซี่มากๆ ของผู้หญิง แต่จริงๆ เราก็พยายามทำให้มันออกมาดูสวยด้วย แล้วก็ดูเซ็กซี่แบบมีราคา ส่วนหลังจากนั้นก็แล้วแต่คนจะมองครับ
• กับการทำงาน เราจัดวางความคิดตัวเองอย่างไร
คือถ้าเป็นงานที่มีลูกค้าเข้ามาเกี่ยวข้อง เราก็ต้องเอาความคิดตัวเองเข้าไปด้วย เราก็ฟังลูกค้าด้วย แต่ว่าเราอาจจะมีออกความคิดเห็นได้ รักษาสองจุดนี้ไว้ คือความเป็นตัวเรากับความต้องการของลูกค้า
• คิดว่าตัวเองติสต์ไหม
คือถ้าเป็นความอาร์ทิสต์ ก็คิดว่ามีครับ เชื่อว่าศิลปินทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักวาดภาพ ช่างภาพ หรืออะไรก็ตามแต่ ก็ต้องมีความติสต์เป็นของตัวเองอยู่แล้ว เพราะมันคือที่มาของความสร้างสรรค์ มันคือสิ่งที่จะทำให้เราเอาไอเดียออกมาทำงานสร้างสรรค์
• เสน่ห์ของการเป็นอาร์ทิสต์แบบช่างภาพคืออะไร
เราสามารถสร้างงานศิลปะออกมา แล้วมันเป็นการจับช่วงเวลาที่ว่า ถ้ามันผ่านไปแล้ว ก็จะผ่านไปเลย แต่เราได้เก็บบันทึกไว้ในรูปแบบของภาพถ่าย และเราสามารถกลับมาดูได้ ไม่ว่าจะถ่ายอะไรก็ตาม ทุกอย่างมันมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่การถ่ายภาพก็ทำให้เราเก็บช่วงเวลานั้นๆ ไว้
• มองศิลปะภาพถ่ายในบ้านเราตอนนี้อย่างไรบ้าง
มันก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาเหมือนกัน เพราะทุกอย่างมันก็ต้องเปลี่ยนแปลง มีงานของคนไทยรุ่นใหม่ๆ ที่ได้ไปแสดงร่วมกับงานของชาวต่างชาติ มีการผสมผสานเทคนิคใหม่ๆ ทำให้งานมันดูใหม่มากขึ้น หลากหลายมากขึ้น
• แล้วในฝั่งของผู้เสพงานล่ะครับ
สำหรับคนไทย ศิลปะอาจจะยังไม่ได้อยู่ในการปลูกฝังเท่าที่ควร อย่างคนที่จะไปเดินดูพิพิธภัณฑ์ก็ยังน้อย เราคนชาวกรุง วันหยุดก็จะไปเดินห้างหรืออะไรแบบนั้นมากกว่าที่จะมาเดินชมงานศิลปะ แต่มันก็ค่อนข้างพัฒนาขึ้นในช่วงเวลาหลังๆ คนเริ่มที่จะชื่นชมงานอาร์ตกันมากขึ้น โดยเฉพาะวงการแฟชั่น ค่อนข้างที่จะเติบโตรวดเร็ว ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อย่างดีไซเนอร์ไทย เขาก็มีแบรนด์นู่นนี่ผุดขึ้นมามากมาย มันก็เป็นแรงผลักอย่างหนึ่งซึ่งทำให้คนหันมาสนใจงานศิลปะแฟชั่นกันมากขึ้น มันก็เป็นการช่วยดึงศิลปะด้านการถ่ายภาพแฟชั่นให้เติบโตขึ้นไปด้วย
• พูดคำนี้มาก็บ่อย สุดท้ายอยากให้พูดอีกหน่อยครับว่าศิลปะคืออะไรในความคิดของคุณ
ศิลปะคืออะไรก็ได้ที่สร้างขึ้นมาด้วยความคิดสร้างสรรค์ และมันไม่มีขอบเขต เราสามารถทำขึ้นมาเพื่อให้คนชื่นชม
• คุณคิดบอกว่าตนเองชอบการเรียนรู้ ผ่านวิธีการไหนบ้างครับ
ก็หลายๆ อย่างอ่ะครับ อย่างการไปเดินดูพิพิธภัณฑ์ ดูภาพถ่ายของอาร์ทิสต์ต่างๆ หรือกระทั่งการดูหนังก็ช่วยได้เหมือนกัน อย่างหนังเรื่อง “เดอะ แกรนด์ บูด้าเพสท์ โฮเต็ล” (The Grand Budapest Hotel) คิดก็ชอบการภ่ายภาพของเขา ทำให้เราเก็บมาใช้ในงานของเราได้ ทุกอย่างที่เราดู เราก็สามารถที่จะเก็บมาเป็นแรงบันดาลใจได้ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว ไปเจอสถานที่ใหม่ๆ พบปะคัลเจอร์ต่างๆ เราไม่รู้หรอกว่ามันจะกลับมาเป็นแรงบันดาลใจในด้านไหนได้บ้าง แต่ว่ามันน่าจะปลูกฝังให้ความคิดเรามันเจริญเติบโต เป็นการเปิดโลก เปิดหูเปิดตา ทำให้ความคิดของเรากว้างขึ้น
_________________________________________________________
ผลงานภาพถ่ายจำนวนหนึ่งของ “คิด-คณชัย เบญจรงคกุล”
ภาพโดย วรวิทย์ พานิชนันท์
จากเด็กหนุ่มผู้จบจากห้องเรียนคณะสถาปัตยกรรมที่ประเทศอังกฤษ “คิด-คณชัย เบญจรงคกุล” หมุนเส้นทางชีวิตสู่การเป็นนักถ่ายภาพอย่างเต็มเวลา เพราะความรักความหลงใหลในการมองโลกผ่านเลนส์กล้อง เขาบอกกล่าวกับเราถึงความลุ่มหลงเป็นพิเศษในการถ่ายภาพคน เพราะมันทำให้เขาได้สืบค้นลงไปในน้ำเนื้อแห่งมนุษย์และอารมณ์ความรู้สึกอันหลากหลายของชีวิต ผ่านสีหน้าแววตา และท่าทางของผู้คนที่อยู่หน้ากล้อง
ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ชื่อของ “คิด คณชัย” ดูจะกลายเป็นประเด็นให้คนในได้กล่าวถึง และคนนอกหลายคนได้ซี้ดซ้าดกันไปตามสมควร กับการที่เขารับตำแหน่งเป็นผู้ลั่นชัตเตอร์ให้กับปฏิทินซันโวที่ดู “โป๊” ในสายตาใครหลายคน และ...เขามีคำตอบ...
ปัจจุบัน นอกเหนือจากบทบาทของช่างภาพแฟชั่น “คิด คณชัย” ยังรับหน้าที่เป็นพิธีกรในรายการ “Who Are You คุณคือใคร” ซึ่งออกอากาศทางช่อง True Inside แน่นอนว่า รายการดังกล่าวยังคงเกาะเกี่ยวอยู่กับความรักความชอบของเขาอย่างแน่นหนึบ ด้วยคอนเซ็ปต์ที่เชิญผู้มีชื่อเสียงในแวดวงต่างๆ มาออกรายการ สัมภาษณ์และถ่ายภาพ เพื่อค้นหาเอกลักษณ์ตัวตนของบุคคลนั้นๆ
ในช่วงสั้นๆ หลังจากที่เขาบันทึกเทปรายการจบ ก่อนจะไปถ่ายภาพต่ออีกงาน เราใช้เวลาช่วงนั้นสนทนากับเขา เกี่ยวกับความสนใจในการถ่ายภาพ ไล่เลยไปจนถึงประเด็นเรื่องความเป็นศิลปะ-ศิลปิน
เช่นเดียวกับรายการของเขาที่ตั้งคำถามต่อผู้อื่นว่า “Who Are You คุณคือใคร”
บทสนทนาถัดจากนี้ คงพอจะให้คำตอบได้ว่า “คิด-คณชัย เบญจรงคกุล” คือใคร
ไม่ใช่เพียงคือใคร ในความหมายของเทือกเถาเหล่ากอ
หากแต่คือใคร ในตัวตนความคิด...
• ครั้งหนึ่ง คุณเคยพูดว่าสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการถ่ายภาพ ถามว่าการถ่ายภาพมันเลี้ยงชีวิตได้ขนาดนั้นเลยหรือ
ก็เรียกว่าได้ในระดับหนึ่งครับ แต่เราไม่สามารถใช้จ่ายฟุ่มเฟือยหรือเต็มที่เหมือนเมื่อก่อนตอนที่เรายังใช้เงินพ่อแม่ แต่ตอนนี้ การถ่ายภาพมันเป็นรายได้หลักของเรา มันก็พอทำให้เราใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ โอเค พอได้ แต่ไม่สามารถที่จะไปท่องเที่ยวปีละหลายๆ ครั้ง เพราะเวลาเดินทางมันใช้เงินเยอะ เราไม่สามารถจะไปเดินทางอย่างที่เราเคยทำเมื่อก่อน ไม่สามารถบินไปแล้วก็ไปอยู่โรงแรมห้าดาว อย่างนั้นยังไม่ได้ครับ
• ถึงที่สุดแล้ว คิดว่างานถ่ายภาพจะเป็นงานที่หล่อเลี้ยงชีวิตเราจริงๆ ได้หรือเปล่า
คิดว่าน่าจะได้ครับ แต่มันก็จะต้องมีสเต็ปของมัน เหมือนกับเวลาเราทำงานอะไรก็ตาม ค่าตัวก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นอยู่แล้วตามลำดับและวันเวลา
• คุณคิดว่าตัวเองอยู่ในลำดับขั้นตอนไหนแล้วตอนนี้
ก็ถือว่าเป็นช่างภาพรุ่นใหม่ครับ คือเราเริ่มทำงานมาประมาณ 3-4 ปีแล้ว ช่วงแรกๆ ก็ทำงานอย่างอื่นไปด้วย แต่ในช่วงสองปีหลัง เราโฟกัสเรื่องการถ่ายรูปมากขึ้น ก็อยู่ในช่วงที่เรากำลังพัฒนาฝีมือตัวเองไปเรื่อยๆ เพราะว่ามันเป็นอะไรที่ต้องเรียนรู้ตลอดเวลา ทุกครั้งที่เราถ่ายภาพ มันก็เป็นเหมือนการฝึกฝนแล้วก็พัฒนาตัวเองไปด้วย
• คุณเริ่มรู้ว่าตัวเองชอบการถ่ายภาพมาตั้งแต่ช่วงอายุประมาณเท่าไหร่
น่าจะประมาณ 17 ปีนะครับ
• อะไรคือเสน่ห์ที่ทำให้เราตกหลุมรักการมองโลกผ่านเลนส์
น่าจะเป็น...คือผมเป็นคนที่ชอบถ่ายภาพคน มันมีฟีลลิ่ง มีความรู้สึกเวลาที่เราถ่ายภาพคน มันทำให้เราดึงอารมณ์ของแต่ละคนออกมาได้ คือภาพหนึ่งภาพมันจะแตกต่างกันออกไปตามคาแรกเตอร์ของคนคนนั้น แล้วการถ่ายภาพคนมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราพบปะผู้คนด้วย ทำให้เราสร้างภาพสวยๆ ของคนคนนั้นขึ้นมา
การถ่ายภาพคน มันทำให้เราได้รู้ว่า จริงๆ แล้ว แต่ละคนก็มีมุมสวยงามในแบบของตัวเอง และมันไม่จำเป็นว่าเราจะต้องถ่ายคนหล่อคนสวยอย่างเดียว ภาพถึงจะออกมาสวย อย่างคนสูงวัยหรือว่าคนที่หน้าตาไม่ได้ถือว่าหล่อหรือสวย แต่เขาก็จะมีความเป็นเอกลักษณ์หรือว่ามีคาแรกเตอร์เป็นของตัวเองที่เราสามารถดึงออกมาผ่านภาพได้ ทำให้ภาพมันออกมาเป็นภาพที่สวยงามได้
• ภาพที่สวยงามภาพหนึ่ง นี่ต้องยังไงบ้างในความคิดของคุณ
มันอยู่ที่องค์ประกอบของภาพนั้นๆ ครับ เรื่องคอมโพซิชัน เรื่องแสงและเงา แล้วก็เรื่องอารมณ์ มีสามอย่างหลักๆ นี้ มันเหมือนการวาดภาพภาพหนึ่ง เราจะวางองค์ประกอบนั้นๆ ไว้ตรงไหนอย่างไร นั่นคือการคอมโพซิชันที่สามารถทำให้ภาพออกมาสวยหรือไม่สวยได้ ส่วนเรื่องของอารมณ์ ถ้าไม่ใช่ถ่ายแลนด์สเกปหรือสิ่งของ แต่เป็นภาพคน มันก็จะมีเรื่องของอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะใบหน้าของคนมันสามารถที่จะแสดงถึงอารมณ์ แล้วเวลาที่เราดูภาพ เราก็จะรู้สึกร่วมไปกับอารมณ์นั้นด้วย
• จำเป็นไหมที่จะต้องมีกล้องราคาสูงๆ
ไม่จำเป็นนะครับ คนบางคนสามารถสร้างภาพดีๆ ได้จากกล้องมือถือด้วยซ้ำ แต่ว่ามันขึ้นอยู่กับควอลิตี้เท่านั้นแหละว่ามือถือของเรา ความลึก ความชัด ความคม อาจจะไม่ได้เหมือนกล้องทั่วไป แต่ถามว่ามันสามารถสร้างภาพที่เป็นศิลปะสวยงามได้ไหม ก็สามารถสร้างได้เหมือนกัน การถ่ายภาพมันก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของคนถ่าย และทำอย่างไร เราจะทำให้คนดูต้องหยุดดูภาพภาพนั้นเป็นเวลานานๆ หรือว่ามันติดตาไปอีกนาน
• คุณคิดเรียนการถ่ายภาพมาโดยตรงหรือเปล่าครับ
จริงๆ คิดเรียนจบสถาปัตย์มาครับ แต่เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่สายงานที่เราต้องการอยากทำ เราไม่ได้มีความรักเท่ากับเพื่อนๆ ที่เรียนด้วยกัน เราก็เลยไปเรียนคอร์สสั้นๆ สามเดือน เกี่ยวกับการถ่ายรูปที่อังกฤษและนิวยอร์ก แล้วก็ได้ไปเรียนรู้งานกับช่างภาพหลายๆ คนที่นิวยอร์กเป็นเวลาครึ่งปี ขณะเดียวกัน เราก็เริ่มงานถ่ายรูปของเราเองไปด้วย กลับมาเมืองไทย เราก็เริ่มถ่ายงานแฟชั่นให้กับแมกกาซีนบางฉบับ
คือมีอยู่ช่วงหนึ่งตอนที่เรียนสถาปัตย์ เรามีโอกาสทำหนังสือรวมเล่ม ชื่อว่า “อาย ทู อาย” (Eye to Eye) เป็นหนังสือพอร์เทรต ทำให้กับการกุศลน่ะครับ รวมบุคคลที่มีชื่อเสียงในเมืองไทยประมาณร้อยกว่าคน แล้วก็เอามารวมเป็นหนังสือวางจำหน่าย นำรายได้ไปมอบให้มูลนิธิช่วยคนตาบอด หลังจากโปรเจกต์นั้นก็รู้สึกว่าเราชอบการถ่ายรูปมาก ก็เลยไปเรียนเพิ่มเติมด้านเทคนิค เพราะที่ผ่านมา เราไม่ค่อยรู้เรื่องของเทคนิคอะไรเท่าไหร่ เราก็รู้แค่ว่าหยิบกล้องมาแล้วก็ถ่ายๆๆ ลองผิดลองถูก
• ในส่วนของคุณพ่อ (คุณบุญชัย) ว่าอย่างไรบ้าง
ก็สนับสนุนเต็มที่ครับ เพราะคุณพ่อก็ชอบงานศิลปะอยู่แล้ว ท่านก็สนับสนุนให้ลูกทำตามความฝัน คุณพ่อเขาก็จะคอยชื่นชม ให้กำลังใจ พ่อเป็นนักสะสมศิลปะอยู่แล้ว เขาก็จะเอางานพวกนั้นมาให้เราดูภาพถ่าย เขาจะชอบเอามาให้เราดูและศึกษา
อีกอย่างหนึ่ง เราอาจจะค่อนข้างโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวที่แบบว่า เราก็อยู่อย่างสบายบ้าง ไม่ต้องดิ้นรนมาก ไม่ต้องหาเงินหรือหางานที่มันต้องได้เงินให้มากที่สุดในตอนนี้ แต่เราสามารถลองทำงานที่เรารัก ซึ่งเงินอาจจะไม่มากนัก แต่ว่าเราได้ทำงานที่เรารักและพัฒนาตัวเองไป
• คุณบุญชัย เคยเล่าให้ฟังว่าสมัยก่อนโน้น จบมาต้องไปศึกษาดูงาน ลุยงานเพื่อหาประสบการณ์ ตรงนี้เราคิดว่าสำคัญหรือไม่อย่างไร
จริงๆ มันก็ขึ้นอยู่กับว่างานอะไร อย่างเราสายงานช่างภาพ เราก็ได้ไปฝึกงานช่างภาพ แล้วก็ได้ไปเรียนรู้ตั้งแต่ศูนย์เหมือนกัน เพราะเราเคยไปเป็นผู้ช่วยช่างภาพมาก่อน เราก็ทำตั้งแต่ยกไฟ ก็ทำมาทุกอย่าง ฝึกทุกอย่าง ในสายงานของเรา
• มีใครที่คอยให้คำชี้แนะเป็นพิเศษไหม
ต้องขอบคุณพี่ศักดิ์ชัย กาย เลยครับ เพราะเป็นเหมือนกับอาจารย์คนแรกของคิดในด้านการถ่ายภาพ แล้วเขาก็สนิทกับที่บ้านด้วย พี่เขาจะคอยสอนการถ่ายรูป และให้งานแรกกับคิดด้วย โดยเฉพาะในช่วงปีแรก เขาก็จะคอยช่วยให้คำแนะนำในวิธีการทำงาน
• ทุกคนย่อมมีหลักในการทำงาน อะไรคือหลักในการถ่ายภาพของคุณคิดครับ
คิดมองว่าการถ่ายภาพมันเป็นงานศิลปะ ก็อยากจะสร้างภาพที่มันมีความคิดสร้างสรรค์ คิดชอบงานภาพที่ดูแปลกตา ไม่เหมือนภาพทั่วไป อาจจะด้วยแสงที่เราใช้ หรือว่าด้วยโลเกชั่นองค์ประกอบหลายๆ อย่าง ไม่เหมือนภาพถ่ายทั่วไป มีความเซอร์เรียลด้วย ดูไม่เหมือนจริงมาก อาจจะเปลี่ยนสีของห้องด้วยการใช้ไฟย้อมสี หรือสร้างแสงที่ดูดรามาติก ดูเหมือนฉากละครเวที
• กลัวคนไม่ชอบบ้างไหม
จริงๆ มันก็มีบางงานที่คิดถ่ายออกมาแล้ว ก็มีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบ อย่างเรื่องของแฟชั่น มันก็จะขึ้นอยู่กับรสนิยมของคน บางคนอาจจะชอบภาพที่มันค่อนข้างคอนเซอร์เวทีฟ อย่างผู้หญิง ก็อาจจะต้องโพสท่าที่ดูแล้วสวยหวาน แต่ถ้าโพสแบบแหกแข้งแหกขา หรืออาจจะดูมีความป่าเถื่อน แต่ถ้าจะมองให้อาร์ตมันก็อาร์ตได้ อย่างที่บอกว่างานศิลปะมันก็แล้วแต่คนจะมอง คนจะชอบอะไรแบบไหน อย่างบางที เราถ่ายงานให้ลูกค้าก็มีบอกไม่ชอบบ้าง ไม่ชอบโพสแบบนี้ อะไรทำนองนั้น
• เมื่อเร็วๆ นี้ เห็นว่าคุณคิดไปถ่ายปฏิทินให้กับซันโวด้วย?
อันที่จริง เรารู้จักกับพี่เต้อยู่แล้วนะครับ (เต้-ภูริต ภิรมย์ภักดี) เขาชอบงานของเรา ก็เลยชักชวนให้เราทำ เราก็คิดว่ามันเป็นอะไรที่ท้าทายดี เพราะเราไม่เคยถ่ายปฏิทินหรืออะไรที่มันดูเซ็กซี่ๆ ก็อยากจะลอง เป็นอะไรที่แปลกใหม่ดี
• ปฏิทินซันโว มันคือปฏิทินโป๊ในสายตาชาวบ้านเหมือนกัน ตรงนี้คิดอย่างไร
ถามว่าโป๊มั้ย ก็คือโป๊ครับ เพราะปฏิทินมันก็ต้องมีความเซ็กซี่อยู่แล้ว เพราะว่าตลาดที่เขาอยากจะมุ่งไป ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้ชาย ผู้ชายที่ดื่มเครื่องดื่ม ดูภาพแล้วทำให้เขารู้สึกแฮปปี้หรือคึกคัก เราก็ต้องสื่อถึงความเซ็กซี่มากๆ ของผู้หญิง แต่จริงๆ เราก็พยายามทำให้มันออกมาดูสวยด้วย แล้วก็ดูเซ็กซี่แบบมีราคา ส่วนหลังจากนั้นก็แล้วแต่คนจะมองครับ
• กับการทำงาน เราจัดวางความคิดตัวเองอย่างไร
คือถ้าเป็นงานที่มีลูกค้าเข้ามาเกี่ยวข้อง เราก็ต้องเอาความคิดตัวเองเข้าไปด้วย เราก็ฟังลูกค้าด้วย แต่ว่าเราอาจจะมีออกความคิดเห็นได้ รักษาสองจุดนี้ไว้ คือความเป็นตัวเรากับความต้องการของลูกค้า
• คิดว่าตัวเองติสต์ไหม
คือถ้าเป็นความอาร์ทิสต์ ก็คิดว่ามีครับ เชื่อว่าศิลปินทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักวาดภาพ ช่างภาพ หรืออะไรก็ตามแต่ ก็ต้องมีความติสต์เป็นของตัวเองอยู่แล้ว เพราะมันคือที่มาของความสร้างสรรค์ มันคือสิ่งที่จะทำให้เราเอาไอเดียออกมาทำงานสร้างสรรค์
• เสน่ห์ของการเป็นอาร์ทิสต์แบบช่างภาพคืออะไร
เราสามารถสร้างงานศิลปะออกมา แล้วมันเป็นการจับช่วงเวลาที่ว่า ถ้ามันผ่านไปแล้ว ก็จะผ่านไปเลย แต่เราได้เก็บบันทึกไว้ในรูปแบบของภาพถ่าย และเราสามารถกลับมาดูได้ ไม่ว่าจะถ่ายอะไรก็ตาม ทุกอย่างมันมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่การถ่ายภาพก็ทำให้เราเก็บช่วงเวลานั้นๆ ไว้
• มองศิลปะภาพถ่ายในบ้านเราตอนนี้อย่างไรบ้าง
มันก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาเหมือนกัน เพราะทุกอย่างมันก็ต้องเปลี่ยนแปลง มีงานของคนไทยรุ่นใหม่ๆ ที่ได้ไปแสดงร่วมกับงานของชาวต่างชาติ มีการผสมผสานเทคนิคใหม่ๆ ทำให้งานมันดูใหม่มากขึ้น หลากหลายมากขึ้น
• แล้วในฝั่งของผู้เสพงานล่ะครับ
สำหรับคนไทย ศิลปะอาจจะยังไม่ได้อยู่ในการปลูกฝังเท่าที่ควร อย่างคนที่จะไปเดินดูพิพิธภัณฑ์ก็ยังน้อย เราคนชาวกรุง วันหยุดก็จะไปเดินห้างหรืออะไรแบบนั้นมากกว่าที่จะมาเดินชมงานศิลปะ แต่มันก็ค่อนข้างพัฒนาขึ้นในช่วงเวลาหลังๆ คนเริ่มที่จะชื่นชมงานอาร์ตกันมากขึ้น โดยเฉพาะวงการแฟชั่น ค่อนข้างที่จะเติบโตรวดเร็ว ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อย่างดีไซเนอร์ไทย เขาก็มีแบรนด์นู่นนี่ผุดขึ้นมามากมาย มันก็เป็นแรงผลักอย่างหนึ่งซึ่งทำให้คนหันมาสนใจงานศิลปะแฟชั่นกันมากขึ้น มันก็เป็นการช่วยดึงศิลปะด้านการถ่ายภาพแฟชั่นให้เติบโตขึ้นไปด้วย
• พูดคำนี้มาก็บ่อย สุดท้ายอยากให้พูดอีกหน่อยครับว่าศิลปะคืออะไรในความคิดของคุณ
ศิลปะคืออะไรก็ได้ที่สร้างขึ้นมาด้วยความคิดสร้างสรรค์ และมันไม่มีขอบเขต เราสามารถทำขึ้นมาเพื่อให้คนชื่นชม
• คุณคิดบอกว่าตนเองชอบการเรียนรู้ ผ่านวิธีการไหนบ้างครับ
ก็หลายๆ อย่างอ่ะครับ อย่างการไปเดินดูพิพิธภัณฑ์ ดูภาพถ่ายของอาร์ทิสต์ต่างๆ หรือกระทั่งการดูหนังก็ช่วยได้เหมือนกัน อย่างหนังเรื่อง “เดอะ แกรนด์ บูด้าเพสท์ โฮเต็ล” (The Grand Budapest Hotel) คิดก็ชอบการภ่ายภาพของเขา ทำให้เราเก็บมาใช้ในงานของเราได้ ทุกอย่างที่เราดู เราก็สามารถที่จะเก็บมาเป็นแรงบันดาลใจได้ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว ไปเจอสถานที่ใหม่ๆ พบปะคัลเจอร์ต่างๆ เราไม่รู้หรอกว่ามันจะกลับมาเป็นแรงบันดาลใจในด้านไหนได้บ้าง แต่ว่ามันน่าจะปลูกฝังให้ความคิดเรามันเจริญเติบโต เป็นการเปิดโลก เปิดหูเปิดตา ทำให้ความคิดของเรากว้างขึ้น
_________________________________________________________
ผลงานภาพถ่ายจำนวนหนึ่งของ “คิด-คณชัย เบญจรงคกุล”
ภาพโดย วรวิทย์ พานิชนันท์