xs
xsm
sm
md
lg

สุขทั้งน้ำตา คำสารภาพจากใจของชายผู้อยู่เพื่อรัก...รอง เค้ามูลคดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ผลลัพธ์จะออกมายังไงก็ช่างมัน เพราะเราแก้ไขมันไม่ได้
ตรงนั้นมันอยู่นอกเหนือการควบคุมของเราแล้ว
พ่อแค่ขอทำหน้าที่สามีให้ดีที่สุดจนถึงวันสุดท้าย
จะทำให้ดีที่สุด ทำให้เต็มที่ ทำจนสุดหัวใจ
จนกว่าเขาจะไม่ให้เราทำแล้ว
หรือไม่มีโอกาสให้เราทำแล้ว”
รักแท้เป็นสิ่งที่หอมหวานในความนึกคิด ตราบเท่าที่มันเป็นเพียงเรื่องราวในความนึกคิด เพราะบางทีเมื่อยืนประจันหน้ากับความจริงของชีวิต รักแท้ที่เคยรู้สึกเคยนึกคิดว่าหอมหวานปานน้ำผึ้ง อาจมีอะไรให้พิสูจน์มากกว่านั้น...

เราคงมิอาจสรุปหรือคิดแทนใคร ว่าสิ่งที่ผู้ชายคนนี้ทำมาตลอดระยะเวลาหลายปี เป็นรักแท้หรือไม่และหวานซึ้งเพียงใด แต่เชื่อว่าใครต่อใครที่ได้รับรู้เรื่องราวของเขา ไม่มากไม่น้อย ย่อมรู้สึกนึกชม

“ปทุมวดี เค้ามูลคดี” หรือที่ใครต่อใครเรียกขานด้วยความนับถือว่า “แม่ทุม” ถูกรุมเร้าด้วยโรคร้ายตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่าน และในช่วงเวลาเหล่านั้น มีคนรักคู่ชีวิต “รอง เค้ามูลคดี” ยืนคู่อยู่ข้างมาโดยตลอด

รักแท้จะเผยตัว เมื่อถึงคราววิกฤต...เรานึกคิดถึงถ้อยคำทำนองนี้ขึ้นมาในใจ ขณะก้าวเข้าไปหาผู้ชายคนนี้ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ก็เคยให้สัมภาษณ์กับสื่ออยู่เรื่อยๆ แต่นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่แตกต่างออกไป เพราะไม่เพียงคำพูดเชิงรำพึง กึ่งๆ รำพัน ถึงวิกฤตการณ์ที่กำลังคุกคามความรู้สึก หากแต่ “พ่อรอง” ยังพาเราก้าวลึกเข้าไปในเรื่องราวส่วนตัว ก่อนความรักจะก่อตัว ก่อนโลกนี้จะมีคู่ชีวิต “ปทุมวดี-รอง เค้ามูลคดี”

...เรามักโหยหาช่วงเวลาที่แสนดี
เรามักปรารถนาการได้ทำสิ่งดีๆ
โอบกอดและดูแลคนรักของเราให้ดีๆ
แต่ใช่หรือไม่ว่า บางที เราก็รู้สึกกับสิ่งเหล่านี้น้อยเกินไป
และหลายๆ ครั้ง ก็ช้าเกินไป
ดูเหมือนนักแสดงรุ่นใหญ่จะพยายามส่งเสียงเตือนเราทำนองนั้น...

 • อยากให้พ่อรองอัปเดตอาการแม่ทุมสักหน่อยค่ะว่าเป็นอย่างไรบ้าง
หมอบอกว่าตอนนี้ต้องประคับประคองกันไป มันไม่มีทางรักษา โรค ALS ไม่มีทางรักษานะ มันเป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิดร้ายแรง ยังไงก็ไม่มีทางรอด มันจะบล็อกทีละส่วน มันบล็อกขาก่อน ทำให้ขาขยับไม่ได้ มาถึงแขน แขนยกไม่ได้ เวลานี้มันลามขึ้นมาบนประสาทแล้ว หมอเขาพยายามป้องกันคือไม่ให้ติดเชื้อ แต่เวลานี้มีเชื้อเข้าไปแล้ว และเป็นเชื้อที่ร้ายแรงด้วย หมอก็ป้องกัน ใช้ยาที่ดีที่สุด เพื่อไม่ให้เชื้อมันเข้าสู่กระแสเลือด เพราะถ้าเข้ากระแสเลือดจะอันตรายมาก เวลานี้ ยาที่หมอให้มันก็สามารถเยียวยาได้พอสมควร มันก็ยังไม่เข้ากระแสเลือดและยังไม่เข้าหัวใจ ถ้ามันเข้าสองอย่างนี้ก็คือจบ



อาการแม่ทุมตอนนี้ต้องบอกเลยว่ามันทรง มันไม่ทรุด แต่มันทรง คือเขาจะลืมตาบ้างเป็นบางครั้ง ก็จะมอง แต่ไม่ตอบรับ เขามอง แต่เขาไม่ได้มองเรา เขาเหม่อมองไปไหนก็ไม่รู้ แต่เขาอาจจะรู้ก็ได้ว่าใครมาหา เพราะเวลาไปเยี่ยม พ่อต้องหอมแก้มเขาทุกครั้ง เมื่อก่อนเขาจะตอบรับ จะยิ้ม เขาจะหอมตอบ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว หมดเลย เขาก็จะเฉย แต่ก็มีอันที่เรารู้ว่าเขายังรู้สึกเพราะเวลาที่เราเดินไปไหน เขาก็จะมองตาม หรือเวลาที่ใครเดินไปไหน เขาก็จะเหลือบมองตาม แต่เขาก็มองเหมือนว่ามีอะไรผ่านเขาไปแค่นั้น เพราะเขาอาจจะไม่รู้จักว่าใครด้วยซ้ำ

 • เท่าที่สังเกต เหมือนว่าจะมีคนเข้ามาเยี่ยมไม่ขาดสายเลย
มีคนมาให้กำลังใจเยอะมาก (เน้นเสียง) โดยเฉพาะในเฟซบุ๊ก วันหนึ่งไม่ต่ำกว่าพันคน พ่อจะอ่านทุกคอมเมนต์แล้วก็ขอบคุณพวกเขา ต้องบอกว่า บางทีกำลังใจเป็นเหมือนยาบำรุงร่างกายเราอย่างดีเลยนะ เราดูเฟซบุ๊ก เราจะเห็นเลยว่าคนที่เป็นแฟนคลับของแม่ทุม ห่วงแม่ทุมทุกคน พ่อก็ไม่เชื่อนะว่าบางครั้ง การที่เราเป็นนักแสดงคนหนึ่ง แต่ไม่ได้หมายถึงว่าเป็นดารายิ่งใหญ่ ยามเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา จะมีคนห่วงใยมากมายขนาดนี้ ก็ถึงบอกว่านี่คือความดีของเขา ไม่ใช่ความดีของเรานะ เป็นความดีของแม่ทุมที่เขาสั่งสมเอาไว้

พ่อขอบคุณทุกกำลังใจที่ยื่นมาให้ มันเหมือนเป็นยา เหมือนว่าเรากำลังจะเป็นลม มีคนยื่นยาหอมมาให้ เอายาดมมาให้ มันก็ทำให้เราสดชื่นขึ้นมาทันที มันกลายเป็นแรงใจให้เราได้สู้ต่อไป จะว่าไปแล้วทุกคนอยู่ได้ด้วยกำลังใจนะ กำลังใจจากครอบครัว กำลังใจจากคนรอบข้าง ทั้งพรรคพวกเพื่อนฝูง ทั้งคนที่ไม่รู้จักแต่ให้กำลังใจเรา ต่างก็สำคัญเหมือนกันหมด

 • โดยส่วนตัว ตอนนี้พ่อรองแบ่งเวลางานกับการไปดูแลแม่ทุมอย่างไรบ้างคะ
โอ้โห...(อุทานพร้อมกับหัวเราะเล็กน้อย) จะตายอยู่แล้ว ไข้กิน เสียงเสิงแห้ง งานก็เยอะ ละครห้าเรื่อง แต่พ่อจะขอทางกองถ่ายเขา ตอนเช้าจะไปดูแม่ทุม และบ่ายจะไปถ่ายละคร ซึ่งเขาจะถ่ายฉากที่มีพ่อได้ถึงตีหนึ่งตีสอง กลับมาถึงบ้านตีสาม ก็จะนอน ตื่นแปดโมงเก้าโมง เราก็จะออกจากบ้านไปโรงพยาบาลไปหาแม่ทุม จะเป็นแบบนี้ทุกวัน ทำเป็นกิจวัตร มันเหมือนข้าราชการประจำเลยเวลานี้ คือพ่อมีหน้าที่ตื่นแปดโมง จะนอนตอนไหนก็แล้วแต่ แต่แปดโมงก็ต้องตื่นเพื่อเตรียมตัวออกจากบ้านไปหาเขา

พ่อไม่เคยคิดเรื่องพักผ่อน มีแต่คิดอยู่อย่างเดียวเลยว่าจะมีวิธีไหนที่จะช่วยให้เขารอดและมีชีวิตได้ยืนยาว ไปหาพระองค์ไหนที่ท่านเก่งๆ ที่ท่านสามารถช่วยได้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถช่วยได้ ตรงนี้ต้องบอกง่ายๆ ว่ามันเป็นมโน เป็นสิ่งที่เราคิดไปเอง ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้แน่ๆ เพราะมนุษย์ทุกคนเกิดมา ต้องมีเกิดแก่เจ็บตายทั้งนั้น มันหลีกเลี่ยงไปไม่ได้ เพราะเขาขีดมาแล้ว แต่ว่าเราอยากทำให้เขาสบายที่สุด ให้เขาไม่ลำบาก ก็จะพยายามไปหาพระที่เป็นพระปฏิบัติ พระป่าอะไรทำนองนั้นให้ท่านช่วยชี้ทาง ท่านก็ได้แต่บอกมาว่าไม่ต้องห่วงหรอก โยมทุมน่ะไปสบายแน่ พระท่านจะบอกเสมอว่าแม่ทุมเขาสบายกว่าเราเยอะ เขาตายไป เขาก็อยู่ที่สูงกว่าเรา เราเองสิต้องห่วง

 • ต้องเข้าไปดูแลทุกวันเลยหรือเปล่า
ทุกวันครับ (ตอบเร็ว) เวลาว่างพ่อจะไปตลอด อีกอย่างพ่อจะจ้างผู้ช่วยพยาบาลเขาดูแลตลอดเวลา เก้าโมงพ่อออกจากบ้าน เขาเปิดให้เยี่ยมสิบโมง พอถึงเที่ยง พ่อก็จะออกจากโรงพยาบาลแล้วก็บึ่งไปกองถ่าย ซึ่งกองถ่ายเวลานี้ เขาเปิดโอกาสให้พ่อไปถึงตอนบ่ายโมงได้ สรุปคือพ่อจะไปเยี่ยมแม่ทุมทุกวันไม่เคยขาด นอกจากจะมีธุระจำเป็นจริงๆ ก็จะให้ลูกไปแทน ถ้าไม่ได้ไป จะโทรศัพท์หาคนที่เขาดูแล จะคุยกันตลอดว่าเป็นยังไง ออกซิเจนเท่าไหร่ ความดันเท่าไหร่ ระบบการหายใจเป็นยังไง หัวใจเป็นยังไงเต้นเท่าไหร่ จะถามกันทุกวัน

 • แล้วแบบนี้หน้าที่ของพ่อในแต่ละวันต้องทำอะไรบ้าง
ไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะเราไปยุ่งมากไม่ได้ เพราะหมอเขากลัวติดเชื้อ จับตัว เขายังไม่อยากให้จับเลย เราก็อาศัยแค่ว่าไปดูเท่านั้นเอง ไปดูเขา ก็พยายามพูดกับเขา มีพรรคพวกเอาเทปธรรมะไปเปิดให้เขาฟังบ้าง

ตอนนี้สิ่งเดียวที่ทำได้คือดูแลเขาให้ได้มากที่สุดทุกอย่าง แม้จะต้องหมดสิ้นเนื้อประดาตัวก็ยอม เอาแค่เขารอด จะต้องขายบ้าน ขายทุกสิ่งทุกอย่างก็ยอมหมด คือเอาแค่เขารอดเท่านั้นพอ

ขอเรียนถามตามตรงว่า ที่ทำอยู่ทุกวันนี้มีท้อบ้างไหม
ถ้าบอกว่าไม่ท้อ มันเป็นไปไม่ได้ แรกๆ นี่ยิ่งท้อ ท้อเพราะทำอะไรไม่ถูก มันเคว้งคว้าง หมดอาลัยตายอยาก แต่มีอยู่วันหนึ่ง เรายืนมองเขาอยู่ แล้วพอดีหมอเดินมา หมอบอกว่า “คุณอา อาทุมนี่สู้จริงๆ เลย” พ่อก็ถามเขาว่า “แม่เขาสู้ยังไงหมอ” หมอก็บอกทันทีว่า “เนี่ย ผมรู้ว่าเวลานี้ อาทุมเขากำลังต่อสู้ สู้กับทุกอย่างเพื่อเอาชนะให้ได้” เราฟังแค่นี้เราคิดขึ้นมาแว้บเลย แล้วก็มองตาเขา เขาก็มองมา

พ่อรู้อยู่แล้วว่าแม่ทุมเป็นคนเข้มแข็ง ไม่อ่อนแอง่ายๆ พ่อเลยบอกกับลูกสาว (ปัทมวรรณ นิยม) ว่าจากนี้ไปเราจะท้อไม่ได้แล้วนะ ในเมื่อแม่เขาเจ็บขนาดนี้ เขายังสู้ แล้วทำไม อาการเราครบ 32 ประการ สมบูรณ์ดี เราจะไม่สู้ได้ยังไง เราต้องมาจับมือกัน แล้วก็จับมือแม่สู้ไปพร้อมกัน เราจะทำให้สุดหัวใจ ซึ่งผลลัพธ์มันจะออกมายังไง ก็ถือว่าเราทำดีที่สุดแล้ว พ่อไม่เคยสิ้นหวัง จะคิดเสมอว่าเขาต้องฟื้น เขาต้องดีขึ้น

เพราะอะไรทำไมพ่อรองถึงทุ่มเทได้ถึงเพียงนี้
ถ้าบอกว่าคือความรักมันก็จะดูโอเวอร์ไป แต่มันก็คือความรักจริงๆ มันเป็นรักที่บริสุทธิ์ ถ้าพูดแบบลิเกก็จะบอกว่าฉันพร้อมจะตายแทนได้ (น้ำเสียงสั่นเครือเล็กๆ) ถ้าสลับตัวกัน เอาพ่อไปเจ็บ เอาแม่มาแข็งแรงเหมือนพ่อ พ่อเอานะ อย่าว่าแต่นอนเจ็บแทนเลย ตอนนี้บอกว่าให้เราตายแทน เรายังเอาเลย

วินาทีที่อยู่ตรงนี้มันมีคุณค่ามากที่สุดสำหรับชีวิต คนเราเขาบอกว่า ถ้าไม่ถึงนาทีวิกฤต มันจะมองไม่เห็นถึงคุณค่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา เรารู้ว่าแม่ทุมเป็นคนดี แม่ทุมมีแต่ให้กับทุกคน แต่เราไม่ได้รู้ซึ้งลงไปว่าคนคนนี้เราควรจะหวงแหน เราควรจะต้องถนอม เราควรจะต้องรักษา ซึ่งเมื่อก่อน เราเคยดูแลเขา 60 เปอร์เซ็นต์ ส่วน 40 เปอร์เซ็นต์คือไม่ค่อยได้ดู แต่ ณ ปัจจุบันนี้มันไม่ใช่ ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้ เราจะทำให้เต็มร้อยเหมือนทุกวันนี้ แต่มันก็ทำไม่ได้แล้ว เต็มร้อยในที่นี้คือพ่ออยากย้อนไปรักเขาสุดหัวใจ หวงแหน ถนอม ไม่อยากจะให้เป็นอะไรไปได้เลย

 • แบบนี้ก็สามารถพูดได้ว่าพ่อรองรักแม่ทุมมากถึงขนาดยอมเจ็บและตายแทนได้
คือตอนนี้มันเป็นความรัก เป็นความรับผิดชอบ เป็นหน้าที่ของสามีที่ดีจะต้องดูแลภรรยาทั้งในยามสุขและยามทุกข์ หน้าที่ของสามีคือจะต้องทำให้ภรรยามีแต่ความสุขใจ ไม่สร้างความเดือดร้อน ไม่สร้างความทุกข์ให้แก่ภรรยา ทุกวันนี้มันเป็นทุกสิ่งทุกอย่างผสมรวมกัน ทั้งความรับผิดชอบ หน้าที่และที่เหนือกว่าสองสิ่งนี้ก็คือความรัก

อีกอย่างคือความดี (เสียงหนักแน่น) พ่อแพ้ความดีของเขา ยิ่งอยู่ด้วยกันไป ความดีเขายิ่งเพิ่มขึ้นๆ ถึงเราจะเกเรบ้าง เลวบ้าง ของเรามีแต่ลดลงๆ แต่ของเขามีแต่เพิ่มขึ้นๆ เขาไม่เคยอะไรเลย เขาจะพูดอย่างเดียวว่าพ่อแก้ตัวนะ ทำตัวซะใหม่ แก้ไขซะใหม่ เริ่มไม่น่ารักแล้วนะ ทุกคนมองพ่อ เดี๋ยวภาพลักษณ์พ่อไม่ดี เขาก็จะพูดเตือนอยู่แบบนี้

คนเรา ยามที่เราจะได้เขามาเป็นคู่ครอง เราต้องผ่านวิกฤตพอสมควร โดยเฉพาะกับครอบครัวเขา คือก่อนหน้าที่จะแต่งงานพ่อเข้าไปคลุกคลีกับครอบครัวเขาเกือบปีก็ไม่เคยพูด มีอยู่วันหนึ่งเลยตัดสินใจไปขอเขา ครอบครัวเขาพ่อแม่เขาก็ถามว่ามีอะไรเป็นสินสอดทองหมั้น เราก็บอกเขาไปว่าไม่มี ไม่มีอะไรเลย จน (เน้นเสียง) แต่มีอย่างเดียวคือความรักและคำมั่นสัญญาที่จะให้ได้ เขาก็ถามมาว่าคุณมีอะไรที่เป็นหลักประกันว่าลูกผมจะไม่เดือดร้อน จะไม่ถูกคุณทิ้ง เราก็บอกไปว่าคุณพ่อครับ ผมให้สัญญากับคุณพ่อและต่อหน้าทุกๆ คนเดี๋ยวนี้เลยว่าผมกับทุมจะแยกกันก็ต่อเมื่อใครคนใดคนหนึ่งขึ้นไปอยู่บนเมรุ เราจะแยกจากกันต่อเมื่อใครคนใดคนหนึ่งหมดลมหายใจเท่านั้น

เล่าย้อนให้ฟังหน่อยค่ะว่าพ่อรองกับแม่ทุมพบรักกันตอนไหนยังไง
ความรักของพ่อกับแม่ทุมมันประหลาดมาก คือจริงๆ แล้ว พ่อเป็นแฟนกับเพื่อนเขา เพื่อนสนิทของเขาเลย แต่คบกันไปคบกันมา มันทะเลาะกันตลอด พอทะเลาะกันที เราก็จะไปบอกว่าทุมทำไมเพื่อนเธอถึงงี่เง่า พูดไม่รู้เรื่องอะไรแบบนี้ เขาก็บอกว่า “รอง นาย เขาเรียกพ่อว่านาย นายไปแก้แบบนี้สิ แบบนั้นสิ เราก็เอาที่เขาพูดไปทำ เออมันก็ดีจริงๆ มันก็ผ่านไปได้ทีละเปลาะๆ พอคบกับเพื่อนเขาได้ประมาณ 6-7 เดือน เราคิดว่าฉันต้องมานั่งแก้ปัญหาแบบนี้ทุกวันเลยเหรอ ต้องปรึกษาแม่ทุมทุกวันเลยเหรอ ก็เลยตัดสินใจเลิก แล้วเป็นเพื่อนกัน

หลังจากที่พ่อเลิกกับแฟน (เพื่อนแม่ทุม) ก็คบกับแม่ทุมต่อไป แต่ก็ยังคบกันเป็นเพื่อนเหมือนเดิม คบกันมาได้สักสองปี เราก็นั่งมองหน้าเขา เป็นวันที่พ่อเครียดมากที่สุด ถามเขาว่าฉันมีปัญหาเกิดขึ้นอีกแล้ว เป็นปัญหาที่ไม่รู้จะแก้ยังไง เขาก็แนะนำมา เราก็นั่งคิดว่า เออก็จริงของมันเว้ย ถึงมันจะแก้ไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่มันได้ถึง 70 เปอร์เซ็นต์เลย แต่ทำไมเรานึกไม่ถึงวะ โอ้โหเราหันไปมองหน้าเขาอีกที แล้วก็จับมือเขา เขาก็ถามมาว่ามีอะไร ผมเลยบอกว่า เราแต่งงานกันเถอะ ตอนนั้นเพื่อนตกใจทั้งโต๊ะเลย เพื่อนนั่งอยู่กันสิบกว่าคน ตกใจกันหมด บอก “ไอ้รอง มึงห้าวอะไรขึ้นมาเนี่ย” พ่อเลยบอกว่า เฮ้ย กูตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าผู้หญิงคนนี้คือเมียกู

พ่อรองมีหลักในการอยู่ด้วยกันอย่างไรในตอนนั้น เพราะจะว่าไป ก็ดูแตกต่างกันอยู่ทั้งสองฝ่าย
การจะอยู่ด้วยกันเลยต้องอดทนทั้งสองฝ่าย ต้องอดทนซึ่งกันและกัน แล้วเมื่ออีกฝ่ายเป็นไฟ อีกฝ่ายต้องพยายามเป็นน้ำให้ได้ ถึงแม้จะรู้ตัวว่าทำไม่ได้ก็ต้องทำ เพราะถ้าเป็นไฟทั้งคู่ มันไหม้แน่นอน อีกอย่างต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน แม่ทุมเขาก็ให้เกียรติเรามาก แม่ทุมไม่เคยไม่ให้เกียรติใคร ไม่ใช่แค่กับพ่อ กับหลายๆ คนที่เลี้ยงดูมา หักหลังเขา โกงเขา เขาก็ให้อภัยตลอด เขาไม่ยึดติดอะไร เขามีแต่ให้ ซึ่งเป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่ คือให้อภัย

อีกอย่างสำหรับชีวิตคู่ คือต้องเข้าใจกัน ถ้าคนเราอยู่ด้วยกัน ไม่เข้าใจกัน ยังไงก็บ้านระเบิด และที่สำคัญที่สุด ต้องดูแลกันและกันให้ดีที่สุด เพราะคนเราถ้ารักกัน ต้องดูเขาทั้งยามสุขและทุกข์ ไม่ใช่ว่าสุขดู ทุกข์ไม่ดู มันเป็นไปไม่ได้

อยู่ด้วยกันมาถึงทุกวันนี้กี่ปีแล้วคะ
ปีนี้ก็ย่างปีที่ 48 พ่อแต่งงานกับแม่ทุมวันที่ 16 พฤษภาคม 2510 จริงๆ พ่อไม่ได้มองว่ารักของพ่อกับแม่ทุมยืนยงหรอก แต่พ่อจะคิดเสมอว่ามันจะเป็นรักที่ยืนนานตลอดไป ถึงแม้อะไรจะเกิดขึ้น ความรักที่พ่อมีต่อแม่ทุมก็จะยังคงอยู่

• เท่าที่ฟังดู เหมือนจะเป็นรักแท้อย่างสมบูรณ์แบบ
พ่อว่ามันพูดยากนะ แต่สำหรับพ่อก็คือ รักแท้เป็นสิ่งที่ทุกคนใฝ่หา มันเป็นโชควาสนาของแต่ละบุคคลว่าจะได้เจอะเจอหรือไม่ เมื่อเรามีรักแท้ เราต้องทำให้รักแท้นั้นเป็นอมตะ ต้องให้มันเป็นอมตะแบบนี้ตลอดไป ต้องช่วยกัน ต้องจับมือกันทั้งสามีและภรรยา มันถึงจะให้รักแท้ยืนยงคงอยู่ต่อไปได้

เคยมีปัญหากันไหม
ทุกครอบครัวมีปัญหาหมดนะ ยิ่งสมัยหนุ่มๆ ปัญหาจะเยอะมาก เพราะพ่อเจ้าชู้ อันนี้รู้ตัว พ่อมีแฟนเยอะแยะไปหมด แต่แม่ทุมเขาจะไม่เคยโกรธ ไม่เคยโมโห เวลามีปัญหา เขาจะชวนพ่อประมาณว่าเราไปนั่งรถกัน เพื่อไม่ให้ลูกได้ยิน ไปคุยกันในรถ มีอะไรจะเถียงกันก็เถียงกันให้จบในรถแล้วค่อยกลับเข้าไปในบ้าน อย่าให้ลูกรู้ว่าเราทะเลาะกัน

• แม่ทุมเขาบอกอะไรบ้าง ขณะนั่งสนทนาอยู่ในรถ
เขาก็จะบอกเสมอว่า ขอเถอะพ่อ พอเถอะ มันไม่ดีหรอก ยิ่งพ่อเป็นคนที่ทุกคนเขารู้จัก เคารพนับถือ ถ้าพ่อทำตัวแบบนี้แล้วเด็กจะเคารพพ่อได้ยังไง ถ้ามีข่าว พ่อก็มีแต่เสียกับเสีย ไม่ได้ว่านะ แต่ว่าเตือนพ่อไว้ ส่วนใหญ่แม่ทุมเขาก็จะเลือกพูดแบบนี้ แม่เขาจะไม่เคยพูดคำหยาบกับพ่อ แม่ไม่เคยใช้อารมณ์รุนแรงเขวี้ยงปาข้าวของหรือทำร้ายพ่อเลย แต่แม่เขาจะใช้วิธีพูด ซึ่งเขาพูดกับเราเหมือนผู้ใหญ่ที่กำลังสอนเด็ก พ่อก็จะฟังแล้วค่อยๆ คิดไป

คิดได้เลยไหมตอนนั้น
พ่อว่าส่วนใหญ่ทุกคนจะมาคิดได้ก็ต่อเมื่อเหตุการณ์มันผ่านไปแล้ว ในเมื่อมันเรียกกลับมาไม่ได้แล้ว นี่คือความเป็นมนุษย์ พอมาถึงวันนี้ พ่อก็มานั่งคิดนะว่าถ้ารู้อย่างนี้ ทุกเรื่องที่ผ่านมา ฉันจะไม่ทำ ซึ่งมันก็เป็นไปไม่ได้ เพราะทำไปแล้ว มันย้อนกลับไปไม่ได้ มันก็เป็นแบบนี้แหละชีวิตมนุษย์ พออะไรที่มันกำลังจะเสียไป สิ่งที่เรารักที่สุด เราหวงแหนที่สุด เรารู้เต็มแก่ว่ามันกำลังจะจากไป ก็มานั่งคิดว่าอะไรที่ยังไม่ได้ทำให้เขา ก็อยากจะทำ แต่มันก็ทำไม่ได้เต็มที่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว

 • ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ พ่อรองอยากทำอะไรมากที่สุด
พ่อจะเลือกไม่เจ้าชู้ แต่ถึงกระนั้น แม้พ่อจะเป็นคนเจ้าชู้ แต่ก็เป็นคนเจ้าชู้ที่รักครอบครัวมาก เจ้าชู้จริง แต่พ่อจะรักและดูแลครอบครัวอย่างดี พ่อจะไม่ทิ้งลูกทิ้งเมีย

 • จากที่เคยพลาดมาเหมือนกัน พ่อรองมีบทเรียนอะไรที่อยากฝากถึงลูกๆ หลานๆ บ้างไหมคะในเรื่องความรักหรือชีวิตคู่
ต้องบอกก่อนเลยว่าเราคงไปสอนใครไม่ได้หรอก โลกมันเปลี่ยนไป มันคนละยุคคนละสมัย ทำไมรุ่นพ่อ คนไทยในยุคสมัยนั้นนิยมมีผัวเดียวเมียเดียว ซึ่งเราเห็นมาจากคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย คุณพ่อเรา เราเห็นมาแบบนั้น เราเลยฝังใจกับตรงนั้น แล้วเราได้รับการอบรมมาว่าถ้าหากจะรักใคร เราอย่าไปคิดว่าได้เขามาแล้ว ถึงวันหนึ่งเบื่อแล้วจะทิ้งเขา ให้มั่นใจเสียก่อนว่าจะรักเขาและดูแลเขาตลอดชีวิต ถึงคิดจะแต่งงาน แล้วเราก็จำ

สมัยก่อน มันมีคำพูดหนึ่งซึ่งบอกว่าผู้ชายเรา เวลาเจอผู้หญิงมีสามอย่าง หนึ่งคือชอบ คือผู้หญิงคนนี้เราชอบ สอง อยาก คืออยากได้มาเป็นของฉัน และสามคือความใคร่ คืออยากเว้ย ยังไงก็ต้องเป็นของฉัน ต้องจับผู้หญิงคนนี้ให้ได้ ไม่รู้ว่าสมัยนี้เขาคิดแบบนี้หรือเปล่านะ สมัยพ่อเป็นหนุ่มๆ นั้น เขาคิดกันแบบนี้ แต่บังเอิญพ่ออยู่ตรงกลาง คือชอบ อยากให้เขามาเป็นของเรา แล้วมันต่อด้วยว่าถ้าเป็นของเราวันไหน จะดูแลทะนุถนอมให้ดีที่สุด

มันอยู่ที่เราจะเลือกตรงไหน แต่สมัยนี้พ่อเข้าใจนะว่าเขาอยากได้มากกว่า หนึ่งคือพอได้มา ก็จะได้รับคำชมว่า โห มึงแน่เว้ย เอ็งแน่ว่ะ พิชิตเขาได้ อะไรประมาณนี้ ซึ่งมันอาจไม่จริงก็ได้นะ แต่นี่เราคิดในฐานะที่เราเป็นผู้ใหญ่ว่าอาจจะมีอย่างนั้น เพราะเด็กสมัยนี้ต้องบอกก่อนว่า ไอ้ความที่เขาจะคิดยาวๆ นี่มันมี คนดีก็มี คือคนดีๆ ที่เขาได้มาแล้ว เขาอยู่กัน แต่งงานกัน เป็นคู่ผัวตัวเมียก็เยอะแยะไป

 • เหมือนกับที่พ่อรองได้เจอ นั่นก็คือรักแท้
ที่จริงมันก็มีหลายมุมมองนะ บางคนเขามองว่าไอ้รองกับไอ้ทุมมันเป็นรักแท้ บางคนก็บอกว่าไอ้รองใช้กรรม เพราะหนุ่มๆ มันทำกับไอ้ทุมไว้เยอะ ตอนนี้มันเลยต้องทำทุกอย่างเพื่อให้กรรมมันหมด แบบนี้มันแล้วแต่คนมอง ซึ่งสำหรับพ่อ พ่อมองว่ามันไม่ใช่กรรม เขามองผิด มันไม่ใช่กรรมหรอก กรรมมันก็อยู่ส่วนกรรม อะไรที่เราทำกับเขาไว้ เราก็ต้องรับกรรมอันนั้น สิ่งที่เรียกว่าบุญกับกรรมมันต้องแยกจากกัน แต่ที่เราทำทุกวันนี้ เพราะความรัก พูดได้เลยว่าเป็นเพราะความรักล้วนๆ

 • มีอะไรบ้างคะที่เราปรารถนามากที่สุดในตอนนี้
สิ่งเดียวที่พ่ออยากได้ คือขอแค่ให้เขารู้สึก รู้ว่าเราเป็นใคร ไปหาเขาแล้วเขารู้ตัวเหมือนแต่ก่อนและไม่ต้องใส่ท่อหายใจ แค่หมอบอกว่ากลับไปบ้านได้แล้วนะ ให้ดูแลกันเองได้ แค่นั้นพอใจแล้ว

 • ในครอบครัวตอนนี้ มีการให้กำลังใจกันอย่างไรบ้าง
ยุ้ย (ปัทมวรรณ นิยม) ลูกสาวพ่อเขาจะไม่ท้อ เขานิสัยคล้ายแม่ เป็นคนสู้ แต่จะไม่ค่อยพูด เขาจะให้กำลังใจพ่อตลอด เขาจะพูดกับพ่อเสมอว่าเขาเชื่อว่าเราต้องไม่แพ้ ทั้งที่เรารู้เต็มอกว่ายังไงก็แพ้ เราจะให้กำลังใจกันและกัน เราทำดีที่สุดแล้ว อะไรจะเกิดเราก็ต้องยอมรับสภาพ เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่เราทำได้

พ่อรู้ว่ายังไงเราก็สู้ไม่ได้ กับโรคภัยไข้เจ็บ เราจะไปสู้ยังไง แต่เราก็ให้กำลังใจตัวเองว่าเราต้องไม่แพ้ ฉันต้องเอาชนะแกให้ได้ ทั้งๆ ที่ฉันรู้ว่าประตูปิดตายหมด ไม่มีหนทางเลย ไม่รู้จะน็อกกันยังไงเวลานี้ เวลานี้เหมือนขึ้นยกที่ห้าแล้ว เหมือนมวยไทยที่เขามีห้ายก เตะก็แล้ว ศอกก็แล้ว อะไรก็แล้ว แกก็ยังไม่ร่วงสักที เวลาก็ใกล้หมดยกเต็มทน แกยังไม่มีทีท่าว่าจะเป็นอะไรเลย เวลานี้ ถ้าเป็นมวย เราก็อยู่ยกห้าแล้ว เป็นยกสุดท้าย ยกที่ต้องสู้และยิ่งต้องสู้หนักกว่าเดิม ห้ามโยนผ้าขาว (หัวเราะตลกแบบขำขื่นๆ เศร้าๆ)

 • แล้วถ้าสมมติว่ามีพรวิเศษสักหนึ่งข้อ พ่อรองอยากจะขออะไร
พ่ออยากขอให้เขากลับมาเหมือนเดิม เป็นประทุมวดีคนเดิม จะอยู่ในสภาพไหน เรารับได้ทั้งนั้น ขอแค่นี้แหละ ไม่ขอมากกว่านี้แล้ว คือขอให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม มันเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าขอได้ ก็อยากให้เขากลับมาอยู่บ้านได้ ให้เราสามารถดูแลเขาได้พอแล้ว อย่ามีอันตรายถึงกับชีวิต เขาจะหายมาในสภาพไหนพ่อรับได้ เดินไม่ได้ พ่อสามารถอุ้มอาบน้ำได้ พ่อสามารถอุ้มใส่รถเข็นเข็นไปเที่ยวนู่นเที่ยวนี่ได้ เพียงแต่ว่าขออย่าให้เขามีอันตรายถึงแก่ชีวิตก็พอ ทุกวันนี้พ่อยังมีความหวัง ยังรอปาฏิหาริย์อยากให้เขาหาย

พ่อรู้สึกว่าแม่ทุมเป็นคนที่สู้ เป็นคนที่แข็งแรง ไม่ยอมแพ้ต่ออะไรง่ายๆ เพราะฉะนั้น พ่อก็จะไม่ยอมแพ้ จะจับมือเขาสู้ไปด้วยกัน เพราะเราจะปล่อยให้เขาสู้โดดเดี่ยวไม่ได้ ผลลัพธ์จะออกมายังไงก็ช่างมัน เพราะเราแก้ไขมันไม่ได้ ตรงนั้นมันอยู่นอกเหนือการควบคุมของเราแล้ว พ่อแค่ขอทำหน้าที่สามีให้ดีที่สุดจนถึงวันสุดท้าย จะทำให้ดีที่สุด ทำให้เต็มที่ ทำจนสุดหัวใจ จนกว่าเขาจะไม่ให้เราทำแล้ว หรือไม่มีโอกาสให้เราทำแล้ว...


เรื่อง : วรัญญา งามขำ
ภาพ : พลภัทร วรรณดี
กำลังโหลดความคิดเห็น