ทีมข่าวนิวส์วัน ร่วมกับทหารศูนย์สงครามพิเศษ ลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านพักตากอากาศ 8 หลัง บุกรุกชะง่อนผาเขาหนองเชื่อม ปากช่อง เจ้าของระดับบิ๊กตำรวจนครบาล พบกระบวนการออกเอกสารสิทธิ น้องชาย “ธาริต” รังวัดเองทั้งหมด ทำสัญญาให้เช่ากับบริษัท ก่อนขายต่อเป็นทอด เตรียมเพิกถอนเอกสารสิทธิก่อนชงยึดทรัพย์
วันนี้ (12 ก.ย.) สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมนิวส์วัน ได้เผยแพร่รายงานพิเศษ การลงพื้นที่สำรวจบ้านพักตากอากาศ 8 หลัง ที่ปลูกสร้างบุกรุกพื้นที่ของศูนย์สงครามพิเศษบริเวณชะง่อนผา เขาหนองเชื่อม ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา หลังจากที่ศูนย์สงครามพิเศษ มอบหายให้เจ้าหน้าที่เข้าร้องทุกข์ต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ทั้งนี้ บ้านพักตากอากาศดังกล่าว ผู้ครอบครองส่วนใหญ่เป็นถึงนายตำรวจ และข้าราชการระดับสูง รวมถึงอาจารย์มหาวิทยาลัยชื่อดัง ทั้งๆ ที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในความครอบครองของศูนย์สงครามพิเศษ
กระทั่งได้มอบหมายให้ พ.ท.สิรวิชญ์ แข็งขัน ผบ.พันรบพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ กองทัพบก เข้าร้องทุกข์ต่อ ป.ป.ท. เพื่อเข้ามาตรวจสอบการครอบครองและการก่อสร้างบ้านพักตากอากาศที่มีการบุกรุกที่ดินของทหาร ที่ใช้สำหรับฝึกหน่วยรบพิเศษ โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง ต่อมา พ.อ.สมหมาย บุญบา เสนาธิการกองยุทธการ กองทัพภาคที่ 2 ในฐานะคณะทำงานด้านกฎหมาย กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 2 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง
นายเสวก อรรถกิจวิโรจน์ ผู้ดูแลบ้านพัก ให้การว่า นายบุญธรรม บุญเทพประทาน เป็นผู้ว่าจ้างให้มาดูแลความเรียบร้อย โดยบ้านพักตากอากาศทั้ง 8 หลังที่อยู่ละแวกใกล้กัน มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่และอัยการเป็นผู้ครอบครอง ซึ่งมีทั้งพลตำรวจตรีชื่อดัง สังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พลตำรวจโทอดีตนายตำรวจระดับสูงกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (บก.ภ.7) นายตำรวจยศพลตำรวจโท และพลตำรวจตรีอีก 3 นาย รวมถึงภรรยาพลตำรวจตรีและอัยการอีก 2 คน
พ.อ.สมหมาย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเอกสารสิทธิโฉนดที่ดินในพื้นที่ของศูนย์สงครามพิเศษ พบว่า มีการออกโฉนดที่ดิน 33 แปลง เนื้อที่รวม 538 ไร่ ซึ่งออกโดยนิคมสร้างตนเองลำตะคอง โดยเป็นหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตนิคมสร้างตนเอง (น.ค.3) ที่ออกให้ชาวบ้านตั้งแต่ปี 2545 ก่อนจะยื่นขอออกโฉนดที่ดินเมื่อปี 2550 โดยมีชาวบ้านได้รับการออกโฉนดรวม 12 ราย จากนั้นได้มอบหมายให้ นายเสฏฐวุฒิ เพ็งดิษฐ์ ซึ่งเป็นน้องชายของ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นผู้นำรังวัด และชี้นำในการออกโฉนดที่ดินทุกแปลง ท่ามกลางข้อสงสัยถึงการได้รับมอบอำนาจในการนำรังวัด เพราะน่าจะเป็นทายาทหรือเจ้าของเอกสาร น.ค.3
แต่ที่ดินของชาวบ้านทั้ง 12 แปลง กลับมี นายเสฏฐวุฒิ เป็นผู้นำรังวัดเพียงคนเดียว ทั้งๆ ที่ นายเสฏฐวุฒิ ไม่น่าจะทราบว่าผู้ครอบครองแต่ละแปลงมีเนื้อที่การครอบครองเท่าใด นอกจากนี้ ยังพบว่า หลังออกโฉนดที่ดินทุกแปลงแล้ว ได้มีการทำสัญญาให้เช่ากับบริษัท บ้านชุนทอง จำกัด มีนายบุญธรรม บุญเทพประทาน เป็นผู้จัดการ และต่อมาในปี 2555 ซึ่งครบกำหนดสิทธิห้ามโอน 5 ปี ได้มีการขายต่อให้กับบริษัท บ้านชุนทอง ก่อนจะมีการขายต่ออีกทอดให้กับผู้ครอบครองในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม เดิมที่ดินของศูนย์สงครามพิเศษมีพื้นที่ประมาณ 4 หมื่นไร่ แต่ในปี 2508 ทหารอเมริกันได้เข้ามาขอใช้พื้นที่บางส่วนฝึกซ้อมรบกับประเทศที่สาม ต่อมาในปี 2511 ได้มีการออกกฎหมายก่อสร้างนิคมสร้างตนเอง ก่อนที่ปี 2515 จะมีการก่อสร้างเขื่อนลำตะคอง จึงได้มีการอพยพชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่การก่อสร้างเขื่อนออก จนเกิดเป็นนิคมสร้างตนเองลำตะคอง ต.หนองสาหร่าย คาบเกี่ยวกับ ต.ขนงพระ ซึ่งมีการกันแนวพื้นที่ ทำให้พื้นที่ของศูนย์สงครามพิเศษถูกล้อมรอบด้วยนิคมสร้างตนเองลำตะคองจนกลายเป็นไข่แดง และถูกชาวบ้านบุกรุกพื้นที่เรื่อยมา ปัจจุบันศูนย์สงครามพิเศษเหลือพื้นที่อยู่เพียง 2.3 หมื่นไร่เท่านั้น
ทั้งนี้ กองพันรบพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ จะดำเนินการตรวจสอบเอกสาร น.ค.3 กับทางนิคมสร้างตนเองลำตะคอง ก่อนจะร้องขอให้มีการเพิกถอนเอกสาร น.ค.3 ดำเนินการแจ้งกรมที่ดินเพื่อพิจารณาเพิกถอนเอกสารสิทธิโฉนดที่ดินในพื้นที่หทาร และประสานไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ให้ดำเนินการตรวจสอบยึดทรัพย์บุคคลที่เกี่ยวข้อง แต่จะไม่มีการรื้อถอนบ้านพักตากอากาศที่มีการปลูกสร้างไว้แล้ว เพื่อเก็บไว้ทำประโยชน์ทางการทหารต่อไป
จากการลงสำรวจพื้นที่ของทีมข่าวนิวส์วัน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารจากค่ายฝึกรบพิเศษปากช่อง กองพันพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ พบว่า บ้านพักตากอากาศแต่ละหลัง มีการปลูกสร้างในละแวกใกล้เคียงกัน โดยตรวจพิกัดพื้นที่ปลูกสร้างบ้านพักตากอากาศ เทียบกับแผนที่ทหาร ยังพบว่าปลูกอยู่ในพื้นที่ของศูนย์สงครามพิเศษ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ภูเขาที่มีความลาดชันเกินกว่า 35% ซึ่งตามกฎหมายราษฎรไม่มีสิทธิ์ครอบครองเพื่อทำประโยชน์ แต่กลับมีการร่วมมือระหว่างนายทุนกับเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน รวมถึงเจ้าหน้าที่นิคมสร้างตนเองลำตะคอง ทำการคอร์รัปชันอย่างเป็นกระบวนการเพื่อฮุบที่ดินแปลงงามไว้ในครอบครองก่อนจะแบ่งขายให้กับพวกพ้อง
และจากการสำรวจบ้านพักตากอากาศหลังแรก ซึ่งเป็นของนายตำรวจใหญ่สังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล พบว่ามีการปลูกสร้างเป็นบ้านหรูขนาดใหญ่ และมีการจัดสวนอย่างสวยงาม รวมไปถึงถนนทางเข้าบ้านจนถึงตัวบ้านยังราดยางมะตอยอย่างดี หนึ่งในผู้ดูแลบ้านตากอากาศอ้างว่าเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินเดิมเป็นของนายแสง เพื่อนของพ่อสามี ก่อนจะมีนายตำรวจใหญ่มาติดต่อขอซื้อเมื่อ 7 ปีก่อน พร้อมกับอ้างว่า เดิมที่ดินบริเวณนี้เป็นของชาวบ้านเข้ามาจับจองตั้งแต่ทหารอเมริกันยังไม่เข้ามาใช้พื้นที่ตั้งค่ายฝึก นอกจากนี้ ผู้ดูแลบ้านอีกคนหนึ่งยอมรับว่า รับหน้าที่ดูแลบ้านหลังนี้มานานกว่า 4 ปี โดยได้รับค่าจ้างจากเจ้าของบ้านเดือนละ 7,500 บาท
