เริ่มแล้ววันนี้! กรมการขนส่งฯ ปรับเกณฑ์ใหม่สอบใบขับขี่

อธิบดีขนส่งฯพาทัวร์ชมระบบการสอบใบขับขี่ เปิดทำการวันแรกหลังปรับเกณฑ์ข้อสอบ ปรับปรุงเนื้อหาหลักสูตรให้ครอบคลุมถึงการขับรถอย่างปลอดภัย หวังช่วยลดอุบัติเหตุ

วันนี้ (2 มิ.ย) รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลา 10.00 น. นายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อธิบดีกรมการขนส่งทางบก นำคณะสื่อมวลชน ร่วมสังเกตการณ์การทดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ตามมาตรฐานใหม่ ซึ่งกรมฯได้ประกาศใช้เกณฑ์การทดสอบใหม่เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2557 ซึ่งวันนี้เป็นวันเปิดทำการวันแรก โดยมีการปรับปรุงเนื้อหาหลักสูตรให้ครอบคลุมถึงการขับรถอย่างปลอดภัยในสถานการณ์ต่างๆ ข้อควรระวัง และจุดบกพร่องที่ผู้ขับขี่อาจละเลย หรือมองข้าม พร้อมเพิ่มจำนวนข้อสอบเป็น 50 ข้อ โดยผู้ผ่านการทดสอบภาคทฤษฎีต้องผ่านเกณฑ์การสอบร้อยละ 90 จากเดิมกำหนดข้อสอบไว้ 30 ข้อ เกณฑ์ผ่านเพียงร้อยละ 75 เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานความรู้ความสามารถของผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ ทั้งนี้ ได้นำความรู้ที่ประมวลเป็นข้อสอบทั้งหมดจำนวน 1,000 ข้อ ออกเผยแพร่ทางเว็บไซต์ www.dlt.go.th เพื่อให้ประชาชนและผู้ที่จะเข้าทดสอบได้ศึกษาก่อนการทดสอบด้วย

ด้าน นายอัฌษไธค์ กล่าวว่า การปรับปรุงเนื้อหาหลักสูตรและเพิ่มเกณฑ์การทดสอบขอรับใบอนุญาตขับรถมาตรฐานใหม่ครั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างนักขับขี่รุ่นใหม่ให้มีความรู้เรื่องกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง มีวินัยในการขับขี่ และส่งเสริมให้เกิดการใช้รถใช้ถนนที่ปลอดภัย ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ส่วนใบอนุญาตขับรถ สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 5 หมายเลขโทรศัพท์ 0-2271-8426 หรือสำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ

ทั้งนี้ สำหรับขั้นตอนการขอรับใบอนุญาตขับรถปัจจุบัน เริ่มต้นด้วยการสาธิต “การทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย จำนวน 4 จุดทดสอบ” ประกอบด้วย ทดสอบอ่านสีที่เครื่องทดสอบ ทดสอบปฏิกิริยาการตัดสินใจ ทดสอบสายตาทางลึก และทดสอบสายตาทางกว้าง นอกจากนี้ จะต้องเข้าอบรมภาคทฤษฎีเป็นเวลา 4 ชั่วโมง จึงเข้าสู่ขั้นตอนการทำข้อสอบ ซึ่งจะต้องกดปุ่มแป้นคีย์บอร์ด เป็นแบบหน้าจอสัมผัส (Touchscreen) โดยผู้เข้ารับการทดสอบต้องลงทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่เพื่อรับบัตรทดสอบ นำบัตรทดสอบดังกล่าวสัมผัสกับอุปกรณ์การอ่านบัตรที่เครื่องทดสอบ ระบบจะประมวลผลแสดงข้อมูลส่วนตัวของผู้ทดสอบเพื่อยืนยัน และบันทึกภาพผู้ทดสอบ หลังจากนั้น จึงเริ่มทำข้อสอบ จำนวน 50 ข้อ เมื่อทำข้อสอบเสร็จแล้ว ระบบจะบันทึกภาพผู้ทดสอบอีกครั้งเพื่อเป็นการยืนยันความถูกต้อง พร้อมแจ้งผลการสอบภาคทฤษฎีทันที

นอกจากนี้ กรมฯยังได้จัดให้มีการทดสอบขับรถด้วยระบบ E-Driving ซึ่งใช้ระบบคอมพิวเตอร์จับสัญญาณของรถ ประกอบกับกล้องวงจรปิดเพื่อบันทึกเหตุการณ์ขณะทำการทดสอบ ผู้เข้ารับการทดสอบต้องสอบจำนวน 3 ท่าทดสอบ ประกอบด้วย

ท่าที่ 1 “การขับรถเดินหน้าและถอยหลังในทางตรง” ผู้เข้ารับการทดสอบต้องขับรถเดินหน้าจากเส้นเริ่มต้นในสถานีสอบที่กำหนดต่อเนื่องไปจนกันชนหน้ารถถึงเส้นสิ้นสุด จากนั้นให้หยุดรถและถอยรถกลับมาจนกันชนหน้ารถเลยเส้นเริ่มต้น โดยให้ขับรถเดินหน้า ถอยหลังได้เพียงครั้งเดียว โดยไม่ขับรถชนหรือเบียดเสาด้านใดด้านหนึ่งและเครื่องต้องไม่ดับ

ท่าที่ 2 “การขับรถเดินหน้าและหยุดรถเทียบทางเท้า” ให้ผู้เข้ารับการทดสอบขับรถเดินหน้าต่อเนื่อง ให้หยุดรถเพียงครั้งเดียว ณ ป้ายหยุด โดยกันชนหน้ารถต้องไม่ทับเส้นให้หยุดและห่างเส้นให้หยุดได้ไม่เกิน 1 เมตร ตัวรถด้านซ้ายขนานขอบทางและห่างจากขอบทางไม่เกิน 25 เซนติเมตร

ท่าที่ 3 “การขับรถถอยหลังเข้าจอดและออกจากช่องว่างด้านซ้าย” ให้ผู้เข้ารับการทดสอบ ขับรถในช่องทดสอบและค่อยๆ ถอยหลังในช่องจอด โดยล้อรถด้านซ้ายทั้งหน้าและหลังต้องทับเส้นเหลืองแสดงว่าผู้ขับรถจอดรถได้ถูกต้องโดยตลอดการทดสอบต้องไม่ขับรถชนหรือเบียดเสาหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของตัวรถล้ำเข้าไปในแนวเสาทั้งด้านหน้า ด้านซ้ายและด้านหลัง โดยตั้งแต่เริ่มถอยหลังเข้าช่องทดสอบจนกระทั่งขับรถออกจากช่องให้เปลี่ยนเกียร์ได้ไม่เกิน 7 ครั้ง

ทั้งนี้ หากไม่ผ่านท่าใดท่าหนึ่งจะมีสัญญาไฟสีแดงพร้อมสัญญาณเสียงว่าไม่ผ่าน พร้อมบันทึกภาพไว้ แต่หากผ่านจะมีสัญญาณไฟสีเขียว พร้อมเสียงสัญญาณว่าผ่าน ทั้งนี้ ผู้ผ่านการทดสอบขับรถจะต้องสอบผ่านทั้ง 3 ท่า จึงถือว่าการทดสอบขับรถสมบูรณ์